บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง

แปลโดย iPAT

 

“คนผู้นี้คือ?” เย่ฟานเงยหน้ามองฟางหยวนด้วยความสงสัย

 

ในเวลานี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงคำกล่าวของลั่วเว่ยหยินผู้เป็นอาจารย์

 

‘ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าอินทรีย์ตัวนี้สามารถแก้ไขชะตากรรมของข้า ผู้อมตะผู้นี้เป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวนี้งั้นหรือ? และชะตากรรมของข้าเกี่ยวข้องกับเขางั้นหรือ?’

 

เย่ฟานไม่รู้จักฟางหยวนเพราะเขาอยู่ในร่างทารกอมตะ เย่ฟานไม่เคยเห็นร่างนี้

 

เย่ฟานรู้จักรูปลักษณ์ของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน เขาเรียนรู้เรื่องนี้จากผู้คนที่อยู่รอบตัวเฉิงซินซื่อ หลังจากทั้งหมดฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นปีศาจดำขาวที่ถูกประกาศจับ

 

ร่างกายของสาวใช้เสี่ยวตี้สั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว

 

นางจำฟางหยวนไม่ได้ นางรู้เพียงว่าเขามีกลิ่นอายที่ทรงพลังและอาจเป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวน้อย อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่งมาก แล้วเจ้าของมันจะแข็งแกร่งถึงระดับใด?

 

เสี่ยวตี้ไม่สามารถจินตนาการได้ นางกลัวว่าฟางหยวนจะมาสร้างปัญหาให้กับพวกนาง

 

เฉิงซินซื่อกัดริมฝีปากของนาง สายตาของนางมองไปที่ฟางหยวนด้วยความรู้สึกตกใจ สงสัย และความรู้สึกไม่ชัดเจนที่อยู่ในหัวใจของนาง

 

ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ตกใจและสับสนขณะที่ผู้อมตะรู้สึกหนาวสั่นด้วยความหวาดกลัว

 

“นี่…นี่…” ผู้อมตะระดับหกฮั่วเหยาเบิกตากว้างและรู้สึกพูดไม่ออก เขารู้จักฟางหยวน แต่เขาไม่สามารถกล่าวชื่อของฟางหยวนออกมาได้

 

รูปลักษณ์ของฟางหยวนเหมือนกับหลิวกวนซื่อ

 

ย้อนกลับไปฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่เพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

 

หลิวกวนซื่อและวูอี้ไห่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันมาก

 

อย่างไรก็ตาม…หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน วังสวรรค์ได้ประกาศความจริงที่ว่าหลิวกวนซื่อคือฟางหยวนออกมา

 

ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าฟางหยวนคือหลิวกวนซื่อและปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ รูปลักษณ์ของร่างทารกอมตะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป

 

คราวนี้ฟางหยวนมาที่ภาคใต้โดยไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยหรือปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริง

 

แน่อนนว่ามีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้

 

ประการแรก เขามีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เขาต้องการทวงคืนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มันไม่มีประโยชน์ที่เขาจะปกปิดตัวตน

 

ประการที่สอง หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดและหลังจากสะสมรากฐานมาถึงตอนนี้ เขามั่นใจกับความแข็งแกร่งของตนเอง

 

ประการที่สาม ฟางหยวนตั้งใจเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อตรวจสอบแผนการของวังสวรรค์และฝ่ายธรรมะ แต่ระห่างทางกลับไม่ปรากฏสิ่งกีดขวางใดๆ

 

ด้วยเหตุผลหลายประการ ผู้อมตะทุกคนจึงรู้จักฟางหยวน

 

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด…วูอี้ไห่…เป็นเช่นนี้ อินทรีย์ตัวนี้คืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!” เฉิงชิงชิงเข้าใจสถานการณ์ในที่สุด

 

“ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด นี่เป็นความจริงที่ทุกคนรู้! ผู้อมตะระดับแปดแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด! เราต้องวิ่ง!” อี้อวี๋ที่ซ่อนตัวอยู่กล่าว

 

ผู้อมตะระดับหกผู้นี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดขาว จิตวิญญาณของเขากำลังสั่นคลอน

 

“เหตุใดต้องกลัวนัก? เขาอาจไม่พบพวกเรา แม้พวกเราจะต้องการจากไป แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าเราวิ่งเร็วกว่าเขางั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับเจ็ดอี้หนานเหมินแสดงออกอย่างน่ากลัว เขาเพิกเฉิยต่อแผนการของตระกูลอี้อย่างสมบูรณ์และพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปกปิดกลิ่นอายของตนเอง

 

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงขณะที่ไท่เมี่ยนเฉินปรากฏตัวออกมา “ฟางหยวน เจ้ากำลังเป็นที่ต้องการของภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่เจ้ากลับกล้าปรากฏตัวงั้นหรือ?”

 

ผู้อมตะทั้งหมดที่เห็นสิ่งนี้รู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของไท่เมี่ยนเฉินเป็นอย่างมาก

 

“สมกับเป็นไท่เมี่ยนเฉิน!”

 

“ผู้อมตะตระกูลไท่ช่างน่าชื่นชมนัก!”

 

“ณ จุดนี้ ซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์ มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เราต้องร่วมมือกันถึงจะมีโอกาสรอด!”

 

“ถูกต้อง ฟางหยวนสามารถหลบหนีการจับกุมจากคนทั้งโลก เขาต้องมีวิธีการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง หากแยกกัน เขาจะไม่สามารถติดตามเขาและจะถูกสังหารทีละคน ความหวังเดียวของเราคือรวมตัวกันและรอกำลังเสริม!”

