ตอนที่ 21 มังกรปาหลง โดย Ink Stone_Fantasy
“เคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
จักรพรรดิดำพยักหน้า “ตอนแรกที่ข้าได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดนี้มา ความจริงแล้วแบ่งออกเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ พวกมันส่งเสริมซึ่งกันและกัน มีพลังอันมิอาจคาดคะเนได้! ข้ามิได้บำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์จนครบสมบูรณ์ก็มีพลังยุทธ์เช่นในตอนนี้แล้ว เมื่อใดที่ครบสมบูรณ์…ก็อาจเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสุดยอดสุดท้าย ข้ามาพบเจ้าก็เพราะเห็นว่าเจ้ามีศักยภาพ รู้สึกว่าน่าจะทำสำเร็จได้ จึงเต็มใจจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์หนึ่งให้แก่เจ้า”
“ข้ามิได้ขี้เหนียวหรอกนะ! แต่ด้วยเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะศาสตร์ใดต่างก็ยากเย็นเป็นที่สุด อีกทั้งยังเป็นด้านที่แตกต่างกันอีกด้วย เจ้าสามารถบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดได้สำเร็จก็มิได้แปลว่าจะสามารถบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ ได้สำเร็จเช่นเดียวกัน รวบรวมพลังเสียก่อนแล้วค่อยเรียนอีกศาสตร์จะเป็นการดีกับเจ้ามากกว่า”
“ถ้าหากเจ้าไปถึงระดับขั้นสูงสุดของสองศาสตร์นี้แล้วก็สามารถมาหาข้าได้ ข้าสามารถถ่ายทอดศาสตร์ที่สามให้กับเจ้าได้อีก” จักรพรรดิดำพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเต็มใจจะถ่ายทอดก็เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้วขอรับ”
มิได้ร้องขอก็ถ่ายทอดให้แล้ว
นี่เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงอย่างแท้จริง!
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิดำส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ติดอยู่ที่จุดคอขวดสุดท้ายมาเนิ่นนานเหลือเกินจนแทบจะหมดความมั่นใจอยู่แล้ว ดังนั้นหวังว่าทางสายนี้ของข้าจะมีชนรุ่นหลังคนอื่นสามารถทำในสิ่งที่ข้ามิอาจทำได้ให้สำเร็จ”
เขามิได้ร้องขอเลยจริงๆ
เพราะว่าไม่ต้องการ! สถานะของเขาในตอนนี้ ขาดแคลนสมบัติล้ำค่าหรือ ขาดผู้หนุนหลังหรือ ล้วนมิได้ขาดแคลนทั้งสิ้น! เป็นเพียงแค่ความหลงใหลอย่างเดียวล้วนๆ เพราะตัวเขาเองรู้กระจ่างดียิ่งถึงความพิเศษของเคล็ดวิชาสืบทอดสายนี้ คงจะมิได้อ่อนกว่าทางสายของบรรพชนโลกาเลย เพราะพวกเขาสองคนออกผจญภัยพร้อมกัน แต่ละคนเลือกทางสายหนึ่ง
“นอกจากเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดแล้ว เคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์แบ่งออกเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดเก้าอสรพิษ เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลง และเคล็ดวิชาสืบทอดอสูรภูผา” จักรพรรดิดำพูดพลางชี้น้อยๆ ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งก็ลอยมาหาตงป๋อเสวี่ยอิง
อาณาเขตกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินออกมาในทันที ภายในลำแสงนี้เต็มไปด้วยข้อมูล ทั้งยังมิได้ปิดกั้น ประสาทรับรู้ทำการรับสัมผัส
ลำแสงนี้หายลับไปกลางอากาศ
“เคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์ เจ้าก็ควรที่จะเข้าใจด้วยเช่นกัน เลือกมาเองสักศาสตร์หนึ่งเถิด” จักรพรรดิดำพูด
หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจเคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์แล้วจึงตื่นตระหนกอย่างแท้จริง ตอนแรกเขาเลือกบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก็เพราะสามารถทำให้วิญญาณกล้าแกร่ง ส่วนด้านอื่นๆ เขามิได้ชมชอบสักเท่าใดนัก สำหรับ ‘ส่วนประกอบของโลกเขตลวง’ ที่อยู่ภายในนั้นเขาก็รู้สึกเฉยๆ ถึงอย่างไรแผนภาพคลื่นจาน สิบสามกระบี่ผลาญโลกา และโลกอนธการที่เขาศึกษา ต่างก็สามารถไปถึงพลังยุทธ์ชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้ในขั้นรวมเป็นหนึ่งด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้นเขาจึงดูเบาเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดอยู่บ้าง
ภายหลังตนสามารถอาศัยความสำเร็จของวิถีโลกเทียมทำการปรับปรุง ทำให้ขั้นรวมเป็นหนึ่ง เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดที่เดิมทีเป็นเพียงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว สามารถเข้าใกล้ได้อีกขั้นหนึ่ง! ส่วนลึกของจิตใจตงป๋อเสวี่ยอิงก็พึงพอใจในตนเองอยู่บ้าง
“ที่แท้…”
“เคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอับจนคำพูด
นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดอันสมบูรณ์แบบ!
ถ้าหากฝึกเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ไปพร้อมกัน ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ผู้ที่ไปถึงชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวด้วยขั้นรวมเป็นหนึ่ง ตามปกติแล้วต่างก็แข็งแกร่งในด้านใดด้านหนึ่งเป็นที่สุด! ต่างก็อาจมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง อย่างเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงก็แข็งแกร่งในด้านการโจมตีเป็นที่สุด
แต่เคล็ดวิชาสืบทอดโบร่ำโบราณนี้ไม่เหมือนกัน!
บำเพ็ญสี่ศาสตร์ควบคู่กันก็เรียกได้ว่าไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย!
วิญญาณแกร่งกล้า! พลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างที่สุด! การต่อสู้แข็งแกร่งอย่างที่สุด! ระดับความแกร่งของร่างกายแข็งแกร่งอย่างที่สุด! การหนีเอาชีวิตรอดแข็งแกร่งอย่างที่สุด!
สมบูรณ์แบบอย่างสิ้นเชิง!
“เคล็ดวิชาสืบทอดอันสมบูรณ์แบบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
จักรพรรดิดำได้ฟังอยู่ข้างๆ ก็อดที่จะเกิดความขมขื่นสายหนึ่งขึ้นมาในใจมิได้
ใช่แล้ว
สมบูรณ์แบบ!
ตอนแรกที่เขาเลือกเส้นทางสายนี้ก็เพราะจุดนี้นี่เอง แต่บรรพชนโลกากลับเลือกทางอีกสายหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่แสนธรรมดา
“สมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กล้าคิดว่าจะมีเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณเช่นนี้อยู่ด้วย เช่นตนเองบำเพ็ญวิถีโลกเทียม วิถีระลอกคลื่น และวิถีเข่นฆ่าไปควบคู่กัน ควบคู่กับระบบการบำเพ็ญห้วงอากาศ! แม้กระทั่งได้การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาครอง นับได้ว่ามีกลเม็ดมากมายแล้ว แต่ก็ยังมิอาจนับได้ว่าสมบูรณ์แบบ
อีกทั้งเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์นี้ เคล็ดวิชาสืบทอดทุกศาสตร์ต่างก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เมื่อรวมกันแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพขึ้นด้วย
กายเนื้ออันสมบูรณ์แบบ! วิญญาณอันสมบูรณ์แบบ! รูปแบบการต่อสู้อันสมบูรณ์แบบ!
