ตอนนี้ถึงเวลาทำตามแผนแล้ว

 

อลัวส์กำลังยืนอยู่หน้าอัศวินและทหารของเขา

 

อัศวินนั้นมีขวัญกำลังในระดับนึงแต่ขวัญกำลังใจของพวกทหารมีน้อยอย่างเห็นได้ชัด

 

เอาเถอะ, มันก็แน่แหล่ะนะ จากมุมมองของพวกเขา, ต่อให้แม่ของเจ้านายพวกเขาจะถูกจับเป็นตัวประกัน, พวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในเมื่อจู่ๆพวกเขาก็ถูกควบรวมเข้าสมาพันธ์อย่างกระทันหัน นอกจากนี้สำนึกในฐานะประชาชนของจักรวรรดิที่อยู่ในตัวพวกเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย

 

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถทำตัวให้กระตือรือร้นอย่างเต็มที่ในศึกนี้ได้

 

และคนๆเดียวที่สามารถส่งพวกเขาเข้าสู่การต่อสู้ได้,

 

ก็มีแค่อลัวส์เท่านั้น

 

“ขอโทษที่จู่ๆก็เรียกรวมพวกเจ้ามาแบบนี้ แต่มีเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องบอกตามตรง…..คนที่ออกคำสั่งลอบสังหารแม่ทัพจักรวรรดิก็คือลุงของข้าเอง ข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแต่ข้าคิดว่ากองทัพคงไม่ยอมเชื่อเรื่องนั้นหรอก”

 

“ไม่จริงหน่ะ…..นี่พวกเราต้องสู้กับพวกเขาตรงๆหรอ!?”

 

“ท่านบอกว่าพวกเราแค่ต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลงไม่ใช่หรอครับ!”

 

“ฝั่งนั้นมีเป็นหมื่นเลยนะครับ! พวกเราคงไม่มีโอกาสชนะหรอก!”

 

ทหารส่งเสียงบ่นและแสดงความกังวลของพวกเขาออกมา

 

ด้วยการยอมรับทั้งหมดนั้นด้วยความมุ่งมั่น, อลัวส์ก็ได้พยักหน้าให้พวกเขาอย่างจริงจัง

 

“ข้าตัดสินใจที่จะต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อสหพันธ์หรือจักรวรรดิ ข้าจะต่อสู้เพื่อความรับผิดชอบที่ข้าได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บ้านซิมเมลเป็นเจ้าของดินแดนนี้ ข้ามีหน้าที่ต้องปกป้องผู้คนของเรา ต่อให้พวกเรายอมแพ้, กองทัพก็จะช่วงชิงหลายๆอย่างจากพวกเราเพื่อพิชิตทางใต้ ในฐานะเมืองที่เป็นกบฎกับจักรวรรดิ, ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าพวกเรายอมแพ้, ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะถูกลงโทษอยู่ดี  นี่จะนำไปสู่ความทรุดโทรมของดินแดนเราอย่างแน่นอนและนั่นคืออนาคตเดียวที่พวกเราต้องหลีกเลี่ยง”

 

ถ้าเขาซื่อสัตย์อย่างเต็มที่, เขาก็คงจะบอกว่าเขาอยากต่อสู้เพื่อแม่ของเขา

 

สำหรับเด็กชายอายุสิบสองที่สูญเสียพ่อไป, แม่จะสำคัญกับเขาขนาดไหนหล่ะ?

 

แต่ว่า, อลัวส์ก็ยังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างเยือกเย็น ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ปกครองของคนเหล่านี้

 

“ฝ่าบาทได้ส่งคณะผู้ส่งสารไปหาดยุคครูเกอร์ ในตอนที่คณะนั้นไปถึงและการเจรจาเริ่มต้นขึ้น, สงครามก็อาจจะไม่เกิดขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของมัน แต่ว่า, ถ้าพวกเราปล่อยให้กองทัพจักรวรรดิผ่านที่นี่ไปได้, การเจรจาก็จะไร้ความหมาย แค่ไม่กี่วันเท่านั้น! พวกเราแค่ต้องยื้อเอาไว้ไม่กี่วันและสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป! ถ้าการเจรจาล้มเหลว, สหพันธ์ก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากส่งกำลังเสริมมาให้พวกเรา ในอีกด้านนึง, ฝ่าบาทเองก็ไม่อยากให้เกิดสงครามกลางเมืองขนาดใหญ่ด้วย เขาจะต้องเข้าหาเมืองที่ต่อต้านอย่างรุนแรง ถ้าพวกเรายอมแพ้ในตอนนั้น, ความเสียหายที่เกิดกับดินแดนของเราก็จะลดลง เพราะฉะนั้น…..ตอนนี้, ข้าจะสู้”

