ส่วนที่ 4 ตอนที่ 130 สิ่งที่จะมา หนีไม่พ้นหรอก

ความลับแห่งจินเหลียน

จ่านมู่ฮวาถลึงตามองเขาด้วยความดุร้าย พูดอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาว่า “กูบอกแล้ว ว่ากูไม่ได้เป็นคนทำไงวะ!” 

 

 

“กูกับใครวะ?” จ่านป๋ายได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้น ดูจากท่าทางของคนทั้งคู่แล้วคำพูดไม่ค่อยถูกคอ ตั้งท่าที่จะกระโจนเข้าหากัน 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ก่อนจะหยิบตะเกียบจากข้างๆ มาเคาะที่จานแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันหิวแล้ว!” 

 

 

จ่านมู่ฮวามองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ความโกรธที่มียังไม่หายไป แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะอดกลั้นเอาไว้ มันเห็นเขาเป็นใคร? ถ้าไม่เห็นแก่ซีเหมินจินเหลียน เขาคงซัดหน้ามันไปสักหมัดแล้ว! 

 

 

จ่านป๋ายก็นั่งลงไปข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน ขอแค่เธอไม่เป็นไร เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ แต่คดีปล้นในคืนนี้ไม่มีบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่อยู่ในนั้น ยังดี! นับว่าโชคดีเหลือเกิน! 

 

 

“กินข้าวเถอะ” จ่านมู่ฮวาพูด “คืนนี้ก็มีเรื่องมากมายจริงๆ” 

 

 

“ก็แค่คนตายคนหนึ่ง และเกิดคดีปล้นขึ้นพร้อมกันไม่ใช่หรอกเหรอ?” ฉินเฮ่าเริ่มขยับตะเกียบ ถอนหายใจพูดขึ้น “เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เห็นได้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอไง?” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่อ กินข้าวต่อไปอย่างกลัดกลุ้ม เรื่องนี้เมื่อก่อนเธอเคยเห็นได้แต่ในโทรทัศน์ พอตอนนี้มาเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเอง เธอก็ยังจะมานั่งกินข้าวอย่างสบายใจเช่นนี้เหรอ? 

 

 

อาหารมื้อหนึ่ง แต่ทำให้ทุกคนกินกันอย่างเหนื่อยหน่ายไร้รสชาติ เมื่อมื้อเย็นจบลง จ่านมู่ฮวาก็หวังว่าซีเหมินจินเหลียนจะพักค้างที่คลับหยกสักคืน อย่างไรคฤหาสน์สวนเล็กสไตล์หยวนหลินก็มีตั้งหลายห้อง 

 

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ปฏิเสธความหวังดีของเขา จากไปพร้อมกับจ่านป๋าย 

 

 

ฉินเฮ่ายิ้มอย่างมีเลศนัย ระหว่างที่ออกจากประตูนั้นก็ถามขึ้นว่า “เป็นอะไร ไม่เชื่อมั่นในตัวเองเหรอ?” 

 

 

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน?” จ่านมู่ฮวายิ้มบางๆ 

 

 

“รูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มา ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เรื่องอื่นผมจะพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มา!” ฉินเฮ่ายิ้มและหันตัวเดินจากไป 

 

 

“จินเหลียน เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” ฉินเฮ่าบอกลาซีเหมินจินเหลียนอย่างสุภาพอ่อนน้อม 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนโบกมือและยิ้มให้เขา “วันนี้ขอบคุณคุณมากนะคะ” 

 

 

“คุณเกรงใจเกินไปแล้วครับ” ฉินเฮ่ายิ้ม 

 

 

จ่านป๋ายขับรถอยู่ ระหว่างทางเขากลับเห็นซีเหมินจินเหลียนไม่พูดไม่จาจึงถามขึ้นว่า “คุณโกรธเหรอครับ” 

 

 

“เปล่า” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า โกรธเหรอ? เธอสามารถโกรธอะไรได้ด้วยเหรอ? 

