ตอนที่ 856

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันถูกอาบไปด้วยสายฟ้า ร่างผอมบางของเขาปลดปล่อยประกายสายฟ้าที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา

สำหรับเขาการรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นท่ามกลางสายฟ้า กายหยาบที่ทรงพลังของเขาช่วยให้เขาเมินเฉยต่อความเจ็บปวดได้อย่างสิ้นเชิง

กายาสายฟ้าของเขาค่อยๆพัฒนาจนเกือบจะบรรลุขั้นสมบูรณ์ ขั้นสมบูรณ์ที่ว่านั้นหมายถึงจุดสูงสุดในระดับมนุษย์ บางทีหลังจากที่เขาขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจจะมีขีดกำจัดขั้นใหม่เพิ่มขึ้นก็ได้

ผ่านไปครึ่งวัน เขาก็ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย และกายาสายฟ้าของเขาก็บรรลุระดับสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็ก้าวเข้าสู่ระดับทลายมิติและเกือบจะอยู่เหนือความเป็นมนุษย์แล้ว” เสียงของหอคอยน้อยดังขึ้นในห้วงจิตของเขา

หลิงฮันตกตะลึงและกล่าว “เจ้ากล่าวยินดีกับข้างั้นรึ? นี่เจ้าหัวกระแทกพื้นรึเปล่า?”

หอคอยน้อยเค้นเสียงกล่าว “นี่เจ้าอยากถูกข้าใช้คลื่นพลังสังหาร?”

หลิงฮันหัวเราะ “นี่แหละถึงจะเป็นเจ้า!”

หอคอยน้อยไม่สบอารมณ์ นี่ปกติแล้วมันเป็นคนพูดจาดุร้ายเช่นนั้นเลย?

“ว่าแต่ระดับทลายมิติคือด่านที่ใช้สลัดความเป็นมนุษย์งั้นรึ?” หลิงฮันถาม ไม่ใช่ว่าจอมยุทธสลัดความเป็นมนุษย์ทิ้งไปทั้งแต่ระดับบุปผาผลิบานแล้วหรอกรึ?

หอคอยน้อยเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ในความเป็นจริง จอมยุทธระดับทลายมิติที่สามารถบดขยี้ชั้นมิติและขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ต่างหากถึงจะเรียกว่าสลัดความเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริง”

หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็บรรลุระดับพลังใหม่ที่ไม่เคยบรรลุในชีวิตที่แล้วเสียที

“ข้ามีสองข่าวดีและหนึ่งข่าวร้าย เจ้าอยากจะฟังข่าวไหนก่อน?” หอคอยน้อยกล่าวขึ้น

หลิงฮันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ “วันนี้เจ้ากินยาผิดมารึไง ทำไมถึงได้พูดจาล้อเล่นเช่นนี้? ข้าขอฟังข่าวร้ายก่อนแล้วกัน”

“เจ้าไม่สามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬได้อีกต่อไปแล้ว”

“ทำไมกัน?” หลิงฮันสลด พรศักดิ์สิทธิ์คือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของเขา ถึงแม้ในแต่ระดับพลังเขาจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่มันก็ช่วยพลิกสถานการณ์ในยามคับขันได้

“ถูกต้อง เจ้าไม่สามารถใช้มันได้อีกต่อไป” หอคอยน้อยเค้นเสียง

นี่เป็นข่าวร้ายที่แท้จริง!

หลิงฮันถอนหายใจ “แล้วข่าวดีสองข่าวล่ะ?”

“ข่าวแรกเลยคือหอคอยทมิฬชั้นที่สามเปิดแล้ว” หอคอยน้อยกล่าว

“มันคือชั้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังต้นกำเนิดแห่งโลหะ?” หลิงฮันแสดงสีหน้าดีใจ หอคอยทมิฬนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้น ตอนนี้ชั้นที่เขาสามารถเข้าถึงได้มีสามชั้นแล้ว ถ้างั้นก็หมายถึงชั้นอื่นๆจะเปิดใช้งานเมื่อเขาขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว?

“ถูกต้อง ตั้งแต่ตอนนี้ไปเจ้าจะสามารถผลิตโลหะต้นกำเนิดได้หนึ่งปอนด์ต่อปี ถ้าเจ้าไม่นำมันไปใช้งานแร่โลหะก็จะมีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ” หอคอยน้อยกล่าว

แร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์!

เมื่อขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดาบสังหารก็จะค่อยๆไร้ประโยชน์ มีเพียงอาวุธที่สร้างขึ้นจากโลหะระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะไร้เทียมทาน

“ว่าแต่ทำไมถึงต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งปี?”

“แร่โลหะที่สร้างขึ้นคือแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ แถมข้าก็ยังไม่อยู่สภาพที่ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ เวลาแค่ปีเดียวก็นับว่าเร็วแล้ว” หอคอยทมิฬกล่าวอย่างไม่พอใจ

หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม “นี่เป็นข่าวดีจริงๆ แล้วข่าวดีอีกข่าวล่ะ?”

“เจ้าสามารถบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองได้แล้ว” หอคอยน้อยกล่าว

หลิงฮันชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกล่าว “เจ้าแน่ใจรึว่านี่คือข่าวดี? เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าต้องใช้เวลากี่พันปีกว่าจะทำความเข้าใจส่วนแรกของทักษะได้ แล้วเจ้าคิดว่าข้าต้องใช้เวลากี่ล้านปีถึงจะฝึกฝนส่วนที่สองได้สำเร็จ?”