 

ในตอนที่พูด, อลัวส์ก็ชักดาบที่เขาได้รับสืบทอดมาจากพ่อออก

 

จากนั้นเขาก็ประกาศกับอัศวินและทหารของเขาต่อ

 

“ข้าจะไม่ลงโทษใครก็ตามที่อยากหนี ถ้าเจ้าไม่อยากตายด้วยกันกับข้าก็เชิญไปได้เลย ข้าขอโทษด้วยที่ตัวข้าเป็นแค่ผู้ปกครองที่ไร้ค่า…….”

 

หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น, คนของเขาก็เงียบไปพักนึง

 

ในความเงียบนี้, มีทหารคนนึงส่งเสียงตะโกนออกมา

 

“ไม่ต้องมาคิดแต่งเหตุผลที่ดูสวยหรูแบบนั้นหรอกครับ ถ้าท่านอยากให้พวกเราช่วยเหลือแม่ของท่านก็แค่พูดออกมาก็พอ”

 

เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหยาบคาย

 

อายุของเขาประมาณสี่สิบปี

 

ในบรรดาทหารไร้ประสบการณ์, เขาเป็นคนเดียวที่ยังรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้อย่างดี

 

เขาน่าจะเป็นอดีตนักผจญภัยที่เกษียณมา

 

และบางทีเขาก็คงจะโดดเด่นมาตั้งแต่แรกแล้ว, เพราะสายตารอบๆได้มารวมกันที่เขาตามธรรมชาติ

 

“คุณยอร์ดัน……”

 

“พูดกับข้ามาตรงๆเถอะนายท่าน ท่านต้องการอะไรกันแน่?”

 

“…..ข้าอยากปกป้องแม่ของข้า….แล้วข้าก็, ข้าอยากปกป้องเมืองนี้ด้วย……”

 

“บรรพบุรุษของท่านคอยดูแลพวกเราทุกคนมาโดยตลอด….แน่นอนว่า, พวกเราอยากตอบแทนเขาด้วยการช่วยเหลือลูกของเขา! ให้ตายสิ, มีเด็กน้อยคนนึงมาพูดกับข้าแบบนี้แล้วจะให้ข้าทนเฉยได้ยังไง! ข้าจะขับไล่พวกทหารจักรวรรดิออกไปจากที่นี่เพื่อท่านเอง!”

 

จากคำพูดของชายที่ชื่อว่ายอร์ดัน, พลังก็ลุกโชนกลับมาในดวงตาของพวกทหาร

 

ความรู้สึกที่อยากจะหนีของพวกเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นกำลังใจที่จะต่อสู้

 

ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นทหารแล้ว

 

“ใช่แล้ว! พวกเราจะสู้!”

 

“ไว้ใจข้าได้เลย!”

 

ความเชื่อใจที่พวกเขามีให้เอิร์ลซิมเมลทำให้พวกเขากลายเป็นทหาร

 

ขวัญกำลังใจของพวกทหารพรุ่งพรวดในคราเดียวจนทำให้พวกอัศวินพากันตกตะลึง

 

จากนั้นอลัวส์ก็มองฉันด้วยสายตาเริงร่า

 

เอาหล่ะ, เพียงเท่านี้, พวกเราก็ต่อสู้ได้แล้ว

 

“ตอนนี้, ข้าจะเริ่มอธิบายแผนของเราแล้ว!”

 

ด้วยการตามกระแส, โฟ้กท์ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

 

พอได้ยินเสียงของเขา, ขวัญกำลังใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

 

….

 

“โอ้วววว!!!!!”

