เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 677
พูดถึงตอนท้าย
หนิงเหลยถิงก็แสดงสีหน้าที่แผ่ออร่าสังหารออกมา
หยางเฟิงคนนี้ ได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเขากับหนิงชิงเฉิงซะแล้ว
หนิงชิงเฉิงทำสีหน้าเย็นชา จ้องไปที่หนิงเหลยถิงและกล่าวว่า “ถ้าพ่อกล้าฆ่าพี่เฟิง หนูจะไม่นับว่าเราเป็นพ่อลูกกันอีก!”
พูดจบ
หนิงชิงเฉิงก็หันหัวแล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามอง!
“ก ก แก…กลับมาเดี๋ยวนี้!”
“แกนี่มันลูกอกตัญญู เพื่อไอ้เขยแต่งเข้าขยะคนหนึ่ง ถึงกลับกล้ามาข่มขู่พ่อ!”
“กลับมาเดี๋ยวนี้!!!”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของหนิงชิงเฉิงเดินจากไป
หนิงเหลยถิงก็โมโหจนกลั้นไม่อยู่!
หนิงชิงเฉิงเพื่อหยางเฟิง ถึงขั้นคิดจะตัดพ่อตัดลูกกับเขา!
“ท่านฝง!”
หนิงเหลยถิงตะโกนเสียงดัง
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้วครับ!”
มีเงาร่างคนแก่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา
เงาร่างคนแก่คนนี้ แม้จะหลังค่อมเล็กน้อย
แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวของเขานั้น น่ากลัวมากทีเดียว
ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
พร้อมที่จะระเบิดการโจมตีที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ!
หนิงเหลยถิงกัดฟันและพูดว่า “เจ้าจงไปตงไห่ และฆ่าไอ้ขยะนั่นซะ!”
หนิงชิงเฉิงเพื่อหยางเฟิง ยอมแม้กระทั่งละทิ้งชิงเฉิงกรุ๊ป และตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับตน
นี่เป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้อย่างแน่นอน
และต้นตอของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ หยางเฟิง
เพราะฉะนั้น หยางเฟิงจำเป็นต้องตาย!
“ได้ ขอรับ!”
พูดจบ
เงาร่างแก่ๆ นั้นก็หายวับไปในพริบตา
หนิงเหลยถิงกำหมัดแน่น กัดฟันพูดกับตัวเองว่า “หยางเฟิง ไม่ว่าแกจะเป็นเขยแต่งเข้า ลูกที่ถูกทิ้งหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าแกกล้าที่จะขวางอนาคตของลูกสาวฉัน แกก็ต้องตาย!”
ทันใดนั้น
ออร่าสังหารที่เยือกเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องหนังสือ
และอุณหภูมิในอากาศ ก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็งในทันที!
ณ เวลานี้
หนิงชิงเฉิงได้เดินออกจากห้องหนังสือไปแล้ว
สวีโหย่วหรง รีบเดินตามเธอมาอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูใหญ่…”
เพี้ยะ!
ไม่ทันรอให้สวีโหย่วหรงพูดจบ
หนิงชิงเฉิงก็ตบหน้าเธออย่างแรง
สวีโหย่วหรงใช้มือประคบใบหน้าตัวเอง พร้อมกับปรากฏสีหน้าแสดงความไม่อยากจะเชื่อออกมา
“คุณหนูใหญ่…คุณ”
เพี้ยะ!
เพี้ยะ!
และก็มีตามมาติดๆ
อีกสองฉาด ตบอย่างต่อเนื่องที่บนหน้าของเธอ
ทั้งหมดตบหน้าไปสามที
แก้มของสวีโหย่วหรงบวมเป่งขึ้นมา
“ฉัน……”
สวีโหย่วหรง เอามือทั้งสองปิดหน้าไว้ และมองไปที่หนิงชิงเฉิงด้วยความไม่เข้าใจ
หนิงชิงเฉิงจ้องมองเธออย่างเย็นชา และถามอย่างเฉยเมย “ไม่เข้าใจใช่ไหมว่า ฉันตบเธอทำไม?”
ณ ตอนนี้
สวีโหย่วหรงไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
หนิงชิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จำไว้ เธอเป็นเพียงสาวใช้ของตระกูลหนิง ถ้าคราวหน้ายังกล้าพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าพ่อฉันอีก ฉันจะทำให้เธออยู่เหมือนตายทั้งเป็น!”
พูดจบ
หนิงชิงเฉิงก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
แผ่นหลังที่หยิ่งทะนง ทำให้คนที่คุ้นเคย ล้วนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างประหลาด
หญิงสาวที่เก่งกล้าผู้นี้
ตั้งแต่ได้พบกับหยางเฟิงอีกครั้ง
ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
ในความเป็นจริงแล้ว
ด้วยความเฉลียวฉลาดของหนิงชิงเฉิง
เธอสามารถเดาได้แต่แรกแล้วว่า สวีโหย่วหรงเป็นคนที่แอบเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้พ่อของตนฟัง
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์นายบ่าวที่มีมานานหลายปี
หนิงชิงเฉิงคงจะสั่งให้คนลากเธอออกไปเป็นอาหารให้สุนัขกินตั้งนานแล้ว!
ในขณะที่มองแผ่นหลังของหนิงชิงเฉิงกำลังค่อยๆ จากไป
สวีโหย่วหรงใช้มือประคบหน้าตัวเอง และแววตาของเธอก็ปรากฏแรงอาฆาตออกมา!
“คุณหนูครับ ผู้นำตระกูลเฉิน เฉินเป่ยเสวียน มาขอพบครับ!”
เมื่อเดินไปถึงห้องโถงใหญ่
พ่อบ้านของตระกูลหนิงก็รีบเข้ามารายงาน
“ผู้นำตระกูลเฉิน เฉินเป่ยเสวียน?”
ใบหน้าอันเยือกเย็นของหนิงชิงเฉิง ก็ขยับเล็กน้อย
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลอันดับรองของจงโจว
ตระกูลระดับนี้
หากเทียบกับตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างตระกูลหนิง ถือว่าห่างชั้นกันมากนัก
แม้ว่าเฉินเป่ยเสวียน จะเป็นผู้นำตระกูลก็ตาม
แต่ปกติหากไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ก็จะไม่กล้ามารบกวนตน
ไม่รู้ว่าวันนี้เขามาด้วยเรื่องอะไร
หนิงชิงเฉิงพูดเบา ๆ “ให้เขาเข้ามา!”
ณ เวลานั้น
ที่ห้องรับแขกของตระกูลหนิง
เฉินเป่ยเสวียน กำลังนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเป็นกังวล