บทที่ 618 ข้าไม่มีหน้าตาของงูแล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 618 ข้าไม่มีหน้าตาของงูแล้ว
วันที่สองหลังจากระงับเนื้อ

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หอบท้องอันกลมดิก เลื้อยเข้าห้องนอนของกู้ชูหน่วน มันประท้วงฟ่อฟ่อ ขอให้กู้ชูหน่วนคืนอาหารให้มันเดี๋ยวนี้

กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง “ไม่เห็นประกาศที่จวนออกหรือ? จวนถูกเจ้ากินจนยากจนแล้ว ไม่มีเนื้อ”

“เย่จิ่งหานเคยรับปากไว้ว่า จะดูแลให้ข้ากินจนอิ่ม”

“เขาเคยพูด แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะดูแลให้เจ้ากินจนอิ่มไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่บอกว่าจะดูแลพวกเพื่อนที่เอาแต่กินและบรรดาญาติพี่ป้าน้าอาเหล่านั้นของเจ้าให้กินจนอิ่ม”

“พวกมันไม่ใช่ญาติพี่ป้านาอาของข้า”

“โอ้ เจ้าก็รู้ด้วยหรือ ข้าคิดว่าเจ้าลืมไปหมดแล้วซะอีก แล้วเจ้ายังจำได้หรือไม่ ว่าข้าเป็นนายหญิงของจวนอ๋องหาน ทรัพย์สมบัติของจวนอ๋องหานข้าก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง”

“นายหญิง ท่านรังแกงู เสียดายที่ข้าเหนื่อยแทบตายเพื่อช่วยท่านออกมา”

“ถ้าเจ้าไม่พอใจ ตอนนี้ก็ไสหัวไปได้ ไม่มีคนห้ามเจ้า”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่พูดอย่างมีเหตุผลตรงไปตรงมาในเดิมทีนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หงอไปในพริบตา

มันบิดร่างกายอันอ้วนท้วนของมัน เลื้อยบิดไปบิดมาจนถึงข้างเท้าของกู้ชูหน่วน น้ำเสียงขุ่นเคือง “นายหญิง พอบรรลุเป้าหมายแล้วท่านจะถีบหัวส่งแบบนี้ไม่ได้”

“ออกไป”

กู้ชูหน่วนเกือบจะยกเท้าแล้วเตะมันออกไปแล้ว

“ข้าไปแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีงูให้ท่านขี่แล้ว”

“ข้าจำได้ ก่อนหน้านี้เหมือนข้าจะเคยเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ดสินะ แม้ว่าตอนนี้ความสามารถของข้าจะอ่อนแอไปหน่อย เพียงแค่ข้าเปิดผนึกได้ ก็ยังสามารถฟื้นเป็นขั้นสุดยอดได้ตลอดเวลา เจ้าว่า ข้ากลับไปเป็นระดับสุดยอดแล้ว จะฝึกให้สัตว์วิเศษระดับสี่เชื่องสักสองสามตัว ก็คงจะทำได้ไม่ยากสินะ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หันหน้าด้วยความไม่พอใจ พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ที่แดนเหนือสุดข้ากินผลึกไปมาก ตอนนี้ข้าเป็นระดับห้าแล้ว”

กู้ชูหน่วนหิ้วมันขึ้นมาโดยตรง

นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวแสบนี่หายตัวไปไร้ร่องรอย ก็เพราะไปหาผลึกกิน

และไม่รู้ว่าโดนมันกินไปมากแค่ไหน ถึงได้เพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง

“ตอนนี้ข้าไม่มีความสามารถอะไร แต่ความสามารถในการย่างเนื้อกลับยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะเนื้องูย่าง ไม่ได้เห็นอาหารคาวมาหลายวันแล้ว ข้าก็คิดถึงรสชาติของเนื้องูขึ้นมาหน่อยแล้วจริงๆ”

“ฟ่อฟ่อ…..”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกใจจนเลื้อยออกจากมือของนาง รักษาระยะห่างจากนางไว้

“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านเชียวนะ ท่านจะทารุณแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“ถ้าเจ้ายังอยากจะติดตามข้าต่อไป กินเนื้อย่างของข้า ก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำที่ข้าพูด อย่าเห็นเนื้อแล้วตัวลอยไปทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาที่จะเปลี่ยนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไว้วางใจได้อีกตัวหนึ่ง”

“พูดไปพูดมา ก็เพราะโกรธเคืองที่ข้าทิ้งพวกท่านไปเพื่อหาผลึกตอนอยู่ที่แดนเหนือสุด”

กู้ชูหน่วนยิ้มแล้ว หิ้วหางของมันขึ้นมา “เจ้ายังรู้ด้วยหรือว่าตอนอยู่ที่แดนเหนือสุดได้ทิ้งพวกข้าไปน่ะ?”

