ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว

ใช่ว่าจางเซวียนจะไม่อยากเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว แต่เขาไม่ได้เตรียมตัวมาจริงๆ

เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพื่อค้นหากรรมวิธีการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสูงของปรมาจารย์ขง และยกระดับวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 1 ไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์เหรินจะขอให้เขาเข้ารับการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวทันทีที่พบหน้ากัน

ใครเจอแบบเขาก็ต้องงงทั้งนั้น

“ผมตรวจสอบอาชีพรองรับของคุณแล้ว ความเชี่ยวชาญของคุณอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับนักปราชญ์รุ่นเยาว์ ด้วยความสามารถและความปราดเปรื่องของคุณ ผมไม่คิดว่าคุณจะประสบปัญหาอะไรในการทดสอบ เพียงแต่คุณจะอยากเข้ารับการทดสอบเมื่อไหร่เท่านั้นเอง” ปรมาจารย์เหรินพูดยิ้มๆ

เขาได้เห็นความเก่งกาจของชายหนุ่มมาแล้วกับตา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ วรยุทธ หรือความสามารถในด้านอื่นๆ ล้วนแต่เรียกว่าอยู่ในขั้นสุดยอดทั้งนั้น เขาสมควรจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว ในมุมมองของปรมาจารย์เหริน ไม่มีเหตุผลที่จะยื้อเรื่องนี้ออกไป

อีกอย่าง คําเชิญนี้ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาดีและความต้องการที่จะไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีจากสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่

“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ไม่ทราบว่าการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวต้องทำอย่างไรบ้าง?” จางเซวียนถาม

ในเมื่อปรมาจารย์เหรินพูดขนาดนี้ เขาก็ไม่ควรลังเลให้มากนัก

เพราะถึงอย่างไร ลงท้ายเขาก็ต้องเข้ารับการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวอยู่ดี จึงไม่จำเป็นต้องยื้อมันออกไป

ปรมาจารย์เหรินยื่นข้อเสนอให้แล้ว เขาก็ควรทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปจะดีกว่า

เพียงแต่…กระบวนการนี้ดูออกจะไม่เป็นทางการไปสักหน่อยสำหรับการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวซึ่งถือว่าสำคัญ ทำแบบนี้เหมือนกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!

“โดยทั่วไป การทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวจะมีเงื่อนไขว่าผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องประกาศจุดยืนและปรัชญาในการค้นคว้าหาความรู้ของเขา และต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามันมีประสิทธิภาพ แต่จากข้อเท็จจริงที่คุณสามารถสั่งสอนศิษย์สายตรงอย่างหวังหยิ่ง เจิ้งหยาง จ้าวหย่าและคนอื่นๆได้ ก็เกินพอแล้วที่จะพิสูจน์ความสามารถของคุณ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้การทดสอบนั้นอีก” ปรมาจารย์เหรินอธิบาย

เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวจะต้องมีค่านิยมและหลักการที่ตัวเองยึดถือในการสั่งสอนลูกศิษย์ แม้เขาจะยังไม่แน่ใจว่าค่านิยมและหลักการของจางเซวียนคืออะไร แต่ข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้มีความโดดเด่นมากมายหลายคน ก็เกินพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าปรัชญานั้นมีประสิทธิภาพ

“นอกเหนือจากนั้น ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของคุณจะต้องเหนือกว่า 27 และจะต้องได้รับการเสนอชื่อจากปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวอย่างน้อย 3 คน ซึ่งคุณก็บรรลุเงื่อนไขทั้งสองข้อนั้นแล้วเช่นกัน ดังนั้น การทดสอบอีกส่วนเดียวที่เหลือก็คือการทดสอบพละกำลัง”

“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะไม่ทำให้อะไรๆยุ่งยากเกินไป ปรมาจารย์หวัง, ลดระดับวรยุทธของคุณลงไปเป็นขั้นการพักฟื้นภายใน ขั้นต้น แล้วดวลกับปรมาจารย์จาง” ปรมาจารย์เหรินสั่งการ

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์หวังเดินออกมา เขาสูดหายใจลึก พริบตาต่อมา รังสีของเขาก็อ่อนลง ระดับวรยุทธของเขาลดลงไปเป็นการพักฟื้นภายใน ขั้นต้น

วรยุทธที่แท้จริงของเขาคือการพักฟื้นภายใน ขั้นสูง ดังนั้นการลดระดับวรยุทธจึงไม่ยากนัก ปรมาจารย์หวังยิ้มให้จางเซวียนและพูดว่า “ปรมาจารย์จาง ระวังให้ดีนะ ในเมื่อนี่เป็นการทดสอบ ผมก็จะไม่ออมมือให้คุณ!”

“ผมก็ไม่หวังอะไรแบบนั้นหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ

เห็นปรมาจารย์หวังเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว จางเซวียนก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว

เกิดเสียงคำรามลั่น ปรมาจารย์หวังตอบโต้ด้วยหมัดของเขาเช่นกัน

ตุ้บ!

