1957-1 vs 1957-2 Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1957-1
ช่วยจับคู่เซียว-ลั่ว
เมื่อมาถึงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจริงๆ ลั่วลั่วถึงรู้ตัวว่าเขากับเธออยู่คนละโลกโดยแท้
ตอนอยู่ในทีมก็ยังไม่เป็นอะไร เพราะส่วนใหญ่ต่างคุยกันเรื่องเกม และไม่มีเวลาไหนเลยที่เธอจะคุยกับเขาไม่ได้
ทว่าเมื่ออยู่ในมหาวิทยาลัยกลับต่างออกไป เธอมองดูผู้หญิงที่นั่งข้างเขา ทั้งสองคุยกันในสิ่งที่เธอไม่รู้เรื่อง
อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าเขายิ้มเมื่ออยู่นอกสนามแข่งได้ด้วย
ลั่วลั่วนั่งอยู่ตรงนั้น มองคนสองคนที่มีบุคลิกเหมือนกัน เห็นแวบเดียวก็รู้ว่ามีสถานะทางครอบครัวไม่ต่างกัน แถมหญิงสาวคนนั้นยังดูเป็นคุณหนูน่าถนอม สวมชุดเรียบร้อยน่ารัก ดูเป็นผู้มีความรู้
ช่างไม่เหมือนเธอเอาเสียเลย
ลั่วลั่วที่ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจได้รู้สึกถึงความแตกต่างแล้วในเวลานี้
เธอคนนั้นมองเธอพลางยิ้มบางๆ ให้ “เธอเป็นลูกทีมของรุ่นพี่สินะคะ เขาเป็นคนเข้มงวดกับตัวเองมาก แต่ไม่เคยเรื่องมากกับคนอื่น เมื่อกี้เราคุยกันเรื่องการแพทย์ ลืมเธอไปเลย เธอคงไม่โกรธหรอกนะ?”
“ไม่หรอก” ลั่วลั่วลุกขึ้น สองขาเรียวยาว
มองเขาหยิบหนังสือมาเสร็จสรรพก็เดินออกมา มองเธอแวบหนึ่งก่อนบอก “ไม่ไปเหรอ?”
ลั่วลั่วรีบตามไป เธอเดินตามหลังเขาตลอดเหมือนทุกครั้งที่แข่ง ก่อนจะโพล่งออกไป “หัวหน้าคิดยังไงกับเรื่องคนในวงการเดียวกันรักกัน?”
“ไม่น่าสนใจหรอก” ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม
เพียงไม่กี่คำนี้ทำให้เธอเข้าใจจุดหนึ่ง โชคดีนะที่เธอไม่ได้รีบสารภาพรัก
เพราะหากทำเช่นนั้นมีหวังกระอักกระอ่วนกันน่าดู
“ทำไมเหรอ?” เซียวจิ่งหันมามอง พลางขมวดคิ้วเบาๆ
ลั่วลั่วส่ายหน้า เดินตามไป ทว่าเธอผิดปกติไปตลอดการซ้อมช่วงบ่าย กระทั่งเล่นไลฟ์สดยังทำได้ไม่ดี
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอก็เข้าใจดีว่าในฐานะลูกทีมหญิงเพียงหนึ่งเดียวของทีมเซียงหนาน เขาย่อมดูแลเธอ ด้วยได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
เขาไม่เคยมีท่าทีสนิทกับเธอ อย่างมากสุดก็แค่ช่วยจัดคอเสื้อให้เธอในระหว่างการแข่งเป็นบางครั้ง
เขาเป็นหัวหน้าของเธอ เป็นแค่หัวหน้าเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะปรารถนาแค่ไหน แต่ไม่อาจจะทำลายสมดุลนี้ได้