 

ผู้อมตะล้วนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา

 

หลังจากได้ยินคำกล่าวของไท่เมี่ยนเฉิน พวกเขาก็สามารถรวบรวมสติและรวมตัวกันต่อต้านปีศาจอมตะผู้นี้

 

“หากฟางหยวนพบเรา เราต้องสู้ตายกับปีศาจตนนี้!”

 

ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ

 

นั่นทำให้ผู้ใช้วิญญาณของทั้งสามกองกำลังเริ่มส่งเสียง

 

“ดู มีผู้อมตะอีกคนปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”

 

“โอ้ สวรรค์ ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?”

 

ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและอยากรู้อยากเห็น

 

โดยปกติแล้วผู้อมตะจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใช้วิญญาณโดยง่าย การปรากฏตัวขึ้นของผู้อมตะสองคนพร้อมกันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก

 

‘เดี๋ยว! ผู้อมตะคนที่สองกล่าวว่ากระไรนะ!? ฟางหยวนงั้นหรือ? เขาเป็นคนที่คุณหนูซินซื่อคิดถึงอยู่ทุกวันงั้นหรือ? แต่รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เหมือนกัน!’ หัวใจของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขามองไปที่เฉิงซินซื่อโดยไม่รู้ตัว

 

เฉินซินซื่อเงยหน้ามองไปที่ฟางหยวนโดยไม่ละสายตา

 

เมื่อไท่เมี่ยนเฉินเปิดเผยตัวตนของฟางหยวนออกมา นางเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางถึงมีความรู้สึกลึกลับต่อชายผู้นี้

 

คนที่นางคิดถึงตลอดเวลาอยู่ตรงหน้า ช่วยไม่ได้ที่เฉิงซินซื่อจะจ้องมองเขาราวกับเวลาได้หยุดลง

 

อารมณ์ที่นางสะกดข่มมานานปะทุขึ้นในหัวใจของนางในเวลานี้

 

มันเป็นเพราะฟางหยวนช่วยเหลือนางในช่วงเวลาที่นางอ่อนแอที่สุดงั้นหรือ?

 

บางครั้งนางก็รู้สึกสงสัยในตัวเอง มันคือความรักหรือไม่?”

 

หรือบางทีมันอาจเป็นเพียงความกตัญญู?

 

แต่ตอนนี้เมื่อนางพบฟางหยวนอีกครั้ง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ความรู้สึกในตัวนางกลับอ่อล้นออกมาราวกับน้ำตา

 

ในเวลานี้น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง นางสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่านี่คือความรัก!

 

ความรักที่เหลวไหล ความรักที่ไร้เหตุผล

 

การพยายามหาคำตอบให้กับความรักเป็นเรื่องที่โง่เขลา

 

แต่เฉิงซินซื่อเข้าใจว่ามันเป็นความรักที่ผิดที่ผิดทาง

 

นางรู้ว่านางไม่สามารถรักเขาได้ นางรู้ถึงความแตกต่างระหว่างนางกับเขา แต่นางจะหยุดความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร?

 

ดังนั้นเฉิงซินซื่อจึงทำตัวไม่ถูก นางทำได้เพียงเฝ้ามองร่างอันสง่างามของฟางหยวนเท่านั้น

 

นางพยายามเบิกตามองรูปลักษณ์ของฟางหยวนให้ชัดเจน แต่ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของนางกลับไร้ประโยชน์ต่อหน้าร่างทารกอมตะของฟางหยวน

 

‘ในปัจจุบันข้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะมองหน้าเขางั้นหรือ?’ เฉิงซินซื่อเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งปิติยินดี ทั้งโศกเศร้า ทั้งขมขื่น และที่สำคัญที่สุดคือนางกังวลถึงความปลอดภัยของฟางหยวน

 

แต่นางเข้าใจความแข็งแกร่งของตนเอง นางเป็นผู้นำตระกูลเฉิง เป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ และเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญ

 

นางได้เรียนรู้อัตลักษณ์และประวัติของฟางหยวนมาจากเฉิงชิงชิงแล้ว

 

แต่นางไม่สามารถทำสิ่งใดหรือกล่าวสิ่งใดออกมา นางทำได้เพียงอดทนมองเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น

 

เย่ฟานเฝ้ามองการแสดงออกของเฉิงซินซื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้จากนาง หัวใจของเขาเต้นแรง ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีเขาจนถึงจิตวิญญาณ

 

ความเจ็บปวดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความรักที่มีต่อเฉิงซินซื่อและความเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวน

 

ตอนนี้เขาสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่าผู้อมตะผู้นี้ก็คือฟางหยวน

 

‘อย่าบอกว่าชะตากรรมที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงคือชะตากรรมระหว่างข้ากับฟางหยวน?’ เย่ฟานคาดเดา

 

เขาตกใจมากแต่ในไม่ช้าเขาก็สามารถยอมรับมัน

 

เพราะเขาเคยพบกับไป่หนิงปิงและเกือบเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับลั่วเว่ยหยินและได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อคิดย้อนกลับไปเขารู้สึกว่าไป่หนิงปิงน่าจะเป็นผู้อมตะ

 

ในเวลานั้นฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นที่รู้จักในนามปีศาจดำขาว หากไป่หนิงปิงเป็นผู้อมตะ ฟางหยวนที่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะในแดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ของภาคใต้จะเป็นผู้อมตะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก