บทที่ 816 แพ้แล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 816 แพ้แล้ว

“ไม่ต้องกังวลไป”

เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีเร่งเร้าของจี้ซิงนั้น ช่ายเสี่ยวซานจึงเผยสีหน้าสงสัยออกมา

“หนึ่งร้อยล้านไม่ใช่จำนวนเล็ก ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาพูดกันปากเปล่าได้”

“สนามมวยแห่งนี้เป็นธุรกิจครอบครัวของฉัน เพราะฉะนั้นแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่สามารถหนีไปไหนได้ แต่แกล่ะ?”

“แกต้องแสดงตัวตนออกมาหน่อยสิว่าแกจะสามารถนำเงินพวกนั้นออกมาได้จริงหรือเปล่า?”

“ถ้าหากว่าแกแพ้แล้ว ฉันจะต้องไปเรียกเอาเงินจากใครกัน ”

จี้ซิงพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา “เงินร้อยล้าน สำหรับแกถือว่าเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย แต่สำหรับฉัน มันก็แค่ตัวเลขกลม ๆ เท่านั้น”

“ฉันไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวตนอะไรเลย แกรีบไปเอาเลขบัญชีของสนามมวยมาซะ”

“แกจะโอนเงินเหรอ?” ช่ายเสี่ยวซานพลันพูดออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น “เร็ว รีบไปเรียกฝ่ายการเงินมาไว ๆ !”

ไม่นานนัก พลันมีหญิงวัยกลางคนวิ่งเข้ามา พร้อมกับเลขบัญชีรับเงินที่อยู่ในมือ

หญิงสาววัยกลางคนนั้น พลางหันมากล่าวกับจี้ซิงว่า “ตอนนี้ธนาคารทุกที่เลิกงานหมดแล้วนะคะ เงินจำนวนมากเช่นนี้ เกรงว่าอาจจะไม่สามารถทำรายการได้”

“คุณท่านคะดิฉันคิดว่า คุณควรจะรูดบัตรดีกว่านะคะ พวกเรามีเครื่องรูดบัตรอยู่”

จี้ซิงพลันกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา “ก็แค่ร้อยล้าน จักต้องผ่านธนาคารทำไมกัน”

เขาพลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายหน้าบัญชี ก่อนจะที่จะส่งกลับไป ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ของพนักงานบัญชีคนนั้น ก็พลันส่งเสียงขึ้นมาไม่มีหยุด

ในทุก ๆ ครั้ง ที่เสียงดังขึ้นมา ก็จะเป็นจำนวนเงินสิบล้านที่โอนเข้า

เมื่อส่งเข้ามาครบสิบครั้ง ก็เป็นจำนวนเงินครบร้อยล้านพอดี

หญิงวัยกลางคนผู้นั้นถึงกับพูดไม่ออก

อีกทั้ง ช่ายเสี่ยวซานเองก็ถูกการใช้เงินมือเติบของจี้ซิง ทำเอาตกตะลึงงันไปเช่นกัน เขาอดที่จะขมวดคิ้วลงไปเล็กน้อยไม่ได้ วันนี้เขาคงมาเจอตอเข้าแล้ว

ตอนนี้เขามีแต่ต้องชนะเท่านั้น!

หากเขาพ่ายแพ้ลงนั้นบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะเตะตระกูลของเขาออกจากสนามมวยแห่งนี้เลยก็ได้

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ!”

“จวี่หยวนรับคำสั่ง!”

“หากแกชนะหนึ่งตา ฉันจะให้แกสิบล้าน!”

ภายในสนามมวยนั้น พลันมีชายร่างใหญ่คล้ายลิงยักษ์กำลังร้องคำรามอยู่ด้านบนเวที ดวงตาทั้งคู่พลันจ้องมองมาด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำ ทั้งยังเผยให้เห็นถึงความร้ายกาจออกมาอีกด้วย

พลางรัวกำปั้นออกมา เสมือนกับท่าเผยแผ่วิญญาณร้าย

“นายน้อย ให้ข้าเริ่มเถอะ!”

ไม่รอให้จี้ซิงออกคำสั่ง พร้อมกับก้าวเข้าไปในกรงแปดเหลี่ยมในทันที

เดิมทีหวงพานเองก็มีรูปร่างสูงกำยำอยู่แล้ว หากยืนคู่กับคนธรรมดานั้น เขาจะสูงมากกว่าปกติถึงครึ่งหนึ่ง อีกทั้งยังดูองอาจมากอีกด้วย

ทว่า ยามที่เดินเข้าไปในกรงแปดเหลี่ยมแล้ว เมื่อได้ยืนเผชิญหน้ากับจวี่หยวนแล้ว ราวกับมดตัวเล็กเจอช้างตัวใหญ่เลย

ภาพแบบนี้ ทำเอาผู้ชมหลายคนถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขบขันในทันที

จะตีกันอย่างไรเล่า?

ในขณะเดียวกัน นอกจากหยางซงแล้ว ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าหวงพานจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าได้

แม้แต่หยางซงเอง ยังอดมิได้ที่จะส่ายหัวไปมา

แท้จริงแล้วสำหรับหลงซื่อกับหลงอู่ที่จะสามารถเอาชนะจวี่หยวนได้หรือไม่นั้น หยางซงหาได้มีความมั่นใจถึงขั้นนั้นไม่ ก่อนหน้านั้นที่เขาหว่านล้อมจี้ซิงไปว่าสามารถเอาชนะได้ถึงแปดส่วนนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น

หยางซงถือว่าเป็นคนที่รอฉวยโอกาสโดยแท้จริง หากจี้ซิงสามารถคว้าชัยชนะมาได้นั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ทว่าหากเขาพ่ายแพ้เล่าจี้ซิงย่อมใช้วิธีอะไรบางอย่างที่จะต้องเอาคืนช่ายเสี่ยวซานแน่นอน

นั่นคือผลลัพธ์ที่หยางซงต้องการจริงๆ ต่างหาก

อาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าหลงซื่อหรือหลงอู่จะชนะหรือแพ้ ตราบใดที่ผลสุดท้ายเป็นไปตามที่หยางซงคาดหวังเอาไว้ ท้ายที่สุดเขาจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้

ไม่ว่าจี้ซิงจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ตราบใดที่ช่ายเสี่ยวซานถูกกำจัดไปนั้น จากนี้ ไปทั่วทั้งเมืองเฮยหลงก็จะไม่มีใครกล้ามาแข่งขันกับเขา หยางซงผู้นี้ได้อีก

“จวี่หยวน! จวี่หยวน!”

บนเวทีมวยนั้น เสียงแฟนคลับของจวี่หยวนนั้น พลันร้องตะโกนเชียร์ออกมาอย่างอึกทึกอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง จวี่หยวนพลันร้องคำรามกึกก้องออกมาพร้อมทั้งรัวกำปั้นขนาดใหญ่ของมันจนทำให้เกิดลมกระโชกแรง พลางพุ่งเข้าหาหวงพานในทันที

เนื่องจากความสูงที่ได้เปรียบของจวี่หยวนแล้วแรงหมัดจึงส่งจากด้านบนลงมาด้านล่างด้วยความรวดเร็ว

“หลงซื่อรีบหลบเร็ว!”

“อย่าไปเผชิญหน้ากับมัน!” หยางซงพลันยืนขึ้นและร้องตะโกนออกมาอย่างร้อนรน

แม้ว่าหยางซงจะไม่ร้องตะโกนออกมา หวงพานก็รู้ดีว่าตัวเองต้องหลบหมัดนี้

เขาขยับเท้าเพียงเล็กน้อย ทว่าว่องไวราวกับเสือดาว พร้อมกับมาหลบอยู่ด้านข้างของจวี่หยวนได้ในทันที

จากนั้นพลางยกหมัดที่เต็มไปด้วยพลังของตัวเองขึ้นมาชก

ผลัวะ!

