เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 679
หลังจากนั้น

เฉินเป่ยเสวียนก็จากไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

มองไปที่แผ่นหลังที่กำลังจากไปของเฉินเป่ยเสวียน

มุมปากของหนิงชิงเฉิง ก็ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้น

ในขณะเดียวกัน

พวกหยางเฟิงก็กลับมาถึงตงไห่

เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่วิลล่าหยุนติ่งทันที

แต่พาพวกเสือขาว มาที่สถานพักฟื้นผู้ป่วยตงไห่

ภายในอาคารเล็กๆ สีขาวสองชั้นนี้

หลันเจิ้นอยู่ที่ประตูทางเข้า กำลังนอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้

รอบตัวเขา มีชายสวมชุดสูทดำรายล้อมอยู่หลายคน

คนพวกนี้ เป็นคนที่หม่าตงส่งมาเพื่อจับตาดูหลันเจิ้น

หลานเจิ้นในเวลานี้

ผมขาวไปหมดทั้งหัว และใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

ทั้งตัวดูแก่ไปมากจนผิดปกติ

การตายของหลันเฟิงและหลันจื่อ มีผลกระทบกับเขาอย่างมาก!

ตั้งแต่หลันเฟิงสองพ่อลูกตายไป

หลันเจิ้นก็โดนจับตาเฝ้าดูตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งตัวเขา เปลี่ยนไปกลายเป็นคนพิการไปแล้ว!

“คุณตา เป็นยังไงบ้างครับ”

หยางเฟิงเดินเข้าไป และถามด้วยรอยยิ้ม

หลันเจิ้นค่อยๆ ลืมตาขึ้น และเหลือบตามองหยางเฟิง: “ไม่ต้องแกล้งทำมาเป็นเห็นใจมีเมตตา ไปให้พ้นหน้าฉันซะ!”

ความรู้สึกที่หลันเจิ้นมีต่อหยางเฟิงคือ

เกลียดเข้ากระดูกดำ

แต่ถึงยังไง ตอนนี้ตัวเองก็ไม่เหลืออะไรแล้ว

หยางเฟิงก็คงจะไม่ฆ่าเขา

และเขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำพูดดีกับหยางเฟิงอีกแล้ว?

เมื่อได้ยินคำพูดของหลันเจิ้น

หยางเฟิงไม่ได้โกรธอะไร

เขายิ้มและพูดเบาๆ ว่า “ในเมื่อคุณตากำลังอาบแดดอยู่ งั้นผมไม่รบกวนคุณตาแล้ว!”

พูดจบ

หยางเฟิงก็พาเสือขาวจากไปทันที

ขณะที่มองแผ่นหลังของหยางเฟิงค่อยๆ จากไป

แววตาของหลันเจิ้นก็ส่องประกายความคลุมเครือออกมา

เขาพึมพัมกับตัวเองว่า: “หยางเฟิง ไอ้เวรนี่ ต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีอีกแน่ ดูจากทางที่มันไป คือที่ที่ไอ้แก่เย่เทียนอยู่ ดูเหมือนว่าเย่เทียนจะถึงคราวซวยแล้ว!”

หยางเฟิงเป็นคนยังไง

หลันเจิ้นรู้ดีอยู่แล้ว

นั่นก็คือ ตัวซวย

ตราบใดที่หยางเฟิงปรากฏตัวขึ้น ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เขามาหาเย่เทียน

งั้นเย่เทียน ก็ต้องโชคร้ายเป็นแน่!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น

แววตาของหลันเจิ้น ก็ปรากฏความดีใจในความซวยความเย่เทียน

เขาต่อสู้กับเย่เทียนมาตลอดชีวิต

และตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้

ทว่า ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่า

เย่เทียนก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่!

ที่อาคารสองชั้นอีกหลังหนึ่ง

จู่ๆ เปลือกตาของเย่เทียน ก็กระตุกตลอดเวลา

ในใจรู้สึกได้ถึงลางที่ไม่ดี!

ดูกับเหมือนว่า กำลังจะมีสิ่งโชคร้ายเกิดขึ้นกับเขา

ทันใดนั้น

ตึก!

ตึก!

ตึก!

มีเสียงฝีเท้าดังลอยมา

เย่เทียนหันหน้าไปดู

คือหยางเฟิง!

เมื่อเห็นหลานเขยของตัวเอง เขาทำท่าราวกับเห็นปีศาจ ร่างกายของเขาสั่นเทา และเกือบจะล้มลง

“ฮ่าๆๆ!”

หยางเฟิงหัวเราะเสียงดัง: “คุณปู่ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ!”

เย่เทียนฝืนยิ้มและพูดว่า “ก็ดี! ก็ดี! แกมาหาฉันมีธุระอะไร?”

ความคิดเดียวของเขาในตอนนี้

ก็คือรีบไล่ตัวซวยอย่างหยางเฟิงออกไปให้เร็วที่สุด!

“ฮ่าๆ!”

หยางเฟิงหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง และถามขึ้นทันที “คุณปู่ เมื่อเร็วๆ นี้มีได้เจอกับเย่ชิวบ้างไหม?”

“เย่ชิว?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หยางเฟิงพูด

หัวใจของเย่เทียนก็เต้นแรงขึ้นมา!

หมายความว่าอะไร?

หรือว่าหยางเฟิงได้เจอกับเย่ชิวแล้วหรือ?

เป็นไปไม่ได้!

เย่ชิวเข้าร่วมกับกุ่ยเหมินแล้ว

หยางเฟิงจะเคยเจอเขาได้อย่างไร?

และต่อให้ได้เจอกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่หยางเฟิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของกุ่ยเหมินได้!

หรือว่าวันนี้หยางเฟิงจะมาหลอกตน?

ชั่วพริบตา

ในใจของเย่เทียน คิดกลับไปกลับมาเป็นร้อยพันครั้ง

เขาหายใจเข้าลึก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หยางเฟิง แกกำลังล้ออะไรฉันเล่นอยู่?

เย่ชิวที่ทำให้ครอบครัวต้องโชคร้ายนั่น ไม่ใช่ว่าถูกแกหักแขนขาและโยนทิ้งไว้บนสะพานลอยเป็นขอทานไปแล้วหรอกหรือ? ฉันจะไปเจอเขาได้ยังไง?”

ขณะที่กำลังพูด

ในใจของเย่เทียน ก็ก่อเกิดความโกรธเกลียดอย่างไม่รู้จบขึ้น!

ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฟิง

หลานชายของตน ก็จะไม่กลายเป็น คนไม่ใช่คน ผีไม่ใช่ผี แบบนี้!

“โอ้? หรอครับ?”

หยางเฟิงแสร้งตีหน้ามึน และพูดว่า “คุณปู่ไม่เจอเขาเลยจริงๆ หรือครับ? งั้นก็น่าแปลกแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเหมือนเห็นเย่ชิวที่หมู่บ้านตระกูลเย่เลย หรือว่าผมจะจำคนผิด?”