รากฐานพร้อมสร้างเมืองป่าหินขึ้นใหม่

“ฉันให้คนของฉันไปจัดการทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มีมหาอำนาจจำนวนไม่น้อยที่ขายวัสดุจากทวีปด้านตะวันตกในตอนนี้ ดังนั้นเราจึงต้องรอสักพักเพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น” เสวี่ยเหวินโหรวตอบ เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง

แม้ว่าวัสดุหายากของทวีปด้านตะวันตกจะมีค่ามากๆในทวีปด้านตะวันออก แต่มันก็ยังมีมหาอำนาจบางกลุ่มที่ขายพวกมัน ดังนั้นเพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้นสำหรับวัสดุที่ซือเฟิงนำกลับมา และเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องแยกวัสดุออกไปขายยังประเทศต่างๆจำนวนมาก แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องเวลา และการขายวัสดุพวกที่มีอยู่น้อยด้วย ซึ่งการทำแบบนี้เท่านั้นมันจึงจะทำให้พวกเขาขายวัสดุได้ราคาดีที่สุด และสำหรับสภาสิบแปดปีกการทำแบบนี้ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ

“ไม่ต้องรอแล้ว ขายทุกอย่างที่เธอสามารถขายได้เลยในตอนนี้” ซือเฟิงกล่างหลังจากครุ่นคิด

“เอาอย่างนั้นเลยหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับการตัดสินใจของซือเฟิง

ราคาพวกเขาจะได้รับจากการขายวัสดุอย่างรวดเร็วนั้นจะแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่พวกเขาจะได้รับจากการขายวัสดุทีละน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวัสดุหายากของทวีปด้านตะวันตก หากพวกเขาขายวัสดุเหล่านี้ในปริมาณมาก มันก็จะทำให้ตลาดอิ่มตัวเร็วมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ผลกำไรที่ได้รับลดลง

“อืม ตอนนี้ฉันต้องการเงินอย่างเร่งด่วน …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า

ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากทำแบบนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามแผนการมักมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่ากิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เขาได้รับมาจะอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค

ความหนาแน่นของมานาที่ต้นอ่อนระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟคต้องการนั้น มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานของเมืองป่าหินที่มีมานาหนาแน่นที่สุดในเมืองตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจัดหาให้ได้

ต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นแตกต่างจากไอเทมอื่นๆ เพราะเมื่อกลายเป็นต้นอ่อนแล้ว มันจะไม่สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าได้นานเท่าที่ผู้เล่นต้องการ และเต็มที่ตอนนี้มันก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่สองถึงสามวันเท่านั้น หากมีมานาไม่เพียงพอ ซึ่งหากผู้เล่นล้มเหลวในการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของมันให้ดีเพียงพอ มันก็จะเหี่ยวกลับเป็นกิ่งไม้

ยิ่งไปกว่านั้นกระเป๋าทั่วไปยังไม่สามารถจะเก็บต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตได้ เนื่องจากต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นเป็นไอเทมที่ไม่นับเป็นไอเทมที่สามารถเก็บในพื้นที่กระเป๋าได้ แต่โชคดีที่ซือเฟิงมีกระเป๋าระดับอีปิคที่สามารถเก็บไอเทมแบบนี้ได้ ไม่งั้นเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยให้ต้นอ่อนตายในห้องสมาธิขั้นพื้นฐาน

ในขณะเดียวกันใน God domain มันมีเพียงสามวิธีในการจะเพิ่มความหนาแน่นของมานาในเมือง

วิธีแรกก็คือการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานา อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากหอคอยมานาแล้ว ผู้เล่นต้องหาแบบแปลนสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่คล้ายกันด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นแบบแปลนสิ่งก่อสร้างที่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของมานาในเมืองได้แบบมหาศาลนั้นยังจัดว่ามีคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ และมันก็มีมูลค่าสูงกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วย ดังนั้นมหาอำนาจใดๆที่ได้รับแบบแปลนนี้มาจึงมักจะเลือกใช้มันเองแทนที่จะขายหรือแลกเปลี่ยน

ขณะเดียวกันตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็ไม่มีแบบแปลนแบบนี้อยู่ในมือ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะใช้วิธีการนี้ได้

ขณะที่วิธีที่สองนั้นก็ยากพอกับวิธีแรก และนั่นมันก็คือการติดตั้งแหล่งพลังงานที่ดีกว่าให้กับวงเวทย์หลักของเมือง ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานาภายในเมืองอย่างมาก

ขณะที่วิธีที่สามนั้นคือวิธีที่ถูกใช้มากที่สุดในอดีตและนั่นก็คือการอัพเกรดเมืองนั่นเอง

เมื่อระดับของเมืองเพิ่มขึ้น มาตราฐานวงเวทย์หลักของเมืองก็จะดีขึ้นเช่นกัน เป็นผลให้ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การอัพเกรดเมืองกิลนั้นก็จำเป็นจะต้องมีผู้เล่นที่มากเพียงพอและต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถบรรลุได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความหนาแน่นของเมือง