จวี่หยวนโดนหมัดนั้นเข้าให้อย่างจัง!

“ต่อยได้ดี!” หยางซงพลันตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากออกหมัดต่อยเข้าไปแล้วนั้นหวงพานพลันตัวแข็งทื่อไปในทันที นั่นเป็นเพราะหมัดของหวงพานไม่สามารถทำอะไรกับจวี่หยวนได้เลยแม้แต่น้อย

ร่างกายที่ใหญ่โตของจวี่หยวน เพียงแค่สะทกสะท้านไปเล็กน้อยเท่านั้น ทว่า เขาหาได้รับบาดเจ็บอันใดไม่

ถ้าเป็นเวทีต่อยมวยธรรมดาแล้วละก็ เพียงแค่หวงพานเหวี่ยงหมัดออกไปหนึ่งที เขายังสามารถได้คะแนนมาหนึ่งคะแนน ทว่าที่นี่เป็นสถานที่เช่นไรกันเล่า?

ตลาดมวยใต้ดินแบบนี้หาได้สนใจกติกาใดๆ ไม่หรือพูดให้ถูกก็คือใครล้มก่อนคนนั้นแพ้

ในระหว่างการแข่งขันนั้นใครจะมาสนใจกันล่ะว่าจะใช้วิธีใดในการล้มคู่ต่อสู้

ทั้งยังไม่มีการพูดถึงการเล่นนอกกฎอีกด้วย

แม้ว่า จะเป็นการฆ่าคนเพื่อให้เห็นเลือด ชักมีดออกมาเพื่อเอาชีวิตก็ตาม ย่อมทำได้หมด

ดังนั้นเพลงหมัดที่วิเศษของหวงพาน จึงไร้ประโยชน์ไปโดนสิ้นเชิง

จวี่หยวนที่กำลังโกรธเกรี้ยวนั้น พลันหันกลับมาเหวี่ยงกำปั้นใส่หวงพานในทันที

เมื่อการโจมตีของหวงพานไร้ประโยชน์ไปแล้วนั้น ภายในกรงแปดเหลี่ยมที่มีพื้นที่จำกัดแบบนี้เมื่อถูกอีกฝ่ายไล่ล่าหวงพานย่อมเปรียบเสมือนหนูตัวน้อยที่ถูกไล่ตาม

ด้านนอกสนามนั้น ผู้คนที่เห็นฉากนี้ต่างพากันคลั่งไคล้ในทันที

“จวี่หยวน ตีมันแรง ๆ ให้ฉันสักทีเร็ว!”

“ฆ่ามัน!”

ช่ายเสี่ยวซานพลางหยิบโทรโข่งขึ้นมา พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังลั่น

ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ความตื่นตระหนกพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหวงพานในทันที พร้อมกับจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดิมทีเขาสามารถหลบได้อย่างหวุดหวิด ทว่า จู่ ๆ ข้อเท้าก็เกิดแพลงอย่างกะทันหัน พร้อมกับตัวของหวงพานที่ล้มลงไปในทันที

“ตาย!”

เมื่อเห็นเหยื่อล้มลงกับพื้นนั้น จวี่หยวนเสมือนกับถูกฉีดยากระตุ้นเข้าไปก็ไม่ปาน พร้อมกับเหวี่ยงหมัดชกไปที่ใบหหน้าของหวงพานด้วยกำปั้นขนาดใหญ่ในทันที

ผู้ชายคนนี้เกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ ย่อมทำให้หวงพานตกเลือดยางออกได้แน่

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนั้น หวงพานจึงได้แต่จำใจลุกขึ้นสู้

เขาชกหมัดออกไปรัว

เพียงเสียงผลัวะดังขึ้นมานั้น หมัดทั้งสองพลันเหวี่ยงมาชนกันในทันที หมัดของจวี่หยวนไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ทว่าเมื่อหันมามองหวงพานแล้วนั้น แขนของหวงพานพลันมีเลือดออกพร้อมกับกล้ามเนื้อที่ฉีกออกจากกันในทันที