แถมเธอใกล้จะออกจากทีมแล้ว ยิ่งทำเรื่องโง่ๆ ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อไปถึงจะมีโอกาสได้เจอหน้ากัน และจะไม่กระอักกระอ่วนด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลั่วลั่วก้มหน้าดื่มเครื่องดื่มในมือ คู่เฟิงอวิ๋นนั่งทางซ้ายของคู่เธอ ส่วนคู่ฉินมั่วนั่งทางขวา
ถูกนั่งขนาบเช่นนี้ อาจทำให้ถูกเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
ลั่วลั่วจึงได้แต่เอียงตัวไปพิงป๋อจิ่ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มคนนั้นถึงมองมาทางเธอ
เขาทำแค่มอง ไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้ลั่วลั่วอึดอัด เดาว่าในโลกของหัวหน้าคงไม่รู้จักคำว่านัดดูตัว ถึงได้พินิจมองเธอแบบนี้
ทำให้เธอได้แต่หาเรื่องพูด “อย่าเล่าเรื่องวันนี้ให้จ้าวซานพั่งฟังนะ ไม่งั้นต้องรู้กันทั้งทีมแน่”
เซียวจิ่งเห็นความไม่สบายใจบนใบหน้าสวยๆ นั่น น้ำเสียงราบเรียบมาก “เป็นครั้งแรกที่เธอโกหก”
“หือ?” ลั่วลั่วตามอารมณ์อีกฝ่ายไม่ทัน
เซียวจิ่งคร้านจะพูดต่อ ได้แต่เคาะข้อมือตัวเอง ลั่วลั่วถึงนึกออกว่าเธอหาข้ออ้างออกมานัดดูตัว จึงไม่ได้พูดความจริง
“ไปกันเถอะ” เซียวจิ่งยืนขึ้นมาก่อน
………………………………………………………..
ตอนที่ 1957-2
ช่วยจับคู่เซียว-ลั่ว
ลั่วลั่วคิดว่าเพราะตำแหน่งที่นั่งดูเหมือนจะสวีทหวานเกินไป เขาจึงไม่อยากนั่งนานๆ
ทว่าหลินเฟิงกลับเอ่ยเสียงต่ำว่า “เอ๋? เซียวใบ้ นายจะไปไหน? หนังยังไม่จบเลย”
“กลับ ต้องซ้อม” เซียวจิ่งตอบสั้นๆ
หลินเฟิงหันไปพูดกับลั่วลั่ว “หัวหน้าเธอเขาไม่โรแมนติกเลยนะ? เดาว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่มาดูหนังกับผู้หญิง ยังไม่รู้อีกว่าต้องวางมือยังไง?”
ลั่วลั่วเลิกคิ้ว “นายรู้งั้นสิ?”
เวลานี้หลินเฟิงไม่อายอีกแล้ว ชูมือที่ประสานกับอวิ๋นหู่ขึ้นมา “สาธิตตัวอย่างให้เธอดู”
ลั่วลั่วหยุดเดิน “อย่าล้อเล่นสิ หลินฝ่ายรับ”
หลินเฟิงอยากพูดอะไรบ้าง แต่ป๋อจิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน มือซ้ายเท้าคางไว้ ตุ้มหูดำเปล่งประกาย “เอาน่า รุ่นพี่หลิน ลั่วลั่วกับเทพเซียวน่าจะมีธุระที่ต้องไปทำ”
พอพูดถึงธุระ แววตาของป๋อจิ่วลึกลับเป็นพิเศษ
หลินเฟิงรอให้ทั้งสองออกไปก่อน จึงชะโงกหน้าถาม “ทำไมถึงปล่อยสองคนนั้นไปล่ะ โรงหนังเป็นที่ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ก้อนหินอย่างเซียวใบ้จะได้เกิดเปิดโลก ลิ้มรสความรักบ้าง”
“เรื่องสร้างความสัมพันธ์อะไรเนี่ย พี่ทำกับเทพอวิ๋นก็พอ” ป๋อจิ่วยิ้มร้าย “บางครั้งก่อนหินก็ต้องการอะไรที่มันตื่นเต้นๆ”