ปัจจุบันในแง่ของความเจริญรุ่งเรืองและมาตราฐานความปลอดภัยของเมืองป่าหินนั้นมันมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้ว และตอนนี้ค่าความนิยมของเมืองก็เป็นสิ่งเดียวที่ยังรั้งไม่ให้เกิดการอัพเกรดเมือง และโดยปกติแล้วเมืองก็จะต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการสะสมค่าความนิยมที่เมืองต้องการ อย่างไรก็ตามมันก็มีทางลัดเหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งนั่นก็คือการสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูง

การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูงขึ้นในเมืองนั้น มันจะทำให้เมืองได้รับค่าความนิยมจำนวนมากเพิ่มขึ้นในทันที และในสถานะปัจจุบันของเมืองป่าหินการเพิ่มสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเข้าไปเพียงแห่งเดียว มันก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เมืองสามารถอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้แล้ว และในเวลานั้นไม่เพียงแต่ขนาดของเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองเองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้มีแบบแปลนสิ่งก่อสร้างขั้นสูง ทั้งหมดที่เขามีคือแบบแปปลนโรงแรมอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด และแม้ว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดจะให้ค่าความนิยมมากกว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเมื่อมันถูกก่อสร้างเสร็จสิ้น แต่ต้นทุนในการสร้างมันก็สูงกว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงมากเช่นกัน แถมการสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดนั้นไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัสดุที่หายากมากเท่านั้น แต่มันยังต้องมีเหรียญทองจำนวนมากด้วย ไม่ต้องพูดถึงค่าก่อสร้างที่จะแตกต่างกันออกไปตามขนาดของสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด

เท่าที่ซือเฟิงรู้ แม้แต่ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ถูกที่สุดของสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดก็ยังมีราคาหนึ่งล้านเหรียญทอง

โชคดีที่วัสดุที่จำเป็นทั้งหมดในการสร้างโรงแรมอิสระนั้นซือเฟิงมีอยู่ในมือแล้ว และสิ่งเดียวที่เขาขาดตอนนี้คือเงินทุน

ปัจจุบันสภาสิบแปดปีกนั้นมีเงินเหรียญทองสำรองเหลือน้อยกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทองแล้ว ซึ่งนี่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับจำนวนที่จำเป็นเลย ดังนั้นวิธีเดียวที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดที่ซือเฟิงคิดว่าจะทำให้เขาได้รับเงินก้อนใหญ่มาภายในหนึ่งถึงสองวัน ก็คือการขายวัสดุที่เขาได้รับมาจากทวีปด้านตะวันตก

“ฉันเข้าใจ ฉันจะพยายามขายวัสดุทั้งหมดที่เรามีในจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆให้มากที่สุด หากยังไม่เพียงพอฉันก็จะขายวัสดุที่มีอยู่แล้วในตลาดด้วย” เสวี่ยเหวิน
โหรวกล่าวพลางพยักหน้า เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่จริงจังของซือเฟิง

“ฉันฝากเธอด้วยแล้วกัน …” ซือเฟิงพูดก่อนจะตัดสายไป จากนั้นเขาก็ออกจากบริษัทการค้าแสงเทียน และไปดำเนินการเตรียมงานที่จำเป็นเพื่อสร้างโรงแรมอิสระเป็นการส่วนตัว

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดไม่กี่แห่งที่มีใน God domain โรงแรมอิสระนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างขึ้น เพราะมันไม่เพียงแต่จะต้องการสถาปนิกระดับปรมาจารย์จำนวนมาก แต่มันยังต้องการปรมาจารย์นักเวทย์จำนวนมากด้วย หากปราศจากความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของปรมาจารย์นักเวทย์ละก็ไม่ควรคิดที่จะสร้างโรงแรมอิสระขึ้นมาเลย

นี่เป็นสาเหตุที่ซือเฟิงไม่รีบร้อนที่จะสร้างโรงแรมอิสระ แม้ว่าเขาจะได้รับแบบแปลนมาแล้วก็ตาม

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างโรงแรมอิสระ สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่คอยจับตาดูทุกการกระทำของสภาสิบแปดปีกต่างก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้

“นี่แบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไร ? การรุกรานของโลกแห่งความมืดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เขากับให้สถาปนิกจำนวนมากวิ่งไปทั่วเมืองเนี่ยนะ ?”