 

เสียงกู่ร้องเปิดสงครามดังมาจากอีกฝั่งของประตู

 

ที่มาของเสียงนี้ก็คือการโจมตีแรกของจักรวรรดิที่มารวมกันที่ประตูหลัก

 

ดูเหมือนว่าทัพหน้าของพวกเขาจะไม่ได้พกอาวุธปิดล้อมมาเลย พวกเขาน่าจะทำแบบนี้โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการจะสร้างภาพว่าพวกเขาเปิดศึกต่อสู้นี้ด้วยความบังเอิญ

 

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาจะใช้กลยุทธ์ต่อสู้แบบคลาสสิกซึ่งธนูกับลูกศรจะถูกนำมาใช้เพื่อยิงกดพวกเราในขณะที่มีทหารใช้ค้อนเพื่อทำลายประตูและใช้บันไดลิงพาดมาที่กำแพงเมือง

 

กองกำลังส่วนใหญ่ของพวกเขาจะรวมตัวกันอยู่ที่ประตูหลัก ในการต่อสู้ปกติ, ฝั่งรับนั้นจะมีข้อได้เปรียบในการต่อสู้เช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีมือดีมากแค่ไหน, กองทัพก็ไม่มีทหารที่แค่ตัวคนเดียวสามารถลุยเดี่ยวกับพันคนได้และอาวุธรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปที่กองทัพชายแดนหมดเพราะพวกเขามีความสำคัญมากกว่า

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีอาวุธแปลกใหม่ที่สามารถใช้เพื่อเอาชนะความได้เปรียบในการตั้งรับของพวกเราได้

 

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาต้องพึ่งเรื่องจำนวน

 

“นี่คุณนักกลยุทธ์, พวกเราจะชนะได้จริงๆหรอ?”

 

ยอร์ดัน, หนึ่งในทหารร้อยคนที่ถูกคัดสรรมาให้ฉันพูดขึ้นในขณะที่เขามองไปทางประตูตะวันออก

 

ป้อมที่อยู่เหนือประตูตะวันออกนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะ

 

เส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่ประตูนั้นไม่ต่างอะไรจากทางลาดเล็กๆเส้นเดียว

 

แต่เดิมแล้วมันคือประตูที่โจมตีได้ยุ่งยากที่สุด

 

ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาจะเล็งมาที่ประตูนี้

 

“ถ้าพวกเราคิดผิดก็แค่แก้ด้วยการที่พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังประตูอื่น แต่ก็นะ, พวกเราไม่น่าจะคิดผิดหรอก”

 

“เจ้าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?”

 

“มันเป็นการฝึกพื้นฐานของกองทัพจักรวรรดิ โจมตีประตูหลักในขณะที่ส่งอีกหน่วยออกไปโจมตีประตูอื่น พวกเขาจะทำการโจมตีทีเผลอดังนั้นพวกเขาจะโจมตีประตูที่ยากที่สุด, เพราะคาดว่าจากผลกระทบทางด้านจิตใจพวกเราจะนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะโจมตีประตูแบบนั้น นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาก”

 

ในตอนที่ฉันพูดออกมาเช่นนั้น, ศัตรูก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูตะวันออก

 

จำนวนของพวกเขามีประมาณพันคน พวกเขากำลังตรงมาที่ประตูโดยมีทหารม้าส่วนนึงเป็นแนวหน้าและมีทหารเดินเท้าคอยตามหลังพวกเขา

 

“มาถึงแล้วสินะ ยิงธนูใส่พวกนั้นซะ”

 

“พวกนั้นมาจริงๆด้วย…..น่าเหลือเชื่อจริงๆ…..”

 

ด้วยการทำตามคำแนะนำของฉัน, คนกลุ่มนึงบนกำแพงก็ยิงธนูของพวกเขา

 

เหตุผลที่มีคนอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่คนก็เพราะว่ามีทหารแค่กลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่สามารถยิงธนูได้อย่างแม่นยำ และแน่นอนว่า, ศัตรูคงไม่ถูกหยุดด้วยการกระทำเพียงเท่านี้

 

อีกฝ่ายก็ไม่คิดว่าพวกเราจะปล่อยให้ประตูไม่มีคนคุ้มกันอย่างที่คาดเอาไว้

 

การคาดการณ์ของพวกเขาน่าจะชัดเจนขึ้นด้วยลูกศรที่พวกเรายิงไปใส่พวกเขา

 

พอถูกศรดอกแรก, ทหารม้าที่นำพวกเขาก็ล้มลงด้วยเสียงดังสนั่นไปโดนอีกหลายคนที่วิ่งตามมาข้างหลังเขา

 

อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่ได้หยุด

 

“ลุยเข้าไปต่อ!!”