พลั่ก!

อ๊ากกกกกกกกก!

ปรมาจารย์หวังกระเด็นหายลับไป

“เอ่อ…”

บรรดาปรมาจารย์ในห้องนั้นพากันตัวแข็ง

นี่คือประสิทธิภาพการต่อสู้ของนักรบระดับเซียนขั้น 9 จริงๆหรือ?

ต่อให้พวกเขาต้องเข้าโจมตี ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ดีกว่าปรมาจารย์หวัง!

“แม้ระดับวรยุทธของคุณจะยังไม่ถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่การที่คุณเอาชนะปรมาจารย์หวังได้ก็บ่งบอกว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของคุณเทียบเท่ากับขั้นนั้นแล้ว…ปรมาจารย์หลิว ช่วยเตรียมตราสัญลักษณ์ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวให้ที นับจากวันนี้ไป ปรมาจารย์จางคือปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งเช่นกัน!” ปรมาจารย์เหรินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้

“แค่นี้หรือ?” จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาแทบไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าตอนนี้เขายืนอยู่ในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือรองประธานสภาปรมาจารย์ เขาคงคิดว่าถูกพวกต้มตุ๋นหลอกลวงปั่นหัวเอา

เข้ามาในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ได้เพียงครึ่งชั่วโมง เขาก็สอยชายคนหนึ่งกระเด็นไป และในชั่วพริบตา ก็ประสบความสำเร็จในการได้เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว…

ขนาดการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวที่เขาเคยผ่านมายังไม่ง่ายดายขนาดนี้เลย!

ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่ลำบากลำบนไต่เต้าอย่างที่ผ่านมา ก็แค่รับการทดสอบเข้ารับการทดสอบเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวไปเลยและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในรวดเดียว!

“ในเมื่อคุณได้เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวอย่างเป็นทางการแล้ว คุณก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้…” ปรมาจารย์เหรินไม่ใส่ใจสีหน้าอึ้งตะลึงของจางเซวียน เขาพูดต่ออย่างเคร่งขรึม

รู้ดีว่าเรื่องที่คนเหล่านี้กำลังจะหารือกันจะต้องเป็นความลับ หลัวลั่วชิงจึงหันมาพูดกับจางเซวียน “ฉันจะรอคุณอยู่ด้านนอกนะ”

จากนั้นเธอก็ออกไปจากห้อง

จางเซวียนรู้ว่าปรมาจารย์เหรินกับคนอื่นๆคงจะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าฟังการประชุม เขาจึงไม่ยับยั้งเธอ

เขาหันไปส่งสายตาตั้งคำถามใส่เหรินชิงหยวนและถามว่า “เป็นการประชุมเรื่องอะไร พวกคุณถึงได้รีบร้อนกันขนาดนี้?”

ถึงตอนนี้ เขารู้แล้วว่าทำไมปรมาจารย์เหรินกับคนอื่นๆถึงกระตือรือร้นที่จะมอบตำแหน่งปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวให้ ก็เพราะเขาจะได้มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมนั่นเอง

“มันเป็นเรื่องของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น…พวกมันยกกองกำลังจำนวนมากเข้ามาในทวีปแห่งปรมาจารย์แล้ว!” เหรินชิงหยวนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นยกกองกำลังจำนวนมากเข้าบุกรุกทวีปแห่งปรมาจารย์?” จางเซวียนถึงกับชะงัก

ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งที่จางเซวียนเคยพบมาก่อนเดินไปที่ผนังและชี้แผนที่ที่อยู่บนนั้น

มันเป็นแผนที่ของทวีปแห่งปรมาจารย์ทั้งทวีป มีจุดสีแดงมากมายถูกทำเป็นเครื่องหมายไว้

“ทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ มีอาณาจักรใต้ดินที่เชื่อมต่อกับสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจรวมแล้วทั้งหมดก็ 108 แห่ง เมื่อครู่นี้เราจับความเคลื่อนไหวของพวกมันได้ การโจมตีนั้นกะทันหันเสียจนกองกำลังของสภาปรมาจารย์และสภายอดขุนพลที่ตรึงกำลังอยู่ไม่อาจรับมือไหว” ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนนั้นพูด

“อาณาจักรใต้ดิน 108 แห่ง?” จางเซวียนอึ้ง

เขารู้ว่ามีอาณาจักรใต้ดินอยู่จำนวนหนึ่งทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ไม่คิดว่าจะมีจำนวนมากขนาดนี้

ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าโจมตีอาณาจักรใต้ดินทุกแห่งพร้อมๆกัน ต่อให้กองกำลังของสภาปรมาจารย์ก็คงยับยั้งพวกมันได้ยาก

“มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่?” จางเซวียนตั้งคำถามด้วยความร้อนใจ

