อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1764 vs 1765
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1764

ผู้หญิงอย่างลั่วลั่ว

บริษัทในวงการบันเทิงที่ติดต่อเข้ามาล้วนแต่สะเทือนไปกับคำพูดของฉินมั่วจนไม่กล้าติดต่อมาอีก

แค่ฉินกรุ๊ปยื่นมือเข้ามาก็ล้มพวกเขาได้ง่ายๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพยากรด้านอื่น ฉินกรุ๊ปเป็นตัวท็อปในวงการเลยทีเดียว

อีกอย่าง…ว่าที่สามี แค่กๆๆๆๆ!

แค่คิดดูก็รู้ว่าท่านประธานคนเก่งของบริษัทเหล่านั้นต่างอยู่ในสถาการณ์พูดไม่ออก

ทั้งนี้ผู้ช่วยคนเก่งได้แต่ยิ้มอยู่ด้านข้าง พูดในใจว่า เรื่องอวดรวยไม่ใช่ประเด็นของคุณชาย แต่เป็นเรื่องการขอแต่งงานต่างหาก

ท่านประธานฉินอยากให้คนทั้งวงการธุรกิจรู้ว่าตอนนี้เขามีเจ้าของแล้ว…

ท่านประธานหลี่ที่เคยถูกฉินมั่วถามถึงวิธีดูแลน้องชาย ไม่เคยได้รับการสอบถามอีกเลย ทว่าบางคนกลับแน่วแน่มาก อยากจะติดต่อป๋อจิ่วเป็นการส่วนตัว

แต่ท้ายที่สุดก็รู้ว่าตัวเองทั้งโง่เขลาและใสซื่อเหลือเกิน คนบางคนใช่ว่านักข่าวอยากติดต่อก็จะติดต่อได้ เขตทหารไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆ จะเข้าได้ตามใจชอบ

ทั้งนี้พวกท่านๆ ที่เกษียณไปแล้วมักจะเห็นเจ้าหนุ่มฉินพาเด็กน้อยของตัวเองไปเดินเล่นบ่อยๆ มีบางครั้งก็ให้เด็กตัวเองมาช่วยย้ายกระถางต้นไม้ แล้วถามว่า “ทำการบ้านหรือยัง?”

ในฐานะที่ได้รับการเอาใจจนเคยชิน ป๋อจิ่วถูกถามแบบนี้ทีไรเป็นต้องตัวแข็งทื่อทุกที “อันที่จริงเราคุยเรื่องอื่นก็ได้นะ” หลังจากที่ไปโรงเรียน ป๋อจิ่วก็ไม่ได้นอนอีกเลย เธอหยิบหนังสือมาทบทวน จะปล่อยให้ตัวเองตอบคำถามของท่านเทพว่า ‘วันนี้เรียนอะไร’ ไม่ได้ทุกครั้งที่กลับบ้านได้อย่างไร

เจ้าหัวเกรียนจากเจียงเฉิง 2 มาหาเธออีกแล้ว บอกประมาณว่า ‘ฉันจะตั้งใจเรียนสักที’

ป๋อจิ่วถึงกับช็อก มองดูอีกฝ่าย “เรียนหนังสือ? นายเนี่ยนะ?”

หัวเกรียนทำหน้าสื่อว่า ทีนายยังตั้งใจเรียนเพื่อคนรักได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ “งั้นใครเขาอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เลยให้ฉันตั้งใจเรียนหน่อย”

ป๋อจิ่วทำเสียงในลำคอ “ใครเหรอ?”

“นายก็รู้” หัวเกรียนเขินอายทันใด

ป๋อจิ่วเคาะนิ้ว “นายอยากให้ฉันติวให้?”

