เฮือก!
เกาช้าวฮุ่ยหันขวับคอแทบบิดเขาไม่คิดเลยว่าประโยคแรกที่ชูฮันจะพูดออกมาหลังจากที่เขาทำให้ชูฮันไม่พอใจจะเป็นคำพูดนี้
คุกเข่า?
มันเป็นเรื่องจริงที่เกาช้าวฮุ่ยหนีเอาตัวรอดมาแล้วให้ชูฮันต้องรับมือกับลูกผสมเองทั้งๆที่บาดเจ็บแต่ถึงอย่างไรแล้วตัวเขาเองเป็นน้องเล็กที่สุดในตระกูลเกา เขาไม่เคยต้องลำบาก ไม่เคยต้องถูกกดดัน และตอนนี้หลังจากผ่านการทางเดินร่วมกันมา มันก็ยิ่งชัดเจนว่าความคิดของเกาช้าวฮุ่ยกับชูฮันนั้นไม่สอดคล้องกันเลย
ในขณะเดียวกันเกาช้าวฮุ่ยก็มองไปที่ชูฮันด้วยความหวั่นๆ นี้ชูฮันรู้ตัวมั้ยว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกมา?
ตระกูลลึกลับที่มีพลังยิ่งใหญ่ล้นจักรวาล!
ตอนนี้เกาช้าวฮุ่ยได้แต่งุนงงอย่างทำตัวไม่ถูกขณะที่ชูฮันก็ยังยืนนิ่งหันหลังให้เกาช้าวฮุ่ย “เร็วเข้า ฉันจะได้ไปพัก ฉันยุ่งมากไม่มีเวลาว่าง”
นี่คิดจะเอาจริงงั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่เกาช้าวฮุ่ยที่อยากจะตบหน้าเรียกสติชูฮันแต่แม้แต่หวังไคเองก็งุนงงไม่ต่าง มันเป็นครั้งแรกที่หวังไคเห็นชูฮันบังคับให้ใครทำอะไรแบบนี้
”ทำไมต้องฉัน?ฉันทำไม?” เกาช้าวฮุ่ยตัดสินใจไม่ทำตาม และพยายามหาทางรอดออกไปจากสถานการณ์นี้
หากชูฮันไม่สนใจเลยสักนิดและยังพยักหน้าพูดโดยไม่หันกลับไปมอง “เร็ว”
”ก็ได้”เมื่อไม่มีทางต่อรอง เกาช้าวฮุ่ยก็ยกเท้าออกเดิน หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นกลัวขณะคิดจะฆ่าชูฮันเพื่อจบเรื่อง
”ฟึบ—“ มีบางอย่างตัดผ่านอากาศมุ่งโจมตีใส่ชูฮันที่ยืนหลังหันให้ตัวเองอยู่อย่างรวดเร็ว เกาช้าวฮุ่ยมั่นใจว่าลูกเตะของตัวเองจะทำให้ชูฮันครางเป็นหมาได้แน่ๆ
ทันใดนั้นชูฮันก็ทำท่าเหมือนกับนึกบางอย่างขึ้นได้และเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้หันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ “โอ้ะ เกือบลืมไป นายฆ่าไม่ได้นี่ ใช่มั้ย? เพราะงั้นตอนนี้การป้องกันตัวของฉันถึงเป็นศูนย์”
เฮือก!
การเคลื่อนไหวของเกาช้าวฮุ่ยหยุดชะงักทันทีมีความหวาดกลัวผุดขึ้นบนหน้าของเขา หากเพราะเท้าที่ตวัดขึ้นอากาศพร้อมแรงถีบมหาศาลที่อัดแน่นนั้นไม่สามารถเรียกกลับมาได้
เขาจะทำยังไงดี?
เขาจะฆ่าชูฮันได้มั้ย?
แล้วถ้าชูฮันไม่ตายต่อจากนี้เขาจะเป็นยังไง? ความกลัวครั้งใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจของเกาช้าวฮุ่ยทำให้เขาตัดสินใจใส่พละกำลังทั้งหมดที่มีไปที่ขาเพื่อดึงขาตัวเองกลับคืนมา
”ตึง!”
