กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1049
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเริ่มจะมีปากเสียงกันอีกครั้ง กู้ชูหน่วนก็รีบเอ่ยปากขึ้นมา “พักที่นี่กันก่อนแล้วกัน ในเมื่อการประท้วงไม่สำเร็จก็ตกลงตามนี้”
ตลอดทางที่เดินทางมา เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานมักทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนนางรู้สึกเริ่มหวาดกลัว
ณ ถนนบริเวณโรงน้ำชา ซือม่อเฟยลงจากรถม้าก็เอามือกุมท้อง
“อาม่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
“อืม คงเพราะกินของหวานบนรถม้ามากเกินไป อาม่อขอไปทำธุระสักประเดี๋ยว พี่หญิงรอข้าอยู่ตรงนี้นะ”
“หรือให้ฝูกวงไปเป็นเพื่อนเจ้าดีไหม?”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวข้าก็กลับมา”
เมื่อพูดจบ ซือม่อเฟยก็วิ่งเข้าป่าไป
หลังจากที่ทุกคนนั่งพักและสั่งอาหารเพื่อรับประทานได้ไม่นาน ปู่หลานคู่หนึ่งที่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยก็เข้ามาในโรงน้ำชาเพื่อสั่งบะหมี่สองชามเช่นกัน
ชายชราคนนั้นอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีและมีผมขาวเต็มศีรษะ แต่เขายังดูแข็งแรงดี เพียงแค่แววตาของเขาดูมีความกังวลเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบขวบกว่า นางมีรูปร่างผอมเพรียวและมีกระดิ่งคล้องเอวไว้ซึ่งมักเกิดเสียงดังเมื่อนางขยับเคลื่อนไหว เพียงแต่ใบหน้าของนางซีดเซียวและการเดินของนางก็ดูอ่อนแรง เมื่อนั่งลงเก้าอี้ก็ยังคงถือกระดิ่งเพื่อร่ายคาถาสัมผัส
เยี่ยจิ่งหานกล่าวกระซิบ “กระดิ่งในมือของนางน่าจะเป็นกระดิ่งสัมผัสวิญญาณ”
“กระดิ่งสัมผัสวิญญาณคืออะไร?”
“ว่ากันว่า เพียงแค่นำเลือดของคนสองคนหยดไปบนกระดิ่งก็สามารถทำให้วิญญาณก่อตัวขึ้นเพื่อสัมผัสระหว่างกันได้ ทว่าผู้เป็นเจ้าของกระดิ่งจะอายุสั้นลงยี่สิบปี หรือ….หากอีกคนอาจตายไป นางเองก็จะต้องตายตามไปด้วย”
“การเสียสละนี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ข้าเดาว่าคนที่ทำกระดิ่งนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในความรัก กล้าหาญและหล่อเหลาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ยอมเสียสละเช่นนี้”
“ผู้ที่ทำกระดิ่งขึ้นมานั้นได้หายสาบสูญไปกว่าร้อยปีแล้ว คิดไม่ถึงเหมือนว่าว่าจะมาอยู่กับนางได้”
ตอนนั้นเขาก็พยายามตามหากระดิ่งสัมผัสวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง เพื่อต้องการตามหาดวงวิญญาณของนางให้เจอ แต่น่าเสียดายที่เขาพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหาเจอ
ชายชราเคราขาวกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์ เจ้าบอกข้าสิ…..เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย เรากับเขาเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นและต่างก็ไม่รู้จักกันดีเท่าไร เหตุใดเจ้าต้องเสียสละเพื่อเขามากเช่นนี้ด้วย มันสมควรแล้วหรือ?”
“แน่นอน พี่ชายชุดฟ้าเป็นคนดี เขาเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
“เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขาอย่างนั้นหรือ? แค่หมาป่าตัวเดียวเท่านั้น ต่อให้ไม่มีเขา หมาป่าตัวนั้นก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้”
“แต่เขากลับต้องบาดเจ็บสาหัส เพราะเข้ามาช่วยชีวิตข้า เพราะสิ่งนี้เองทำให้ข้าเชื่อว่าเขาเป็นคนดี”
“ต่อให้เขาเป็นคนดี ต่อให้เขาได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้ แต่เจ้าก็ช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ใช่หรือ? มันก็หายกันแล้ว แต่เจ้ากลับยอมเสียสละอายุขัยของตัวเองลงยี่สิบปีเพื่อเขา แถมยังเอาชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับเขาเช่นนี้ เจ้า….เจ้าทำให้ข้าโกรธมากเจ้ารู้ไหม”
ไป่หลิงเม้มริมฝีปากของนางและยังคงร่ายคาถาสัมผัสดวงวิญญาณพร้อมกับบ่นพึมพำ “น่าแปลก ทิศทางที่ข้าสัมผัสได้คือที่นี่ แต่เหตุใดเมื่อมาถึงที่นี่กลับไม่มีพลังของพี่ชายชุดฟ้าเลย”
ชายชราเคราขาวโกรธจนแย่งชิงกระดิ่งสัมผัสวิญญาณไป
“พอได้แล้ว หยุดเสียที ยิ่งเจ้าทำต่อไป ชีวิตของเจ้าจะไม่เหลือ”
“คุณปู่ พี่ชายชุดฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เขายังมีศัตรูที่ตามฆ่า หากข้าไม่รีบหาเขาให้เจอ แล้วหากศัตรูของเขาหาเจอก่อนจะทำอย่างไร?”
กู้ชูหน่วนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นทันที
ศัตรูกำลังไล่ฆ่า?
หรือจะเป็นเซี่ยวอวี่เซวียน?
เสี่ยวเซวียนเซวียนหายตัวไปก็นานและไม่มีข่าวคราวอะไรเลย เหมือนกับเขาได้หายไปจากโลกนี้แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน?
“อ๊า…..”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องโอดครวญของอาม่อดังขึ้นมาจากไกลๆ
ทุกคนต่างพากันมองไปที่ซือม่อเฟย ทว่ากู้ชูหน่วนกลับวิ่งออกไปเป็นคนแรก
“อาม่อ….อาม่อ…..”