อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1760 vs 1761
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1760

ประกาศลาออกจากวงการ

ความผิดพลาดโดยบังเอิญจะนำมาซึ่งเสียงด่า

เช่นเดียวกัน ยังมีคนมากมายสนับสนุนเป็นแนวหลังให้เธอ

นานวันเข้าลั่วลั่วก็เริ่มกลัว กลัวว่าเธอจะกดแป้นพิมพ์ไม่เร็ว เล่นเกมได้ไม่เต็มที่ สิ่งเหล่านี้เหมือนจะซ่อนอยู่ภายใต้การฝึกซ้อมในแต่ละวัน

มีเพียงคุณฝีมือถึงจริงๆ จึงจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อทุกอย่างถาโถมเข้ามาพร้อมกัน

มักเป็นเช่นนี้ แต่ละวันผ่านไป แต่ละปีผ่านพ้น

มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่อาจแก้ไข นั่นก็คือฟอร์มการเล่น

เมื่อเธอได้เห็นเซวียเหยาเย่าก็วางใจได้

เพราะเชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องมีคนมาแทนที่เธอได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เธอเห็นแล้วรู้สึกชอบทันที ราวกับได้เห็นเงาของตัวเอง

ได้เวลาตัดสินใจแล้ว

ไม่ว่าจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ลั่วลั่วก็หยุดพิมพ์ก่อนจะปรับกล้องให้จับจ้องหน้าเธอชัดๆ แล้วปรับไมโครโฟนสีดำที่สวมครอบศีรษะ “ต่อจากนี้ไป ฉันจะพูดเรื่องหนึ่งนะคะ”

“ฉันเริ่มเล่นเกมตอนอายุ 16 มาถึงเวลานี้ก็ผ่านไปแล้ว 6 ปี”

“6 ปีแล้วที่ฉันได้รู้จักหลายๆ คน พวกเขาน่ารักมาก ตอนที่ยังไม่มีใครรู้จักฉัน พวกเขาก็บอกฉันว่าสู้ ๆนะ เธอต้องทำได้แน่ พอฉันเล่นรอบชิงชนะเลิศด้วยการเป็นนักเวทอันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ พวกเขาก็จะบอกว่า ดูสิ นี่และผู้เล่นที่พวกเขาชอบ และเวลาที่ฉันตกที่นั่งลำบาก พวกเขาก็บอกว่าจะไม่มีวันไปไหน”

“ดังนั้นฉันคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่ควรบอกต่อหน้าพวกเขา ถึงจะดีที่สุด”

“ฉันตัดสินใจจะออกจากวงการค่ะ”

เมื่อประโยคดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป คนที่เฝ้าอยู่หน้าจอถึงกับชะงักงัน เหล่าแฟนคลับที่จำภาพตัวละครออกไอเทมอยู่ยิ่งทำหน้าช็อก คอมเมนต์บนหน้าจอทะลักทลายเข้ามา

“ออกจากวงการ?”

“ทำไมอะ?”

“ต้องล้อเล่นแน่เลย?”

“นางฟ้า บอกเราหน่อยสิว่าเธอล้อเล่น”

“พูดเป็นเล่น ต้องสร้างกระแสให้ตัวเองแน่เลย”

“หรือไปเล่นต่อให้ทีมอื่น พวกแฟนคลับก็ยังเชื่ออีก หมดคำพูดจริงๆ”

“คอมเมนต์บนอย่าพูดก่อนได้ไหม? แอดมิน แอดมินล่ะ?”

แอดมินก็เป็นแฟนคลับด้วยกันนี่เอง แถมเป็นแฟนคลับตัวยงด้วย

เธอพอจะรู้เรื่องนี้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เทพลั่วเคยเกริ่นกับพวกเธอไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

ทุกคนที่เคยชอบเกมเมอร์ ล้วนแต่ไม่อยากให้เกมเมอร์เหล่านั้นออกจากวงการ ไม่ว่าจะชอบใครก็ล้วนเหมือนกัน

ในฐานะที่เป็นนักเวทระดับเซิร์ฟประเทศ ข่าวที่ลั่วลั่วจะออกจากวงการจึงเหมือนระเบิดลง

มีคนรีบติดต่อผู้จัดการทีมเซียงหนานทันที ทางด้านผู้จัดการก็ตอบเพียงว่า “เคารพในการตัดสินใจของผู้เล่น” ส่งผลให้หัวข้อ ‘ลั่วลั่วทีมเซียงหนานประกาศลาออกจากวงการกะทันหัน’ ปรากฏอยู่ทั่วทุกที่

หลินเฟิงไม่คิดว่าพอดูหนังจบ ยังไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรกับอวิ๋นหู่ผู้ซึ่งกลายเป็นแฟนไปแล้ว กลับต้องรีบโทรเช็กกับเซียวจิ่งในทันทีที่ทราบข่าวดังกล่าว

เล่นตลกอะไรกัน

ลั่วลั่วออกจากวงการ จะออกไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ?

ต่อให้จะออกก็ควรออกหลังจากการแข่งชิงแชมป์ประเทศ ไม่สิ ชิงแชมป์โลกต่างหาก

หลินเฟิงไม่ทันได้โทรออกไป ก็ถูกป๋อจิ่วรั้งข้อมือไว้ “ทำอะไร?”

“โทรไปเช็กน่ะสิ จะทำอะไรได้? เซียวจิ่งทำอะไรลงไป ตอนไปส่งลั่วลั่วต้องพูดอะไรแน่เลย ทำให้เขาลาออกทั้งอย่างนี้?”