หลินเฟิงถอนใจยาว “พูดตรงๆ เมื่อก่อนฉันยังไม่รู้สึกว่าลั่วลั่วชอบเซียวจิ่ง เขาชอบนายมากที่สุดไม่ใช่เหรอ นายเป็นไอดอลชายหนึ่งเดียวของเขาเชียวนะ”
“พี่จะโง่ในเรื่องนี้ก็โง่ไป อย่าโยนกรรมให้ฉันรับสิ” ป๋อจิ่วส่งสัญญาณให้เขากลับไปอยู่ข้างอวิ๋นหู่
หลินเฟิงกลับเหมือนเป็นเจ้าแม่ในวงการ กังวลไม่หยุด “ฉันรู้จักเขามานานหลายปี เจ้าเซียวใบ้นั่นคงคิดกับลั่วลั่วว่าเป็นแค่ลูกทีมนั่นแหละ ไม่เคยคิดด้านอื่นหรอก สงสัยว่าลั่วลั่วจะผิดหวังแล้ว แต่ยังไงก็ให้เธอออกมานัดดูตัวอีกไม่ได้ หรือวงการพวกเราไม่มีผู้ชายแล้ว? ครั้งก่อนมีแฟนคลับที่ชอบเขา อุตส่าห์จ่ายเงินส่งสติกเกอร์เรือยอชท์ตั้งสิบอันให้ลั่วลั่วตอนที่ไลฟ์สด คนที่ฉันรู้จักก็เคยบอกว่าลั่วลั่วเป็นนางฟ้าหนึ่งเดียวของเขา”
“เรอะ?” ป๋อจิ่วใช้นิ้วลูกคาง ยิ้มเท่ขึ้นมา “เป็นใครอะ? นายเป็นพ่อสื่อในกรุ๊ปวีแชทให้เขาสองคนหน่อยสิ นัดให้เจอหน้ากัน”
หลินเฟิงตบศีรษะตัวเอง “ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ ให้ลั่วลั่วออกมาหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น เพื่อนฉันเอาใจเก่งจะตาย หน้าตาก็ดี แถมชอบลั่วลั่วมานานแล้ว”
“โอเคนี่” ป๋อจิ่วเหมือนคิดอะไรได้ ยิ้มมุมปากบางๆ “ยิ่งหล่อก็ยิ่งกระตุ้นคนได้ดี”
ฉินมั่วผู้สง่างามไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากเหลือบมองบางคน
ทว่าหลินเฟิงกลับย่นหัวคิ้วพูด “ทำไมฉันรู้สึกว่านายยิ้มร้ายชอบกล?”
“จริงอะ?” ป๋อจิ่วไม่ใส่ใจ “ฉันจะทุ่มเททุกอย่างเพื่ออนาคตของลั่วลั่ว เพราะยังไงเขาก็เป็นเกมเมอร์น้อยคนที่ฉันชอบ หรือว่านายไม่คิดอย่างนั้น?”
หลินเฟิงตอบหน้าจริงจัง “ในบรรดาผู้เล่นผู้หญิง ฉันชอบเขามากที่สุด ไม่มีใครเทียบเท่า”
“เรอะ?” อวิ๋นหู่มองเพื่อน
หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงอันตรายที่จะมาเยือน พยักหน้าบอก “ใช่สิ”
แววตาของอวิ๋นหู่เคร่งขรึมหนัก คงเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
คนรักเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ย่อมต้องชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ชอบในแบบเดียวกัน แต่ยังทำให้เขาอิจฉาได้อยู่ดี
อวิ๋นหู่บี้ป๊อปคอร์นเม็ดหนึ่งเล่น คิดว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้หลินเฟิงกลายเป็นของเขาเพียงคนเดียว
และหมดซึ่งความชอบผู้หญิงทั้งปวงไป…
…………………………………..