“ถึงกับมีเคล็ดวิชาสืบทอดเช่นนี้อยู่ด้วย ข้าอ่านบันทึกตำราในวังทวีสูญมามากมายถึงเพียงนั้นก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “นี่ก็คือศาสตร์โบราณอย่างนั้นหรือ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถกลายเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดอย่างไม่มีข้อกังขา ก็เพราะเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณเช่นเดียวกันนี้ใช่หรือไม่ หรือจะบอกว่าร้ายกาจยิ่งกว่านี้อีก”
“ยิ่งสมบูรณ์แบบก็ยิ่งยากที่จะบำเพ็ญ” จักรพรรดิดำเอ่ยปากพูด “เด็กน้อย เลือกเสร็จแล้วหรือยัง”
“เลือกได้แล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้าเลือกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลง”
เคล็ดวิชาสืบทอดเก้าอสรพิษ มีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มุ่งทางด้านชีวิต
เคล็ดวิชาสืบทอดอสูรภูผา มีการป้องกันอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด ดูเหมือนว่าจะมุ่งทางด้านฟ้าดิน
สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่ความเชี่ยวชาญของตน
เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงมุ่งไปทางค่ายสังหาร!
เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเป็นเขตลวง เกี่ยวพันกับวิญญาณ เคล็ดวิชาสืบทอดทั้งสี่รวมเป็นหนึ่ง ทั้งยังมีผลอันมหัศจรรย์อีกมากมาย อย่างเช่นการหนีเอาชีวิตรอด อาณาเขต เป็นต้น… ดังนั้นนี่จึงจะเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจนคำพูด ผู้ที่สามารถคิดค้น เคล็ดวิชาสืบทอดเช่นนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีกลเม็ดอันเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง ดูท่าทางจะต้องเป็นผู้ที่อยู่แถวหน้าสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด มีพลังยุทธ์อันยากที่จะจินตนาการอย่างแท้จริง
บรรพชนห้วงอากาศเป็นเพียงแค่ลำดับขั้นที่สามเท่านั้น ระบบผู้ท่องอากาศก็มหัศจรรย์เช่นนี้ การหนีเอาชีวิตรอดก็ล้ำเลิศเป็นที่สุด
แม้ว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของเขายังเหนือกว่าบรรพชนห้วงอากาศเสียอีก! เขาไม่เคยทำให้ศาสตร์ลับสี่ภาพวาดเสร็จสมบูรณ์ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจแล้วว่าน่าอัศจรรย์เพียงใด
ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น ก็ยิ่งเข้าใจความน่ากลัวของการยืนอยู่ในจุดสูงสุดของผู้แกร่งกล้า
“ยังมีเขาด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังนึกถึงคนอีกคนหนึ่ง… เจ้าเมืองหลัว!
ขั้นอลวนคนอื่นๆ นั้นทำได้มากที่สุดก็แค่หนีเอาชีวิตรอดตรงหน้าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดเท่านั้น!
มีเพียงเจ้าเมืองหลัวที่มีความสามารถเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดส่วนใหญ่ด้วยร่างของขั้นอลวนรวมถึงบรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่แห่งระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ และบรรพชนห้วงอากาศด้วย… ต้องรู้ไว้ว่าพวกบรรพชนเทียนอวี๋ต่างก็มีจักรวาลภายในกายเป็นที่พึ่ง มนุษย์น้ำแข็งก็ยังเอาชนะเจ้าเมืองหลัวมิได้! ความสูงส่งของระดับขั้นของเขานั้นมิอาจจินตนาการได้เลย
แต่คล้ายกับว่าได้ละเมิดข้อห้ามที่มิอาจล่วงรู้ได้บางอย่าง แม้ว่าระดับขั้นจะไปถึงแล้ว แต่กลับไม่มีทางบรรลุกลายเป็นเทพจักรวาลได้
“ยิ่งบำเพ็ญมาก ยิ่งรู้สึกตัวเองน้อยลงจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
แล้วจักรพรรดิดำก็พลิกมือหยิบเอาตำราสองเล่มออกมาวางลงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง เล่มหนึ่งคือตำราสีแดงเพลิง บริเวณรอบๆ เล่มตำรามีเขตลวงปรากฏขึ้นจางๆ ส่วนอีกเล่มหนึ่งเป็นตำราสีดำที่ส่งกลิ่นอายชั่วร้าย ภายในตำราส่งเสียงคำรามอันเต็มไปด้วยแรงอาฆาตออกมารางๆ