นับว่าโชคดีที่เขาตื่นตัวอยู่เสมอ จึงได้ใช้โอกาสนี้พลิกตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง พร้อมกับโจมตีจวี่หยวนกลับไปอีกหนึ่งครั้ง

ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก ไม่มีโอกาสชนะได้แน่

หลังจากไล่ล่ากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง หยางพานพลันกระโดดออกจากกรงแปดเหลี่ยม พร้อมกับก้มหน้ายอมแพ้ด้วยความอับอายและยอมจำนนในทันที

ยอมแพ้แล้วหรือ?

ใบหน้าของหยางซงพลันเต็มไปด้วยความงุนงงในทันที

ชนะแล้วหรือ?

กลับกัน ใบหน้าของช่ายเสี่ยวซานพลันเต็มไปด้วยความปลื้มปีติในทันที

แค่ตาเดียว ก็ได้มาห้าสิบล้านแล้ว!

ในยามนี้ ช่ายเสี่ยวซานรู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของจี้ซิงที่ลงพนันไปแค่ร้อยล้านเท่านั้น!

“เหลืออีกเกมเดียวแล้ว แกยังอยากสู้อีกหรือเปล่า?”

“ถ้าหากแกแพ้อีก เงินร้อยล้านนี้จะเป็นของฉันแล้วนะ”

ช่ายเสี่ยวซานพลันพูดกับจี้ซิงด้วยท่าทียั่วโมโห

ใบหน้าของจี้ซิงพลันมืดครึ้ม พร้อมกับเต็มไปด้วยความโมโหมากมาย

“นายน้อยครับผมจะออกไปสู้กับเขาเอง!”

หลงอู่หรือก็คือที่รู้จักกันในนามของจี้ตู พลันร้องคำรามและรีบวิ่งไปที่กรงแปดเหลี่ยมในทันที

“พี่อู่ สู้ๆ!”

หยางซงพลันร้องตะโกนขึ้นมา เขาหวังว่าหลงอู่จะสามารถพลิกปาฏิหาริย์ขึ้นมาเอาชนะได้ ทว่า หากว่าจี้ซิงแพ้แล้วก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน เพราะเขาเองก็มีอีกแผนการรองรับเอาไว้ หากแต่นั่นจะเป็นทางเลือกตัวสุดท้ายเท่านั้น

ต่อหน้าผู้คนมากมาย หยางซงยังคงหวังว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังสถานการณ์บนเวทีแล้วนั้นดวงตาของหยางซงยังอดที่จะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังไม่ได้

สถานการณ์ของจี้ตูนั้น เหมือนกับหวงพานทุกประการ ยามที่จี้ตูเข้าเผชิญหน้ากับจวี่หยวนตัวต่อตัวแล้ว เขาก็ทำได้แต่หลบไปมาเท่านั้น

สถานการณ์ในตอนนี้ ถึงคราวจนมุมของแท้แล้ว

พวกเขาทำได้แต่ยิ้เวลาออกไปเท่านั้น

ไม่ต่างจากที่คาดการณ์เอาไว้เท่าใดนัก เมื่อยื้อเวลาไปได้ไม่กี่นาที จี้ตูก็ถูกจวี่หยวนต่อยออกมานอกกรงแปดเหลี่ยมในทันที

พร้อมกับบนเวทีที่มีเสียงตะโกนเชียร์ออกมาดังลั่น

จวี่หยวนพลางชูกำปั้นขึ้นฟ้า พร้อมกับกรีดร้องออกมา จากนั้นก็ยกมือตบไปที่หน้าอกทั้งสองข้าง ราวกับคิงคองที่ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

พร้อมกับบรรยากาศของผู้ชมในสนามที่ร้องโห่ออกมาด้วยความสนุกสนามมากมาย