“บางทีเขาอาจจะวางโครงสร้างการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้เล่นของเมืองป่าหินรึปล่าว ? ฉันได้ยินมาว่าเหตุการณ์นี้ทำให้กำไรของเมืองป่าหินลดลงครึ่งหนึ่ง และเมื่อผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดบุกเข้ามาแทนที่เมืองจะสร้างผลกำไรได้ เมืองป่าหินอาจกลายเป็นหลุมดูดเงินแทน”

“ถ้าแบล๊คเฟรมรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ทำไมเขาถึงเลือกจะยั่วยุหัวใจปีศาจตั้งแต่แรก ? นี่เขาคิดว่าโครงสร้างการป้องกันแค่ไม่กี่อย่างมันจะเพียงพอที่จะหยุดการรุกรานของผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดงั้นหรอ ? ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกเลย แม้แต่เมืองกิลของซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกก็ยังไม่สามารถจะหยุดผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดได้”

มหาอำนาจต่างๆนั้นแอบเยาะเย้ย เมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงวิ่งไปรอบๆเมืองอย่างพลุกพล่าน การรุกรานของโลกแห่งความมืดนั้นใกล้เข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับดูเหมือนจะกำลังทำอะไรที่ดูไร้ประโยชน์มากๆแทนที่จะมารับสมัครกำลังคนเพิ่มในการป้องกันเมือง

ในสถานการณ์เช่นนี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกเองก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก ….

ก่อนหน้านี้พวกเขาค่อนข้างมั่นใจในการป้องกันของเมืองป่าหินมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่เคยมีมหาอำนาจใดทำลายการป้องกันของเมืองได้เลยจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่ใช่มหาอำนาจกลุ่มเดียว แต่เป็นโลกอื่นทั้งโลก พวกเขาจึงคิดว่ามันแทบจะไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะชนะเลย

ในขณะเดียวกันในจักรวรรดิมังกรดำ เสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็ดีใจมากที่วัสดุถูกขายออกไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่เธอรับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้อยู่

ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่เธอได้รับคำสั่งมาจากซือเฟิงให้ขายทุกอย่าง และรวบรวมเงินมาให้เร็วที่สุดนั้น เธอก็ออกคำสั่งกับคนของเธอทันที ซึ่งเธอก็คิดว่าวัสดุล๊อตแรกที่พวกเขาขายนั้นน่าจะทำเงินได้ประมาณสี่แสนเหรียญทองเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากขายวัสดุล๊อตแรกไปไม่ถึงครึ่ง พวกเขากับทำเงินได้มากกว่าสามแสนห้าหมื่นเหรียญทอง นี่มันมากกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ตอนแรกมาก

สิ่งที่เสวี่ยเหวินโหรวไม่รู้ก็คือ แม้ว่ามหาอำนาจบางกลุ่มจะขายวัสดุที่ได้รับมาจากทวีปด้านตะวันตกของพวกเขา แต่มหาอำนาจเหล่านี้ก็กลับขายเพียงส่วนน้อยเท่านั้น และพวกเขาก็เก็บส่วนใหญ่ไว้ใช้เอง ในขณะเดียวกันวัสดุจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นและทีมนักผจญภัย แต่มันไม่ใช่เลยสำหรับกิลขนาดใหญ่ที่ต้องการจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามตอนนี้เสวี่ยเหวินโหรวกับทำการขายวัสดุแบบนี้ที่กิลขนาดใหญ่ต้องการจำนวนมาก ดังนั้นนี่มันจึงเป็นเหมือนพรจากสวรรค์เลย

ดังนั้นในช่วงเวลาที่กิลขนาดใหญ่ต่างๆแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงวัสดุที่เสวี่ยเหวินโหรวขาย ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน พวกเขาจึงสามารถทำเงินได้มากกว่าสี่ล้านเหรียญทอง ซึ่งมันมากกว่าผลกำไรที่เขาคาดการณ์ไว้เกือบสองเท่า

ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้ซือเฟิงประหลาดใจมากเช่นกัน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกกิลชั้นสูงในชีวิตที่ผ่านมาของฉันที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้จะกลายเป็นมหาอำนาจในที่สุด !!! นี่มันแจ๊คพอตชัดๆ !!! ซือเฟิงถอนหายใจอย่างมีความสุข เมื่อเขาได้รับการส่งมอบเหรียญทอง 4.11 ล้านเหรียญมา

ในตอนนี้ซือเฟิงนั้นมีรายได้มากกว่าสิบเท่าของต้นทุนเดิมของวัสดุเหล่านี้ และหากเขาสามารถเดินทางไปมาเพื่อทำธุรกิจแบบนี้ได้อีกสักสองถึงสามครั้ง เขากน่าจะมีเงินมากพอที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆอิจฉาเขาอย่างมาก

อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้ แต่เขาก็ไม่ได้หยุดทำงาน หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นถูกปิดตายจากสาธารณะแล้ว เขาก็หยิบหนังสือโบราณเล่มหนาออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากแบบแปลนโรงแรมอิสระ

ระบบ : ขณะนี้คุณมีวัสดุและที่ดินที่จำเป็นในการก่อสร้างโรงแรมอิสระแล้ว คุณต้องการจะเริ่มก่อสร้างเลยหรือไม่ ?