……………………………………

ตอนที่ 1761

ต้องรีบตัดสินใจเรื่องนี้

“ไม่น่าจะเกี่ยวกับเซียวจิ่งหรอก” ป๋อจิ่วสไลด์หน้าจอมือถือ หลุบตาอ่าน ทำให้เห็นขนตาที่ยาวเฟื้อย เสี้ยวหน้าไร้ความเจ้าเล่ห์ตามปกติ ทว่าปลายคางกลับดูเย็นชาแวบหนึ่ง “น่ากลัวว่าลั่วลั่วอยากลาออกตั้งนานแล้ว คงอยากประกาศตั้งแต่ตอนแข่งชิงแชมป์ประเทศ แต่พอดีทีมเขาแพ้เลยคิดว่าไม่เหมาะที่จะลาออก เพราะคนที่แพ้ต้องแบกรับคำครหาหนักมาก ถึงไม่ได้ประกาศออกมาในตอนนั้น แต่รอจนถึงตอนนี้ เขาคงไม่อยากให้ทีมเซียงหนานแย่ขึ้นไปอีก คงกลัวว่าคนจะด่าว่าทีมเซียงหนานไม่ไหวแล้ว ถึงได้ประกาศวันนี้ซะเลย ไม่เร็วไม่ช้าเกินไปหรอก เวลากำลังเหมาะเลย”

หลินเฟิงได้ยินแล้วทึ้งผมตัวเอง ก่อนจะสงบลงมาอย่างเห็นได้ชัด

เพราะเขารู้ดีว่าพวกเขาทุกคนจะต้องออกจากวงการในที่สุด แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ย่อมหลีกหนีความโศกเศร้าไม่ได้

ป๋อจิ่วพาดแขนไว้บนบ่าอีกฝ่าย เปลี่ยนสีหน้า “คิดมากไปมันก็เปล่าประโยชน์ สู้ให้ลั่วลั่วลาออกแบบไม่เสียใจภายหลังดีกว่า”

หลินเฟิงไม่เข้าใจ “ทำยังไงล่ะถึงจะไม่เสียใจภายหลัง”

“เรามีเทพผู้ชายตั้งหลายคนในวงการ ก็หาแฟนให้เขาไง ยากนักเหรอ?” ป๋อจิ่วขยิบตาซ้าย ดูร้ายกาจเลยทีเดียว

หลินเฟิงกระปรี้กระเปร่าทันที รีบสไลด์มือถือติดต่อ

อวิ๋นหู่เห็นแล้วรีบยื่นมือออกมา “เอากุญแจรถให้ฉัน ฉันจะไปสตาร์ทรถรอ”

หลินเฟิงไม่สนใจว่าการกระทำดังกล่าวสนิทชิดเชื้อกันมากแค่ไหน โยนกุญแจให้

ทว่าป๋อจิ่วที่เห็นอยู่ด้านข้างกลับเอียงคอหัวเราะ แล้วจึงพยักเพยิด “ก่อนแนะนำแฟนให้ลั่วลั่ว จะให้ฉันบอกวิธีจัดการเทพอวิ๋นให้อยู่หมัดก่อนไหม?”

หลินเฟิงเบิกตากว้าง “ว้าว เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลย”

เดิมทีป๋อจิ่วคิดจะสอนเทคนิคให้สักหน่อย แต่พอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคิดล่วงหน้าไปเยอะแล้ว “บางเรื่อง เรารีบจองตำแหน่งแห่งหนไว้ก่อนจะยิ่งดีไม่ใช่เหรอ?” ป๋อจิ่วยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์ตามที่ชายหนุ่มพูด เพิ่มความร้ายกาจให้เจ้าตัวหลายเท่า

หลินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “นายว่าอวิ๋นหู่จะคิดว่าฉันบีบบังคับเขาหรือเปล่า”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วเกือบหลุดขำ “คนที่ชอบ จะหาว่าบีบบังคับได้ไง?” เทพอวิ๋นฝันหวานมานานแล้วล่ะสิไม่ว่า

หลินเฟิงหายใจเข้าลึก ทำเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ “ฉันรู้แล้ว”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย นายรู้แล้วเหรอ?”

“แค่เตรียมของให้พร้อมก็โอเค” หลินเฟิงหัวเราะ ดูมั่นใจเหลือแสน “อวิ๋นหู่สู้ฉันไม่ได้หรอก”

ป๋อจิ่วยิ้มบางๆ “งั้นขอให้นายชนะตั้งแต่เปิดศึกนะ”

“รอข่าวดีจากฉันก็แล้วกัน” หลินเฟิงยังอยากจะกำหมัดชนกับป๋อจิ่วอีก แต่มีคนมาขวางไว้ เป็นฉินมั่วนั่นเอง

เขากวาดตามองหลินเฟิงทั่วตัว “ไม่อยากมีมือแล้วเหรอ?” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉยเหมือนพูดเรื่องธรรมดา

หลินเฟิงรีบเหยียดตัวยืนขึ้น ก่อนจะเขยิบออกห่างจากป๋อจิ่วประมาณหนึ่งเมตร เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าแบล็ก บอกกี่ครั้งแล้วว่าผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกัน เอ่อ หัวหน้า ฉันไปดูก่อนนะว่าอวิ๋นหู่อุ่นรถเป็นยังไงบ้าง แล้วเจอกันที่คลับของบริษัทวันมะรืนนี้”

หนีเร็วกว่าใครเพื่อนจริงๆ

ตอนนี้เอง ฉินมั่วกลับหันไปถามคนบางคนว่า “ลงทุนเยอะขนาดนี้ อวิ๋นหู่ฝากฝังไว้เหรอ?”