“ข้าเป็นถึงราชางูเชียวนะ นายหญิง ท่านดึงหางข้าเช่นนี้ จะให้ข้ารับความรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจนี้ได้อย่างไร”

“ราชางู? อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าเรียกตัวเองว่าราชางูเหรอ? เห้อ…..ช่างเถอะ แม้ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า แต่ที่ผ่านมาข้าก็ไม่เคยกินเนื้อราชางูมาก่อน วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องลิ้มลองสักหน่อย และค่อยให้ทุกคนในจวนลิ้มรสชาติของคาวด้วย”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทั้งโมโหทั้งโกรธทั้งน้อยใจ อดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อต้าน “ด้านนอกมีพวกพ้องตั้งมากมายดูอยู่ ท่านจะไว้หน้าข้าสักนิดไม่ได้เลยเชียวเหรอ”

กู้ชูหน่วนมองไปตามสายตาของมัน เป็นดังคาด พวกเพื่อนที่เอาแต่กินของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ล้วนยืดคอเพื่อดูทุกอย่างในนี่ เมื่อเห็นนางกวาดตามองมา งูหลากสี หลากขนาด หลากชนิดแต่ละตัวต่างพากันแย่งกันเลื้อยหนีไป ราวกับว่านางเป็นภัยมหันต์อันร้ายแรงที่จะย่างพวกมันกินเช่นนั้น”

กู้ชูหน่วนปล่อยหางงูของมัน ปรบมืออย่างเก้ๆกังๆ “ไม่ใช่ว่าข้าปิดหน้าต่างหมดแล้วเหรอ? ทำไมถึงได้เปิดแล้วล่ะ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องไห้ฟ่อๆ

“ไม่ใช่เพราะข้าอยากเบ่งอำนาจต่อหน้าพวกพ้องสักครั้งหนึ่งหรือ จึงได้แอบเปิดหน้าต่างไว้ ผลสุดท้ายท่านก็ไม่ไว้หน้าข้าสักนิด ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นราชางูได้ยังไง พวกเขาจะต้องแอบหัวเราะเยาะข้าลับหลังเป็นแน่ ข้าไม่มีหน้าตาของงูแล้ว”

พูดพลาง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ร้องไห้ฟ่อฟ่อ ทั้งยังกระจองอแงอยู่บนพื้น

กู้ชูหน่วนงงงันแล้ว

นี่……

โทษนางหรือ?

“เมื่อครู่สายตาที่เสี่ยวฮัวมองข้าก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เสี่ยวฮัวจะต้องรู้สึกว่าข้าใช้ไม่ได้แน่ๆ”

“เสี่ยวฮัวเป็นใคร?” แฟน?

“ก็คืองูน้อยตัวนั้นที่เป็นสีหลายๆสี ตัวที่สวยที่สุดตัวนั้น”

ในสวนดอกไม้งูมากมายแน่ขนัด ไปฝูงหนึ่งก็มาอีกฝูงหนึ่ง นางจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนสวยที่สุด และจะรู้อย่างไรว่าใครคือเสี่ยวฮัว

แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไว้ใจไม่ได้ แต่เวลาคับขัน อย่างน้อยก็ช่วยนางไว้หลายครั้ง กู้ชูหน่วนอุ้มร่างกายอันอ้วนท้วนของมันขึ้นมา น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย “พอแล้ว อย่าร้องเลย ร้องจนข้าปวดหัวไปหมดแล้ว หมูย่างห้าตัว”

“จิตใจดวงน้อยๆของข้าถูกทำร้ายแสนสาหัส หมูย่างห้าตัวจะพอที่ไหนกัน”

“แล้วเจ้าจะเอายังไง?”

“จัดงานเลี้ยงเนื้ออีกครั้ง ข้าต้องการจะเลี้ยงรับรองพวกมันอีกครั้ง ข้าจะเอาหน้าตาข้ากลับมา”

“……”

เจ้างูตัวนี้ ติดตามอยู่ข้างกายนางนานเกินไปแล้วสินะ รู้จักใช้อุบายมาหลอกนางแล้ว

ทำไมนางถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่เสมอนะ?