“ผมก็ไม่แน่ใจในรายละเอียด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเราปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ทัน มันเริ่มจากการโจมตีอย่างลับๆในอาณาจักรใต้ดินบางแห่งเมื่อวันก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่เรารับมือไหว เดิมทีพวกเราตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับภายในสภาปรมาจารย์ แต่การบุกรุกนั้นขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และกว่าเราจะรู้ตัว ฉนวนบางแห่งก็เริ่มถูกทำลายแล้ว และปรมาจารย์หลายคนก็ได้รับบาดเจ็บ” ปรมาจารย์เหรินพูด

“การโจมตีหนักหน่วงขนาดนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า?” จางเซวียนถาม

“มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ไม่เคยเกิดกับอาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่งพร้อมกันแบบนี้” ปรมาจารย์เหรินส่ายหน้า “สภาปรมาจารย์ได้ส่งกองกำลังของปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวเกือบทั้งหมดที่เรามีออกไป แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจไปได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าฉนวนทั้งหมดจะถูกทำลายภายใน 10 วัน ทำให้เกิดการบุกรุกทวีปแห่งปรมาจารย์ครั้งใหญ่!”

“10 วัน?” จางเซวียนกำหมัดแน่น

เขาคิดไม่ถึงว่าเวลาจะกระชั้นขนาดนั้น

เป็นความจริงที่ว่าตอนนี้กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจถือไพ่เหนือกว่า แต่การโจมตีลักษณะนี้ก็จะสร้างความสูญเสียให้พวกมันมากเหมือนกัน ตอนนี้พวกมันมีเวลาเหลือเฟือ ยิ่งยื้อเวลาออกไป จำนวนนักปราชญ์โบราณที่เป็นมนุษย์ที่จะรับมือกับพวกมันได้ก็จะยิ่งมีน้อยลง

ในเมื่อพวกมันรอมาหลายหมื่นปีแล้ว แน่นอนว่ามันย่อมเต็มใจที่จะรอนานออกไปอีกหน่อยเพื่อลดความสูญเสียของตัวเอง

น่าหงุดหงิดเหลือเกินที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจเลือกโจมตีในเวลานี้

หรือว่า…

จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารีบตั้งคำถาม “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการปรากฏขึ้นของวิหารแห่งขงจื๊อหรือเปล่า?”

นอกเสียจากเรื่องนี้ เขาก็คิดไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกโจมตีมวลมนุษย์อย่างกะทันหัน

“คลื่นรบกวนของมิติที่อยู่รอบวิหารแห่งขงจื๊อดูจะแข็งแกร่งขึ้นทุกที เป็นสัญญาณว่าวิหารแห่งขงจื๊อน่าจะปรากฏเร็วๆนี้ พวกเราได้ตรึงกำลังปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวไว้จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าพันธุ์ปีศาจลักลอบเข้าไป จึงมีกองกำลังไม่พอที่จะรับมือกับการโจมตีอาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่ง…ผมเชื่อว่าป่านนี้ตระกูลจางกับกลุ่มอำนาจอื่นๆคงจะรู้ข่าวเรื่องการบุกรุกแล้ว และเราอยากขอร้องพวกคุณอย่างเป็นทางการให้ช่วยเรารับมือกับกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจ!”

ปรมาจารย์เหรินมองหน้าจางเซวียนอย่างเคร่งเครียด นัยน์ตาของเขาฉายความคาดหวังขณะที่พูดต่อ “สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นใจให้พวกเราเลย มนุษยชาติจะต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่งเพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้!”

“คือ…”

ในที่สุดจางเซวียนก็เข้าใจว่าทำไมปรมาจารย์เหรินกับคนอื่นๆถึงรีบร้อนมอบตำแหน่งปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวให้เขา

ในฐานะปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์ เขามีความรับผิดชอบที่จะต้องปกป้องมวลมนุษย์ในยามคับขัน เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์เหรินกับคนอื่นๆรู้ข่าวที่เขารับตำแหน่งหัวหน้าของทั้ง 3 ตระกูลชั้นนำแล้ว และต้องการดึงเขาเข้าร่วมสงครามครั้งนี้

เพราะหาก 3 ตระกูลชั้นนำ ศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็ง ห้องโถงแห่งยาพิษ…หากกลุ่มอำนาจเหล่านี้ผนึกกำลังกัน ก็จะมีกองกำลังมากพอที่จะชี้ชะตาของทวีปแห่งปรมาจารย์ทั้งทวีปได้!

แม้แต่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ก็ไม่อาจประเมินพละกำลังของพวกเขาต่ำไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมล่าถอยให้กลุ่มอำนาจดังกล่าวเมื่อครั้งการต่อสู้ที่เมืองหลวงแห่งสมาพันธ์นานาจักรวรรดิ

จางเซวียนพยักหน้ารับอย่างเคร่งเครียด เขาพูดต่อโดยไม่ลังเล

“เพื่อมวลมนุษย์ ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้!”