 

คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกเขาตะโกนลั่นในขณะที่ชักนำพวกเขาบนหลังม้า

 

นักธนูบนกำแพงเริ่มหวาดกลัวแต่ฉันก็บอกให้พวกเขาใจเย็นลงด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

 

“ไม่ต้องห่วง ยิงต่อไปก็พอ”

 

“ค, ครับ!”

 

“เตรียมการด้านล่างได้เลย”

 

“อา”

 

พอได้ฟังคำแนะนำของฉัน, ยอร์ดันกับคนอื่นๆก็เริ่มไปเฝ้าที่ประตู

 

หลังจากนั้นไม่นาน, พวกทหารที่นำหน้าก็มาถึงประตูแล้วเริ่มโจมตีมันด้วยค้อนของพวกเขา

 

นอกจากนี้พวกเขายังพยายามพาดบันไดขึ้นมาด้วยแต่ก็ถูกนักธนูหยุดเอาไว้ด้วยการผลักตกหรือยิงทหารที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม, สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้คงนำมาใช้กับประตูที่ค่อยๆถูกค้อนทุบจนแตกออกไม่ได้

 

“ดันเข้าไป! เร็วเข้าทำลายประตูนั่นซะ!”

 

“เหวอ!! ประตูรับไม่ไหวแล้ว!”

 

เสาไม้ที่ติดตั้งเอาไว้เพื่อค้ำประตูเริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด

 

พวกทหารยังพอต้านที่ประตูเอาไว้ได้อยู่แต่ฝ่ายโจมตีนั้นแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

อย่างไรก็ตาม, ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดการณ์ของฉัน

 

พอเห็นว่าได้จังหวะ, ฉันก็ส่งสัญญาณให้ยอร์ดัน

 

ในตอนที่เขาเห็นสัญญาณ, ยอร์ดันก็ทำการอพยพพวกทหารออกจากประตู

 

“ประตูรับไม่ไหวแล้ว! ถอย!!!”

 

“อ้ากกก!!”

 

“หนีเร็ว!!”

 

การหนีของพวกเขานั้นไม่ใช่การแสดง

 

มีแค่ไม่กี่คนที่รู้รายละเอียดของแผนนี้ดังนั้นเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของพวกเขาจึงสมจริง

 

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ศัตรูหลงเชื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

เชื่อว่าการโจมตีของพวกเขาสำเร็จแล้ว

 

“เอาหล่ะ! ทำลายมันซะ!”

 

ในที่สุดค้อนของพวกเขาก็ทลายประตูได้

 

ในตอนนั้นเอง, ยอร์ดันกับคนอื่นๆที่ถอยกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็เขวี้ยงหอกใส่

 

พวกทหารที่พยายามจะฝ่าเข้ามาจู่ๆก็ถูกเสียบแต่ศัตรูไม่ได้กลัวเลย

 

“เห้ย! ไอ้พวกโอหัง! อย่าไปกลัว! บุกเข้าไปเลย!!”

 

 

ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการที่กระตุ้นพวกเขา, หน่วยขนาบข้างก็ฝ่าเข้าประตูตะวันออกพร้อมกันแล้วแห่เข้าไปข้างใน

 

อย่างไรก็ตาม, พวกเขาบุ่มบ่ามเกินไป

 

น้ำมันปริมาณมหาศาลได้ถูกเทกระจัดกระจายอยู่ในประตูและทหารที่รีบเข้ามาก็พากันลื่นล้ม

 

“เหวอ, อะไรกันเนี่ย!?”

 

“เหวอ!!”

 

“น้ำมันหรอ!? มันคือน้ำมันครับท่าน!!”

 

ฉากความวุ่นวายได้เกิดขึ้นข้างในประตูในทันที

 

โชคไม่ดีสำหรับพวกเขา, พวกทหารที่วิ่งเข้ามาข้างหลังพวกเขาถูกแรงผลักอย่างรุนแรงจนถลำเข้ามาในกับดักน้ำมันมากขึ้นไปอีก

 

ในขณะนั้นเอง, ยอร์ดันก็เตรียมคบเพลิงแล้วเดินมาหาฉัน

 

“นี่! คุณนักวางกลยุทธ์! จะให้ลุยเลยไหม!?”

 

“อา, จัดเลย”

 

“รู้ใช้ไหมว่าลมกำลังพัดไปทางตะวันออก!? ไฟมันจะไม่กระจายเข้าไปในเมืองหรอ!?”