“ถ้าท่านไม่รับปาก ข้า……ข้าก็จะพุ่งชนให้ตายตรงนี้”

“งั้นก็ชนไปเถอะ”

“นายท่าน ท่านก็เห็นแก่ความน่ารักของข้า ท่านให้ข้ากู้หน้าตากลับมาหน่อยเถอะนะ ไม่งั้นไม่ต้องพูดถึงพวกงูแล้ว พวกที่เป็นสัตว์ชนิดอื่น ก็จะดูถูกข้า”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตามตื๊อไม่เลิกรา แล้วใช้ดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อล้นมองนางด้วยความน่าสงสารไปพลาง

แม้กู้ชูหน่วนจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ก็ยังเห็นใจ

“หนึ่งวัน มากที่สุดให้เวลาเจ้าหนึ่งวันในการเลี้ยงรับรองพวกเขา เกินจากนั้น ก็อย่าโทษว่าข้าเปลี่ยนสีหน้าไม่รู้จักงู ไล่งูออกไปโดยตรงละกัน”

“ได้ วันเดียวก็วันเดียว เช่นนั้นเนื้อล่ะ ให้พอหรือไม่?”

“…….”

“เจ้าต้องการเนื้อมากเท่าไหร่?”

“ยิ่งมากยิ่งดี”

“ทำไมเจ้าไม่ไปแย่งชิงเอาซะเลยล่ะ”

“นายหญิง เพียงแค่ท่านรับปากเงื่อนไขเล็กๆของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ หลังจากนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะกินให้น้อยลงเป็นแน่ เชื่อฟังให้มาก ท่านบอกให้ข้าทำอะไร ข้าก็ทำสิ่งนั้น”

“ก๊อกก๊อกก๊อก……”

ชิงเฟิงเคาะประตูเข้ามาส่งรังนกด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“พระชายา รังนกเพิ่งต้มเสร็จ ท่านดื่มตอนร้อนๆนะขอรับ”

ชิงเฟิงวางรังนกไว้บนโต๊ะ ถอนเท้าได้ก็อยากจะหนีไป

ไม่รู้ว่าทำไม นางเห็นพระชายาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

แต่ทว่า เท้าของเขายังไม่ทันก้าวออกไป กู้ชูหน่วนก็รั้งเขาไว้แล้ว

“ชิงเฟิง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต้องการเลี้ยงเพื่อน ต้องการเนื้อจำนวนมาก เจ้าไปจัดเตรียมหน่อย จะต้องดูแลให้พวกเขากินจนอิ่ม กินจะหนำใจ”

ชิงเฟิงเซจนแทบจะล้มลงพื้น

“พระ…..พระชายา เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะขอรับ?”

“เจ้าหูหนวกหรือ?”

“ไม่ไม่ไม่……แต่……” 

แต่นายท่านไม่ได้บอกว่า ประกาศว่าจวนไม่มีเงินไม่มีเนื้อไม่มีแม่ครัว เพื่อที่จะไล่เพื่อนของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้ออกไปทั้งหมดหรือ?

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้หูหนวก ก็ทำตามคำสั่งข้า”

“แต่พวกแม่ครัวไปกันหมดแล้ว และพระนครก็ไม่มีเนื้ออะไรแล้วนะขอรับ”

“แม่ครัวไปหมดแล้วก็ไม่ใช่ว่ายังมีเจ้าอยู่หรือ? ไม่ใช่ว่ายังมีบรรดาลูกน้องของเจ้าอยู่เหรอ คิดหาวิธีย่างให้พวกเขากินเอาเอง อีกอย่าง ในพระนครไม่มีเนื้อ ก็ไปซื้อนอกพระนคร ซื้อไม่ได้ ก็เฉือนตัวเองละกัน”

“ห๊ะ……”

ชิงเฟิงอึ้งไปแล้ว

ทำไมถึงเปลี่ยนไปทุกวันเช่นนี้?

และ……

ทำไมงานหนักเช่นนี้ถึงต้องตกลงบนหัวของเขาด้วย?

เขารู้อยู่แล้วว่า พระชายาของเขาเอาใจยาก

เป็นดังคาด……

เจี่ยงเสวียเจ้าเลวนั่น ตัวเองไม่กล้ามาปรนนิบัติพระชายา ก็วางแผนให้เขามาปรนนิบัติพระชายาทุกครั้ง

หางงูของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตั้งขึ้น ยกนิ้วชื่นชมกู้ชูหน่วยยกใหญ่ “นายหญิง ยังคงเป็นท่านที่ดีต่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่สุด ชิงเฟิงเจ้ายังจะนิ่งทำอะไรอยู่อีก ข้าต้องการหมูย่างห้าพันตัว แกะย่างห้าพันตัว วัวย่างหนึ่งพันตัว”

ชิงเฟิงแทบจะเป็นลมล้มไป