“ก็งั้นสิ” หัวเกรียนหันไปมองด้านหลัง “ตอนแรกฉันอยากให้พวกเขาติวฉัน”

ป๋อจิ่วมองตามไป ก็เห็นพวกเด็กเกรียนที่ไม่รู้เรื่องกระทั่งภาษาอังกฤษระดับมอต้นกำลังยืนคลำหน้าเกาคอ “งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรก้าวหน้าหรอก”

“บอกคำตอบฉันผิดหมดเลยอีกต่างหาก” เจ้าหัวเกรียนโมโห

ป๋อจิ่ว…นายต้องการติวหรือต้องการคำตอบกันแน่เนี่ย

“คนเก่ง นายต้องช่วยฉันนะ” เด็กหัวเกรียนคลำท้ายทอยตัวเอง “ฉันจะสอบได้คะแนนแย่ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไร แม่บอกว่าถ้าเข้าสังคมทำงานก็จะมีแต่คนดูประวัติการศึกษา”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “ผิดแล้ว เข้าสังคมทำงานก็จะมีแต่คนดูว่าพ่อนายเป็นใครต่างหาก”

เด็กหัวเกรียนทำหน้าขึงขัง “รอจนฉันทำอะไรไม่สำเร็จก่อน ค่อยกลับไปรับมรดกที่บ้าน”

ป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ากางเกงเหมือนกำลังคิดอะไร ก้มตัวลงเล็กน้อย “ประวัติการศึกษาสำคัญมากเหรอ?”

“ก็พวกเพื่อนๆ เขาอะคิดว่าฉันไม่เก่งอะไร ฉันไม่แคร์แววตาพวกนั้นหรอก” เด็กหัวเกรียนเอียงคอ “แต่ไม่อยากให้เขาอาย”

แววตาของป๋อจิ่วเรียบนิ่ง “แล้วถ้าผู้หญิงมีการศึกษาไม่สูงล่ะ?”

“พอเข้าสังคมทำงานก็คงมีคนว่า” เด็กหัวเกรียนคิดหนัก “ฉันไม่สนใจหรอก แต่บางคนเรียนสูง เวลาคุยด้วยก็เหนื่อย นายรู้ไหมว่าพวกนั้นจะคุยอะไรกับนาย พวกเขาจะพูดถึงเรื่องความเป็นไปของมนุษย์ แถมถามฉันว่ามนุษย์เกิดมาได้ยังไง พอเห็นว่านายไม่เข้าใจก็หาว่าไม่มีความรู้ เฮ้อ เจ็บปวดจัง”

ป๋อจิ่วได้ยินถึงตรงนี้ก็หันไปมอง “ถ้าเป็นผู้หญิงอย่างลั่วลั่วล่ะ?”

……………………………..

ตอนที่ 1765

ขอร้องล่ะ อย่าหล่ออย่างนี้

“แม่เจ้า แค่ได้คุยเรื่องเกมกับนางฟ้า ฉันก็ดีใจแล้ว” เด็กหัวเกรียนเบิกตาโต “ยังต้องคุยเรื่องอื่นอีกเหรอ?”

ป๋อจิ่วเอ่ยช้าๆ ว่า “คนที่มีแฟนแล้วเรียกผู้หญิงอื่นว่านางฟ้า เหมาะสมไหม?”

“แฟนฉันก็เป็นแฟนคลับของลั่วลั่ว ฉันก็เลยเป็นแฟนคลับตามเขาไง” เด็กหัวเกรียนมีสีหน้าจริงจัง

ป๋อจิ่วส่งเสียงรับรู้ “งั้นนายคิดว่าไง เรื่องที่เขาจะออกจากวงการ?”

“หวังว่าจะไม่เร็วขนาดนั้น” เด็กหัวเกรียนจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ป๋อจิ่วเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่รู้ว่าคิดอะไร ส่วนเด็กหัวเกรียนมองดูอยู่ด้านช้าง รู้สึกว่าผู้หญิงอะไรวะ ทำไมถึงหล่อเท่อย่างนี้ ช่างไม่เป็นธรรมเลย

ที่สำคัญคือ เขากลับทำเหมือนเธอเป็นผู้ชายไปโดยปริยายแล้ว คิดแล้วก็รู้สึกแย่ จึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ใช่แล้ว ขอร้องสักอย่างเถอะ คนเก่ง ต่อไปเวลานายโผล่หน้ามาก็อย่าได้หล่อขนาดนี้จะได้ไหม?”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “หือ?”