 

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น วันนี้, ในตอนนี้……ลมจะพัดไปทางตะวันออก”

 

“เจ้าแน่ใจนะ!? ก็ได้ข้าไม่สนอะไรแล้ว!!”

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ยอร์ดันก็โยนคบเพลิงใส่ทหารที่ตัวโชกไปด้วยน้ำมัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

จู่ๆลมก็เปลี่ยนไปทางตะวันออกอย่างกระทันหัน และในตอนที่ไฟสัมผัสกับน้ำมัน, ระเบิดก็ปะทุขึ้น

 

ระเบิดเพลิงขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นและลมกรรโชกก็พัดไปทางตะวันออกทำให้เมืองไม่ได้รับผลกระทบ

 

กลับกัน, ไฟได้ปกคลุกคลุมทหารฝั่งจักรวรรดิที่เหลืออยู่ซึ่งเรียงแถวกันตามทางลาดเป็นแถวตอน

 

มันเหมือนกับมีมังกรพึ่งพ่นลมหายใจเพลิงจากประตูตะวันออก

 

ไฟแผดเผาหน่วยขนาบและพวกที่สามารถรอดไปได้อย่างหวุดหวิดก็คือพวกที่อยู่ข้างหลัง

 

ตอนนี้, ผู้รอดชีวิตกำลังง่วนอยู่กับการช่วยเหลือคนที่โดนไฟเผา

 

พวกเขาไม่มีลู่ทางโจมตีพวกเราอีกแล้ว

 

“ถึงผู้รอดชีวิตทุกคน! ข้า, เกราว์, นักกลยุทธ์พเนจรได้มาอยู่ที่นี่เพื่อเมืองเกลเลสแห่งนี้! ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเจ้าคนไหนเหยียบเข้ามาในเมืองนี้! จงไปบอกผู้บัญชาการของพวกเจ้าซะ!”

 

หลังจากที่ฉันพูดไปแบบนั้นฉันก็หัวเราะในขณะที่มองดูพวกทหารหนีไป

 

ในขณะนั้น, ยอร์ดันก็เข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

“เจ้า….เป็นนักเวทย์หรอ?”

 

“ไม่หรอก, นี่มันการคำนวนล้วนๆ”

 

“จริงดิ……”

 

ในตอนนั้น, ฉันก็แลบลิ้นออกมาภายใต้ฮู้ดคลุม

 

แน่นอน, นั่นคือเวทมนตร์

 

ทิศทางลมคงไม่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติในเวลาที่ประจวบเหมาะแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม, นักกลยุทธ์ที่ใช้แผลการอันแยบยลนั้นน่ากลัวยิ่งกว่านักกลยุทธ์ที่ใช้เวทมนตร์ซะอีก

 

มันไม่มีปัญหาตราบใดที่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันใช้เวทมนตร์และเรื่องส่วนใหญ่ก็คงจะผ่านไปได้ถ้าฉันบอกพวกเขาว่าทั้งหมดนี้คือแผนการของฉัน ในการที่จะหลอกศัตรู, ขั้นแรก, มันจำเป็นต้องหลอกพันธมิตรก่อน

 

ในท้ายที่สุดแล้ว, ข่าวลือก็จะแพร่กระจายออกไปแล้วพวกเขาก็จะกลัวฉัน

 

ด้วยสิ่งนี้, กองทัพจักรวรรดิก็จะคิดมาตรการตอบโต้ฉัน ซึ่งนี่จะช่วยซื้อเวลาให้พวกเราและทำให้พวกเขาสูญเสียความเยือกเย็น

 

ถึงยังไง, พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก

 

“เอาหล่ะ, หลังจากนี้ก็ช่วยทำตามแผนต่อไปนะ”

 

“อา, เข้าใจแล้ว ไว้ใจข้าได้เลย”

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ยอร์ดันก็เรียกรวมลูกน้องของเขา

 

การเคลื่อนไหวขั้นต่อไปของพวกเราได้รับการตัดสินใจแล้ว

 

ถึงยังไงพวกเราเองก็มีเรื่องที่ต้องเตรียมการล่วงหน้าด้วย

 

“ตอนนี้, ข้าอยากรู้แล้วสิว่าพวกนั้นจะคิดแผนแบบไหนต่อ?”

 

ในขณะที่พูดเช่นนั้น, ฉันก็มองไปยังเมืองหลวงจักรวรรดิ