 

 

“การตายของหวังหมิงเหยาไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่เป็นความโง่ของเขาเอง” จ่านป๋ายจู่ๆ ก็พูดขึ้น ถึงซีเหมินจินเหลียนจะไม่พูด แต่เขาก็เข้าใจความคิดของเธอ เมื่อสักครู่จ่านมู่ฮวากับฉินเฮ่าต่างก็วิเคราะห์ว่าหวังหมิงเหยาไม่มีความสัมคัญสำหรับใคร แม้เขาจะเป็นหรือตายก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นคนที่ฆ่าเขา ต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับซีเหมินจินเหลียนสักอย่าง… 

 

 

“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนกล้ำกลืนฝืนยิ้ม 

 

 

“จินเหลียน ความจริงแล้วเมื่อกี้นี้มีอีกอย่างที่ผมยังไม่ได้บอก” จ่านป๋ายพูด “หลินเสวียนหลานไม่มีทางที่จะลงมือฆ่าหวังหมิงเหยาหรอก แต่มีอีกคนที่น่าจะเป็นไปได้” 

 

 

“หลินเจิ้ง?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน 

 

 

“หา?” จ่านป๋ายนึกไม่ถึงว่าเธอก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน 

 

 

“จ่านมู่ฮวาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน” จ่านป๋ายถอนหายใจ “นอกจากนี้เขาก็เป็นคนที่ใช้รูปร่างหน้าตาให้เป็นประโยชน์ วางแผนชั่วร้าย ในข้อนี้ผมเทียบกับเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนนั้นผมก็แพ้อย่างอนาถจนเกือบจะรักษาชีวิตไว้ไม่รอด! แต่ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก หวังหมิงเหยาก็ไม่ได้ไปขัดอะไรเขา ทำไมเขาต้องเล่นแบบนี้ด้วย?” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนนั่งหลังพิงเบาะหนังแท้บนรถและถอนหายใจออกมา “คุณกำลังจะบอกว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาเป็นคนทำ?” 

 

 

“มีความเป็นไปได้ครับ” จ่านป๋ายพูด “ผมลองมาคิดดูแล้ว หวังหมิงเหยาคงไปทำเรื่องโง่เง่าอะไรบางอย่าง ที่อาจจะไปก่อความวุ่นวายให้จ่านมู่ฮวาเข้า เพราะอย่างนั้นเขาจึงหาวิธีจะปิดปากเขาไปตลอด!” 

 

 

“ห๊ะ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ 

 

 

“จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ผมก็ไม่อยากจะบอกกับคุณเลย หวังหมิงเหยาเคยมาหาผม เขาบอกกับผมว่าคุณ…” จ่านป๋ายพูดถึงท่อนนี้ก็ยิ้ม “ช่างเถอะ เขาก็แค่ขู่ผมนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหยักหน้า ถึงแม้จ่านป๋ายจะไม่พูด แต่เธอเองก็เข้าใจดี หวังหมิงเหยาเคยพูดต่อหน้าเธอ ทำให้เธออับอายอยู่ตั้งหลายครั้ง แม้กระทั่งด่าเธอว่าเป็นคนเกาะผู้ชายกิน ผู้หญิงชั้นต่ำหน้าไม่อายต่างๆ นานา ที่เขาไปหาจ่านป๋าย ก็คงคิดว่าจ่านป๋ายเป็นคนเลี้ยงดูเธอสินะ? 

 

 

“ผมเดาว่าเขาคงไปหาคนอื่นด้วย” จ่านป๋ายพูดต่อ “ถึงผมจะไม่ได้สนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สนใจจริงไหมครับ?” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หวังหมิงเหยามักจะเอาความผิดพลาดประมาทเลินเล่อของคนอื่น และใช้โอกาสนี้ในการโจมตีอย่างหนัก เมื่อก่อนตอนที่พวกเธอคบกัน เธอเองก็โน้มน้าวเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยฟัง อีกทั้งยังพูดไม่หยุด 

 

 

“จินเหลียน ผมเคยคิดว่า ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่เลือกคุณอย่างนั้นอย่างนี้ ทำราวกับว่าคุณไม่มีความรู้สึก แต่ยังไงในอนาคตคุณก็ต้องเลิกกับเขาอยู่ดี” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้น 

 

 

“ทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ตลอดมานั้นความปรารถนาของเธอก็คือการหาผู้ชายธรรมดาๆ สักคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีข้อเสียไปบ้าง แต่เมื่อตัวเองแต่งงานมีลูกไป ตลอดชีวิตนี้เธอก็จะสามารถมีชีวิตที่เรียบง่ายสุขสบาย 

 

 

ถึงจะมีแม่สามีที่คอยเคี่ยวเข็ญเธอ ต้องทนรับสายตาเย็นชาจากญาติมิตร หรือเจอปัญหาสามีภรรยาทะเลาะกัน แต่นี่ก็เป็นชีวิตทั่วไปของคนธรรมดา ไม่ใช่เหรอ? 