“นายโผล่หน้ามาทีไร แฟนฉันไม่ยอมมองหน้าฉันเลย เอาแต่ดูคลิปนายอยู่นั่นแหละ” เด็กหัวเกรียนถอนใจยาว “ฉันอุตส่าห์ไปตัดผมมาเพื่อเขานะเนี่ย แต่ไม่มีประโยชน์เลย”

ป๋อจิ่วสำรวจอีกฝ่ายอย่างเป็นปกติ “มิน่าล่ะ ทรงผมนายถึงได้เหมือนฉัน”

“หล่อป่ะล่ะ?” เด็กหัวเกรียนลูบศีรษะ ทำหน้าทำตาใส่ป๋อจิ่ว

เธอหัวเราะเบาๆ “กล้าพูดว่าหล่อต่อหน้าฉันเรอะ หาเรื่องดูถูกตัวเอง?”

เด็กหัวเกรียน “…”

“เอาละ มาพูดเรื่องจริงจังกัน” ป๋อจิ่วเล่นไฟแช็กในมือ “เรื่องติวอะ ไม่ต้องมาหาฉันหรอก ฉันแนะนำให้ไปหาแฟนนายไป จะได้ติวหนังสือไปพร้อมกับเพิ่มความสนิทกันด้วย”

เด็กหัวเกรียนถึงกับตาเป็นประกาย “คนเก่ง ทำไมนายคิดวิธีเจ๋งๆ ได้แบบนี้เนี่ย!”

“ไม่งั้น นายคิดว่าทำไมฉันถึงได้ให้ท่านเทพติวให้ล่ะ” ป๋อจิ่วยิ้ม “ไล่จีบสาวสวยทั้งที ถ้าไม่มีแผนการดีๆ จะจีบยังไง”

เด็กหัวเกรียนสะอึก “คนเก่ง นายเรียกเทพฉินแบบนี้ เขารู้หรือเปล่า?”

“จะไปสนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไม” ป๋อจิ่วพลิกไฟแช็กในมือเล่น ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ

เด็กหัวเกรียนมองออกว่าเธออยากสูบบุหรี่ จึงส่งให้มวนหนึ่ง ทว่าป๋อจิ่วกลับกวาดตามองเขาและงับอมยิ้ม “ไม่เอา”

“เฮ้ย คนเก่ง ไม่โดดเรียนก็พอว่า กระทั่งบุหรี่ก็ไม่สูบแล้วเหรอ” เด็กหัวเกรียนตะลึง

ป๋อจิ่วเลยตอบอีกฝ่าย “จะแต่งสะใภ้ทั้งทีก็ต้องทำตัวให้สะอาด แค่เลิกบุหรี่จะเป็นไรไป”

เด็กหัวเกรียน…เทพฉินคงยังไม่รู้ล่ะสิว่านายคิดว่าเขาเป็นสะใภ้

แต่การมาหาคนเก่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการติวหนังสือเพิ่มความสนิทชิดเชื้อได้ด้วย อย่างนี้เขาก็จะได้พาเธอคนนั้นไปที่บ้านด้วย

เด็กหัวเกรียนหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ อย่าเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วเขาบริสุทธิ์จะตาย

คิดได้ครู่หนึ่ง หูก็แดง พรรคพวกเจียงเฉิง 2 เห็นเข้าถึงกับแปลกใจ “ลูกพี่เป็นอะไรไป?”

“เป็นบ้าเป็นบออะไรล่ะ กลับไปเรียน เร็ว” เด็กหัวเกรียนออกคำสั่ง

พวกนั้นเริ่มลืมตัว พอจะนึกภาพออกว่า พวกเด็กเจียงเฉิง 2 ต้องถือหนังสือภาษาอังกฤษทุกวัน ก็รู้สึกว่าสุดยอด ออกไปทะเลาะกับใครไม่เป็นแล้ว จะว่ายังไงดี พลังแห่งความรักยิ่งใหญ่จริงๆ

ทว่าฝ่ายเจียงเฉิง 1 ทุกคนที่ได้เห็นป๋อจิ่ว ต่างเอามืออุดปาก เพราะเธอหล่อล้นเหลือ!

โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเพิ่งจะตัดผม แถมยังมีที่คาดผมสีดำด้วย เส้นผมสีเงินถูกเสยไปด้านหลัง ทำให้ใบหน้าเธอกระจ่างชัด หล่อเหลาเหนือใคร

……………………………………