เมื่อดึงเท้าตัวเองกลับมาได้ด้วยแรงต้านมหาศาลและฟาดลงกับพื้นอย่างแรงเกาช้าวฮุ่ยแทบหมดแรง กล้ามเนื้อที่ขาข้างขวาของเขาฉีกขาดจนอ่อนเปลี้ย
ในเวลาเดียวกันตรงพื้นที่โดนเท้าของของเกาช้าวฮุ่ยฟาดลงนั้นก็เกิดเป็นหลุมลึกอย่างไม่น่าเชื่อ ความลึกที่เกิดขึ้นมากกว่าสิบเมตรซะอีก
แค่ลูกเตะลูกเพียงเดียวเท่านั้น!
ฝุ่นละอองในที่กระจายในอากาศเริ่มตกลงพื้นท้ังถนนตกอยู่ในความเงียบสงบ หวังไคเองก็ได้แต่ตะลึงงันอย่างพูดอะไรไม่ออก
ท่ามกลางความเงียบอันยาวนานสีหน้าของเกาช้าวฮุ่ยเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาวซีด เขาพยายามกลั้นความเจ็บและพยายามเอื้อมมือไปจับขาที่บาดเจ็บของตัวเองก่อนจะร้องออกมา “เ*ย! เจ็บชิบ!”
แม่งเอ๊ย! novel-lucky
เขาเกือบจะเตะถึงตัวชูฮันอยู่แล้วโชคร้ายที่ชูฮันรู้ตัวซะก่อน แต่แม่งเอ๊ยเจ็บชะมัด กล้ามเนื้อเขาฉีกแตกหมดแล้ว
ในตอนนั้นเกาช้าวฮุ่ยไม่สามารถบรรยายความรู้สึกเจ็บปวดภายในออกมาเป็นคำพูดได้เลย ไม่เพียงแค่เขาจะล้มเหลวจากความพยายามจะฆ่าชูฮันแล้วแต่ยังทำให้ตัวเองบาดเจ็บอีก การเคลื่อนไหวของเขาอ่านออกง่ายเกินไปสำหรับชูฮัน ประเด็นคือตอนนี้เกาช้าวฮุ่ยไม่มีหนทางอื่นแล้ว สภาพร่างกายของเขาตอนนี้แม้แต่จะขยับตัวยังไม่ได้
ในขณะที่เกาช้าวฮุ่ยตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองและไม่ได้ทันสังเกตเห็นถึงรอยยิ้มปีศาจชั่วแวบหนึ่งของชูฮัน
อยากจะสู้กับเขา?
รอไปอีก800 ปีเถอะ! เพราะไม่ว่ายังไงชูฮันก็มั่นใจว่าเกาช้าวฮุ่ยไม่มีทางฆ่าเขาได้!
————
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาณ ค่ายหนานตู้ ในที่สุดสงครามกับกองทัพซอมบี้ก็จบลง!
เดิมทีกองทัพซอมบี้หลั่งไหลเข้ามาราวกับเขื่อนแตก แต่แล้วในช่วงเวลาหนึ่งทุกอย่างก็หยุดชะงัก กองทัพซอมบี้ทั้งหมดตายลงในการโจมตีซอมบี้คลื่นที่สอง
ลูกผสม…แก้ไขแล้ว!
กองทัพซอมบี้…ถอยทัพแล้ว!
สมาชิกทุกคนที่ดิ้นรนต่อสู้เลือดตาแทบกระเด็นมาเป็นเวลายาวนานก็สามารถหายใจได้คล่องคอในที่สุดทุกคนมองภาพกองศพซอมบี้ที่นอนตายเต็มไปหมดด้วยความรู้สึกมากมาย กองทัพซอมบี้มหาศาลที่เหมือนจะฝังค่ายหนานตู้ทั้งเป็น เลือดสีดำข้นหนาที่เจิ่งนองทั่วพื้นจนชุ่ม เศษชิ้นเนื้อมากมายกระจัดกระจายไปทั่ว ค่ายหนานตู้ในตอนนี้เหมือนกับเมืองร้างที่ถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยวเต็มไปด้วยความเศร้าโศก!