หอคอยน้อยเค้นเสียงกล่าวอย่างดูถูก “ทักษะส่วนแรกคือการฝึกฝนร่างกายของเจ้าให้มีรากฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระดับ (กายาไม้ กายาเหล็กไหล กายาเพชร) แต่ทักษะส่วนที่สองเจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกฝนจากฐานเริ่มต้นเช่นนั้น”

หลิงฮันมีท่าทีดีใจก่อนจะกล่าว “เจ้าหมายความว่าข้าจะสามารถฝึกฝนทักษะส่วนที่สองได้อย่างเชี่ยวชาญในเวลาอันสั้น?”

“ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้น” หอคอยน้อยสั่นไปมาราวกับกำลังส่ายหัว “ถ้าเจ้าเกิดมาโง่ แม้จะเป็นส่วนที่สองแล้วเจ้าก็ยังต้องใช้เวลานับหมื่นปีในการทำความเข้าใจอยู่ดี”

“คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนแรกคือการฝึกฝนกายหยาบ ส่วนทักษะส่วนที่สองนั้น เจ้าจงดูด้วยตนเอง!”

หอคอยทมิฬสั่นไหวและปลดปล่อยอักขระโบราณสีทองนับไม่ถ้วนออกมาที่ห้วงจิตของหลิงฮัน

จะพูดให้ถูกคือหลิงฮันไม่สามารถทำอ่านอักขระเหล่านั้นออกแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่เข้าใจความหมายของพวกมัน สิ่งที่เขาได้รับสืบทอดนั้นไม่ใช่ผ่านทางภาษาคือตัวอักษะ แต่เป็นการสืบทอดผ่านสติปัญญาโดยตรง

ในตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะถามว่าทักษะส่วนที่สามเป็นทักษะเช่นใด แต่จิตใจของเขาก็ถูกดึงดูดโดยอักขระสีทองเหล่านี้เสียก่อนและไม่สามารถละความสนใจออกจากพวกมันได้

คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองคือการบ่มเพาะวิญาณ

วิญญาณคือสิ่งที่บอบบางที่สุดของสิ่งมีชีวิต อย่างเช่นหลิงฮันที่ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแล้ว แต่ถ้าหากเขาโดนแก่นแท้แห่งดาบของราชันดาบจู่โจม แม้ร่างกายเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่วิญญาณของเขาอาจจะถูกทำลายโดยตรงเลยก็ได้

แต่ถ้าหากทักษะที่สองของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์คือการฝึกฝนจิตวิญญาณ ก็หมายความว่าวิญญาณของเขาจะถูกเสริมให้แกร่งขึ้น และสุดท้ายวิญญาณของเขาก็จะทรงอำนาจเทียบเท่ากับกายหยาบและไม่เหลือจุดอ่อนอีกต่อไป

หลิงฮันมีความสุขเป็นอย่างยิ่งและหมกหมุ่นอยู่กับทักษะส่วนที่สอง ผ่านไปสิบวันเมื่อเขาทำความเข้าใจทักษะส่วนที่สองได้เล็กน้อยเขาก็หยุดฝึกฝน

เขาลอยลงจากท้องฟ้าและมองเห็นพวกเฟิงโปหยุน ดูเหมือนพี่น้องทั้งสามจะกำลังรอเขาอยู่เบื้องล่าง

“น้องสี่ เจ้าพบปัญหาใดๆตอนที่ทะลวงผ่านระดับหรือได้รับบาดเจ็บใดๆรึไม่?” พวกเฟิงโปหยุนสามคนกล่าวถามด้วยความเป็นกังวล

หลิงฮันแสดงท่าทีเขินอายและกล่าว “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ชายทั้งสามเป็นห่วงแต่ข้าสบายดีทุกประการ”

“งั้นก็ดีแล้ว!” ทั้งสามคนพยักหน้า

“จริงสิ จักรวรรดิจันทราม่วงส่งทูตพิเศษมาหา” จักรพรรดิพิรุณกล่าวขึ้นและเกาหัวราวกับว่าเพิ่งนึกบางอย่างออก

“มีเรื่องอันใดงั้นรึ?” หลิงฮันถาม

“หม่าตั้วเปากำลังจะลงมือเปิดสวรรค์และเขาได้เชิญชวนให้พวกเราไปร่วมพิธีด้วย” เฟิงโปหยุนหัวเราะ

หลิงฮันครุ่นคิดในใจ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วไม่แปลกที่เวลานี้จะมาถึง

“ดีเลย งั้นก็เตรียมตัวแล้วไปร่วมพิธีกันเถอะ” หลิงฮันยิ้ม “หวังว่าเจ้าอ้วนนั่นจะแข็งแกร่งพอนะ พวกเราจะได้จัดการปัญญาใหญ่หลวงทิ้งไปได้เสียดี”

พวกเฟิงโปหยุนสามคนหัวเราะ การเปิดสวรรค์เป็นพิธีการที่ยิ่งใหญ่มาก หากพวกเขาไม่อาจเปิดสวรรค์และขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ซักวันหนึ่งแผนการของห้านิกายโบราณก็จะประสบความสำเร็จ

นอกจากนั้นก็ยังมีการชำระล้างของเผ่าใต้สมุทรอีก พวกเขาไม่อาจยืนอยู่เฉยๆรอดูทวีปฮงเทียนล่มสลายได้

เจ้ากระต่าย อสูรศิลา หนูทองคำและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนมารวมตัวกัน นอกจากพวกเขาแล้วคนที่ถูกเรียกรวมพลก็มีกว่างหยวน ชางเย่ที่เป็นหัวหน้ากองทัพและทหารอีกเกือบห้าสิบคน พวกเขาเตรียมตัวและออกเดินทางไปยังจักรวรรดิจันทราม่วง

การเปิดสวรรค์คือปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับโลกใบเล็กทั้งหลาย