 

 

ไม่ต้องมีเงินทองมากมาย แค่เพียงพอมีให้ใช้ก็ได้แล้ว ทำงานเหนื่อยแต่ก็สุขใจ! 

 

 

แต่ไม่เหมือนกับตอนนี้ จ่านมู่ฮวากับจ่านป๋ายทั้งคู่เป็นเหมือนน้ำกับไฟ แต่สามารถกินข้าวและพูดคุยด้วยกันได้ อาจจะพูดคุยหัวเราะกัน แต่พอหันหลังแค่ชั่วพริบตาก็อาจจะดึงมีดออกมาแทงกันได้ ไม่เห็นอีกฝ่ายตายไปข้างก็ไม่ยอมหยุด 

 

 

ข้อเสนอการค้าเครื่องประดับหลายสิบล้านอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด หยกไม่ใช่แค่เป็นตัวบ่งบอกถึงราคา แต่ยังมีความมหัศจรรย์ที่ลี้ลับและความมันวาวสะกดใจคน… 

 

 

ส่วนฉินเฮ่า? ได้ยินว่าตระกูลของเขาทำเรื่องค้าขายผิดกฎหมาย จนไปถึงคดีเกี่ยวกับชีวิตคน แต่ในสายตาของเขามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย 

 

 

พูดตามตรงแล้ว ความเฉยเมยแบบนี้ เธอก็ทำไม่ได้จริงๆ ความทะเยอทะยานของจ่านมู่ฮวาผ่านงานนิทรรศการอัญมณีครั้งนี้ เปิดเผยอย่างหมดเปลือกว่าทั้งหมดนั้นเขาทำเพื่ออำนาจเงินทอง ผลประโยชน์เป็นหลัก!  

 

 

ผ่านคืนนี้ไป บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงไม่ได้มั่งคั่งเหมือนเก่าสินะ? บริษัทเก่าแก่ยักษ์ใหญ่มาหลายร้อยปีกลับมาล้มละลายลงฮวบฮาบถึงครึ่ง แน่นอนถ้าหากยังมีวาสนาดี บางทีคุณนายซูอาจมีโอกาสจะได้พยุงตัวขึ้นมาบาง 

 

 

 โดยที่ไม่รู้ตัวในใจของซีเหมินจินเหลียนก็คิดถึงคุณนายอวิ๋นขึ้นมา ตราบใดที่เธอมีชีวิตอยู่ บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ก็ไม่มีทางล้มละลายลงแน่ๆ! ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเธอเองถึงคิดฟุ้งซ่านอยู่เรื่อย เวลาที่เห็นเธอก็จะมีความเศร้าโศกชั่วครู่ขึ้นมา ทำให้มีความรู้สึกพูดได้ยาก ราวกับต้นไม้ที่แห้งแล้งแล้วจู่ๆ มีฝนตกมาชโลมจิตใจ… 

 

 

 มือถือของจ่านป๋ายดังขึ้น จ่านป๋ายแปลกใจเล็กน้อย เวลานี้แล้วจะมีใครโทรมาหาเขาอีก? 

 

 

 เขากดปุ่มรับสาย 

 

 

“คุณจ่าน ตั้งแต่จากกันที่อเมริกาคุณก็ยังดูดีเหมือนเคยนะ ไม่ทราบว่าคุณจะสนใจคุยเรื่องธุรกิจอัญมณีกับฉันไหม?” น้ำเสียงที่ส่งผ่านมาทางโทรศัพท์มีความไพเราะลื่นหู แต่จู่ๆ จ่านป๋ายก็อยากจะโยนมันออกไปให้ห่างเหลือเกิน สิ่งที่ควรจะมา ในที่สุดก็มาแล้วสินะ!