******
เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด ร่างแปรที่เก้าก็ศึกษามาได้แล้ว เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงทั้งเล่มก็จดจำไว้จนหมด จักรพรรดิดำก็ล่องลอยออกไป
วันเวลาต่อมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงรวบรวมวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่จำนวนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงผ่านหอทะเลสัตตดารา แต่สิ่งที่เขาได้มาจากขุมทรัพย์จักรพรรดิเก้าเมฆาก็ถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว โชคดีที่สังหารหัวหน้าใหญ่ของผาจอมมารและผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งแล้วยังนับว่าได้อะไรมาอยู่บ้าง
“ช่างราบรื่นเสียจริง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงโดยราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง
เพราะนี่เป็นสิ่งที่ตั้งใจเลือก เคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์นี้มุ่งไปทางค่ายสังหาร เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในวิถีเข่นฆ่า ห่างจากกระบี่ที่หกผลาญโลกาอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การเจาะลึกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงนั้นง่ายดายตลอดทาง สิ้นเปลืองเวลามากกว่าเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเพียงเล็กน้อย เพียงแค่แปดล้านปีเศษเท่านั้นก็ยกระดับเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงไปถึงจุดสูงสุดของขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว
แต่หลังจากฝึกสำเร็จแล้วมีผลช่วยเหลือพลังยุทธ์ของตนเองน้อยนิดเหลือเกิน
“พรึ่บ….”
ภายในห้องเงียบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ด้านหลังมีเงามายาของสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดเกราะสีดำปกคลุมตลอดร่างตัวหนึ่งปรากฏขึ้น กรงเล็บหลังทั้งคู่ของมันรองรับทั้งร่างกายอย่างมั่นคง กรงเล็บคู่หน้าขนาดมหึมาแผ่กลิ่นอายดุร้ายอันยิ่งใหญ่ออกมา… แต่บนฝ่ามือทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้น ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของค่ายสังหารออกมาอีกด้วย
“มือคู่นี้ถึงแม้จะมีพลังการโจมตีอันแข็งแกร่ง แต่ก็สู้ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ของข้ามิได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ “แต่เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงนี้เป็นการบำเพ็ญร่างกาย ทำให้ร่างกายผู้ท่องอากาศของข้าแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย”
นึกคิดคราหนึ่ง
ตลอดร่างก็มีเกล็ดเกราะสีดำปกคลุมอย่างรวดเร็ว คล้ายกับสวมชุดเกราะชั้นหนึ่ง! มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเดิม
“ยังมีเกราะป้องกันด้วย เกราะป้องกันชั้นนี้ก็สามารถเทียบเคียงได้กับอาวุธเทพอากาศชั้นล่างแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะมิได้ยกระดับการต่อสู้ แต่การป้องกันของเกราะป้องกันนี้ก็แกร่งพอตัวเลยทีเดียว น่าเสียดาย ถ้าหากบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ไปถึงระดับขั้นสูงสุดพร้อมกัน รวมเข้าด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่ามีร่างกายอันน่าหวาดหวั่น! เกรงว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนได้แล้ว
“ควรจะออกไปสักรอบหนึ่งได้แล้ว”
“หัวหน้ารองของผาจอมมาร ‘จ้าวทะเลสาบชี่หู’ เขายังมีชีวิตอยู่ ควรจะไปปลิดชีพเขา ทำข้อตกลงให้สำเร็จเสียที” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดคำนึงอย่างเงียบเชียบแล้วไปจากสำนักปักษาเขียวอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงในวันเดียวกันนั้น
…………………………………….