กำแพงที่ตกอยู่ภายใต้การปีนป่ายของซอมบี้มหาศาลในที่สุดก็พังทลายลงมาหินปูที่ถล่มลงมานั้นไม่ได้ทับถมลงมาใส่แต่เพียงซากซอมบี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมนุษย์ทั้งหลายที่สังเวยชีวิตไปกับสงครามในครั้งนี้
ในเวลาเดียวกันกำแพงชั้นในของตัวค่ายหนานตู้ที่ยังทนทานและป้องกันซอมบี้ได้อย่างดีเยี่ยมก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ได้แม้จะเจอกับสงครามที่ยากเกินรับมือ
ชาวบ้านของค่ายเริ่มทยอยเดินออกมาจากบ้านตัวเองและที่ซ่อนความกลัวทั้งหลายได้หายไปหมดแล้วเมื่อรู้ว่าสงครามจบลง พวกเขาค่อยๆเดินมาที่กำแพงค่าย และภายในเวลาสั้นๆผู้คนมากมายก็อัดแน่นรวมตัวกันอยู่ที่ประตูค่าย
ชาวบ้านและเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งหลายต่างมองภาพของผู้กล้าที่สละชีวิตต่อสู้กับซอมบี้และซากศพซอมบี้ทั้งหลายด้านนอกค่ายโดยไม่มีคำพูดมันเหมือนกับประตูที่แบ่งทั้งสองโลกออกจากกัน…นรกกับสวรรค์
ราวกับว่าเมื่อพ้นจากค่ายนี้ไปมันคืออีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยซอมบี้เป็นโลกวินาศของซอมบี้!
”สงครามจบลงแล้ว”ท่ามกลางความเงียบงัน ฉางกวนหลงที่ยืนอยู่บนที่สูงก็ประกาศขึ้น
ผู้คนนับไม่ถ้วนตาแดงก่ำเสียงร้องไห้ระงม หลายคนส่งเสียงโห่ร้องอย่างดีใจเพื่อเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของค่ายหนานตู้!
”สงครามกองทัพซอมบี้และค่ายหนานตู้จบ!”ฉางกวนหลงก็ตะโกนขึ้นมาอีกมาครั้ง “เราชนะ!”
”ชนะ!”ผู้คนตะโกนอย่างพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกันดังสนั่น
ในตอนนี้สงครามกองทัพซอมบี้ที่กินเวลายาวนานถึงสิบวัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่!
ในขณะที่ฉางกวนหลงกำลังยินดีกับชัยชนะที่ได้รับและต้องการร่วมฉลองความสุขกับผู้คนในค่าย แต่ทันทีที่กลับหลังหันมาและได้เจอทหารใต้บังคับบัญชาของตัวเองที่มีสีหน้าและแววตาเย็นตา
เพราะว่าทหารพวกนี้ไม่ได้ยินดีปรีดาไปกับชัยชนะแต่กับส่งสายตาที่ไม่เป็นมิตรและความโลภที่พร้อมจะหาโอกาสแย่งชิงอำนาจจากเขา
คนสนิทของฉางกวนหลงอย่างมู๋หรงยู่เฉิงเองก็รีบก้าวออกมาทันทีพร้อมส่งสายตาเย็นชาและพร้อมจะปะทะกับอีกฝ่ายเช่นกัน
”พลเอกฉางกวนหลง”นายทหารระดับสูงอาวุโสก้าวเท้าออกมาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดันอย่างไม่ปิดบัง “เกี่ยวกับลูกสาวของท่านที่เอาเฮลิคอปเตอร์ของค่ายไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านจะว่ายังไงเรื่องนี้?”