ตอนที่ 648 ลูกสาวของผู้อาวุโสหลิน
ซิงเหอและมู่ไป๋ตัดสินใจในสิ่งเดียวกันว่าหลินฉินคือตัวจุดชนวนที่พวกเขาต้องการ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะหันหลังกลับ พวกเขาพบกับสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากนัก เธอจ้องมองมายังพวกซิงเหออย่างสนใจใคร่รู้และดูเหมือนเธอจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้ทั้งหมด
มู่ไป๋และซิงเหอตาโตด้วยความตกใจ
“คุณเป็นใคร” ซิงเหอเอ่ยถาม “คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลิน”
ผู้หญิงท่าทางบอบบางที่อยู่ในชุดหรูหราหัวเราะคิกคักกับตัวเองอย่างร่าเริงแต่ไม่ตอบคำถามของซิงเหอ
มู่ไป๋หรี่ตาของเขาและถามเพื่อทดสอบอีกฝ่าย “คุณคือลูกสาวของท่านผู้อาวุโสหลินใช่ไหมครับ”
“หายากนะที่จะมีใครจำฉันได้” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มกว้างก่อนหันหลังเพื่อเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” ซิงเหอออกปากเรียกเพื่อหยุดอีกฝ่าย แต่ผู้หญิงคนนั้นทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอและเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ซิงเหอจึงสั่งอาลิ “หยุดเธอไว้”
“ได้เลย!” ในขณะที่อาลิกำลังพุ่งตัวไปข้างหน้า หลินเซวียนปรากฏตัวขึ้นออกมาจากมุมของอาคารพร้อมกับบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งอยู่ด้านหลัง “พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำลายทุกอย่าง อาลิหยุดและเดินกลับไปยืนอยู่ด้านหลังซิงเหอ
หลินเซวียนพิจารณาพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็นและซักถาม “สีมู่ไป๋ ทำไมพวกคุณถึงไม่กินเลี้ยงสังสรรค์ในห้องโถงแต่กลับมาซ่อนตัวอยู่สวนหลังบ้านของผมแบบนี้ล่ะครับ”
มู่ไป๋จ้องกลับและหัวเราะในลำคอ “ทำไมล่ะครับ มีอะไรในสวนด้านหลังที่ไม่เหมาะสมให้คนภายนอกเห็นอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงต้องระแวงพวกเรานักละ”
“ไม่มีของแบบนั้นอยู่ในบ้านของผมหรอกครับ แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลหลินและพวกเราไม่ต้อนรับคนอย่างพวกคุณ” หลินเซวียนพูดอย่างไม่สุภาพ “ดังนั้นช่วยกลับไปที่ห้องโถงและหยุดเดินไปมาในบ้านของคนอื่นได้แล้ว”
“ไม่เป็นไร ในเมื่อตระกูลหลินดูเหมือนจะไม่ต้อนรับพวกเราให้อยู่ที่นี่ งั้นพวกเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อ ขอตัวก่อน” ซิงเหอกล่าว พวกซิงเหอถอนตัวออกมาเพราะพวกเธอมีบางอย่างที่สำคัญจะต้องไปตรวจสอบ
หลินเซวียนหรี่ตามองแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของพวกซิงเหออย่างสงสัยและกระซิบบอกหนึ่งในบอดี้การ์ดของเขา “ไปสืบมาว่าพวกมันทำอะไรที่สวนด้านหลังและมันเจอใครบ้าง”
“ครับท่าน!” บอดี้การ์ดคนนั้นพยักหน้ารับคำสั่ง แต่การสืบค้นได้เพียงความว่างเปล่า ซิงเหอและมู่ไป๋ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรหรือพบใครที่นั่น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้หลินเซวียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถระบุได้
…
ซิงเหอและมู่ไป๋ก้าวขึ้นรถหลังจากพวกเขาก้าวพ้นประตูบ้านของตระกูลหลิน
มู่ไป๋ยืนแล็ปท็อปให้ซิงเหอทันที “นี่”
“ขอบคุณ!” ซิงเหอพูดพลางเริ่มลงมือทำงานในโน๊ตบุ๊คตรงหน้าทันที
อาลิที่นั่งอยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความประหม่าภายในรถและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น มีอะไรบางอย่างสำคัญเกิดขึ้นงั้นเหรอ ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ซิงเหอตอบโดยไม่ถอนสายตาออกจากหน้าจอ “มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เราต้องการข้อมูลมากกว่านี้”
“เกี่ยวกับอะไร”
“ผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้” คราวนี้เป็นมู่ไป๋ที่ตอบคำถามของอาลิ
อาลิยังคงสับสน “เกี่ยวกับอะไรของผู้หญิงคนนั้นล่ะ เธออาจะทำตัวประหลาดอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติชัดเจนนี่นา”
แต่ โอ ใช่แล้ว มันมีบางอย่างที่ผิดปกติเป็นอย่างมาเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ซิงเหอยุ่งเกินกว่าที่จะอธิบายทุกอย่างให้อาลิฟังเพราะเธอต้องหาทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนที่ 649 การปฏิบัติที่แปลกแยก
ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นกุญแจสำหรับเปิดโปงตระกูลหลินก็ได้!
หลินซวงคือลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสหลินและเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในครอบครัว เธอเป็นเด็กขี้โรคมาตั้งแต่เกิดและถูกส่งไปอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของครอบครัวที่เป็นญาติกับตระกูลหลินที่อยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เมื่อเธออายุสิบแปดปีได้ย้ายมายังเมือง T เพื่อเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
หลังจากเรียนจบ เธอย้ายไปอยู่นอกเมืองและเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่กับพวกตระกูลหลินเมื่อห้าปีก่อน เธอเป็นเหมือนวิญญาณที่ล่องลอยไปมาในครอบครัว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของเธอ
เหตุผลเดียวที่มู่ไป๋สามารถคาดเดาถึงตัวตนของเธอได้เป็นเพราะเขาเคยได้ยินมาว่าลูกสาวของผู้อาวุโสหลินมีร่างกายอ่อนแอและใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการรักษาอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเคยพบกับผู้หญิงคนสำคัญคนอื่นๆ ของตระกูลหลินมาหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่พวกเขายังไม่เคยพบ แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับหลินซวงที่ทำให้ซิงเหอและมู่ไป๋รู้สึกประหลาดใจ เธอช่างดูคุ้นเคยอย่างหน้าสงสัย…
การสืบค้นข้อมูลของซิงเหอไม่มีอะไรพิเศษนอกจากข้อมูลพื้นฐานทั่วไป แต่เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงฮิลส์เรสซิเดนซ์ ผู้อาวุโสสีได้บอกข้อมูลบางอย่างกับพวกเขา
“ทำไมพวกเธอถึงถามเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ลูกสาวของตาแก่นั่นเหมือนไม่มีตัวตน ไม่มีใครเคยเจอตัวด้วยซ้ำ เธอถูกส่งไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ฉันได้ยินมาว่าเพราะเด็กคนนั้นต้องการอากาศบริสุทธิ์ที่นอกเมืองเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง พวกเราไม่เคยมีใครเคยเจอผู้หญิงคนนั้นมาก่อนและอยู่นอกเรดาร์ของพวกเราจนคิดว่าตระกูลหลินมีเพียงลูกชายสามคนและไม่รู้เลยว่าเขายังมีลูกสาวอยู่อีกคนหนึ่ง ทำไม มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหลินซวงอย่างนั้นรึ”
ซิงเหอพยักหน้า “มีเรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับหลินซวงอย่างแน่นอนค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลหลินถึงดูไม่สนใจการมีตัวตนของเธอนัก ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกำลังป่วยแต่แทนที่จะหาหมอที่ดีที่สุดของประเทศที่น่าจะอยู่ในเมือง A มารักษาแต่กลับส่งเธอไปอยู่นอกเมืองและให้เธออยู่ที่นั่น”
และถึงแม้ว่าหลินซวงจะกลับมาอยู่กับครอบครัวตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เธอกลับยังดูซีดเซียวเช่นเดิม เป็นใครก็ต้องสงสัยว่าตระกูลหลินดูแลลูกสาวอย่างไรถึงได้มีลักษณะเช่นนี้
ผู้อาวุโสตอบว่า “ตาแก่หลินให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่แล้ว แต่เธอพูดถูก เขาไม่ควรจะเพิกเฉยลูกสาวตัวเองแบบนี้ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นการดูแลลูกสาวให้ดีและให้เธอได้แต่งงานดีๆ มีแต่จะยิ่งมีประโยชน์มากกว่าวิธีที่พวกเขาทำกับเธออย่างทุกวันนี้ ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกนั้นถึงได้ยืนกรานที่จะทำเหมือนว่าหลินซวงไม่มีตัวตนอยู่แบบนี้”
“เป็นเรื่องแปลกมาก ผู้หญิงทุกคนในตระกูลหลินล้วนได้รับการศึกษาที่ดี แม้แต่หลินอวิ๋นยังได้เข้าทำงานในสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดังนั้นวิธีที่ตระกูลหลินปฏิบัติกับหลินซวงนั้นผิดปกติอย่างแน่นอน” ซิงเหอตั้งข้อสังเกต
มู่ไป๋พยักหน้า “ใช่ แต่เราไม่รู้ว่าทำไม”
อาลิที่ฟังทุกอย่างมาตลอดชูมือขึ้นด้วยความโลเล “บางทีฉันอาจจะรู้นะ”
“ทำไมล่ะ” ซิงเหอและทุกคนที่เหลือหันไปมองอาลิด้วยความประหลาดใจ แม้แต่กลุ่มของแซมยังตกใจ อาลิจะรู้เหตุผลได้ยังไง
อาลิกระแอมก่อนเริ่มอธิบาย “บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเหมือนฉันก็ได้ ฉันถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็กเพราะฉันเกิดในวันที่ไม่เป็นมงคล พวกเขากลัวว่าฉันจะนำโชคร้ายมาให้ครอบครัว บางทีหลินซวงคนนี้อาจจะมีชะตากรรมแบบเดียวกันกับฉันก็ได้”
ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “เธอมีเหตุผล”
มู่ไป๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ผมต้องบอกว่าสำหรับครอบครัวอย่างตระกูลหลินแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำเรื่องแบบนี้ อะไรที่เป็นตัวนำพาโชคร้ายจะต้องถูกกำจัด เหมือนอย่างหลินอวิ๋น…”
ผู้อาวุโสสีส่ายหน้าและหัวเราะ “ไม่เหมือนกันหรอก ตระกูลหลินไม่เชื่อเรื่องโชคลาง อีกอย่าง ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นใครพูดว่าลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินจะเป็นตัวนำโชคร้ายเลยล่ะ ถึงตาแก่หลินจะมองคนหรือแม้แต่ลูกของตัวเองเป็นแค่ตัวสร้างผลประโยชน์เท่านั้นแต่เขาไม่ใช่คนงมงาย”