ไม่เพียงแต่หานลี่ คนอื่นเมื่อเห็นตัวอักษรโบราณเหล่านี้ที่อยู่บนจอ ก็รู้สึกถึงความวุ่นวายเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กลับไม่มีผู้ใดเอ่ยปากสักคน

ของเหล่านี้ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากในแดนวิญญาณเลย แม้แต่คนของแดนทมิฬเองล้วนไม่อาจแน่ใจเลยว่าคนที่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนจะมีของที่พวกเขาต้องการ หรือแม้แต่จะเอ่ยทางออกสุดท้ายออกมาว่าใช้ศิลาวิเศษและยาวิเศษล้วนสามารถแลกได้ก็ตาม

แน่นอนว่าที่เป็นไปได้กว่าก็คือ การมีอยู่ของวัสดุหายากเหล่านี้ จึงไม่ยินดีที่จะเอาออกมาแลกของล้ำค่าประหลาดที่คุณค่าจิ๊บจ๊อยอย่างนี้

ฆ้องฉีเทียนชิ้นนี้ ว่ากันแล้วสำหรับคนที่มีอำนาจเท่านั้นถึงจะได้ใช้

หานลี่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูชื่อสิ่งของบนม่าน ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย

“ไม่มีไม้วิญญาณหิมะยาวสามจั้ง ไม่ทราบว่าหนึ่งท่อนที่ยาวหนึ่งจั้ง เพิ่มศิลาวิเศษอีกจำนวนหนึ่ง จะสามารถแลกเปลี่ยนฆ้องฉีเทียนนี้ได้หรือไม่” ยังคงเป็นเสียงที่เย็นชานั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหญิงสาวผู้นี้ปรารถนาของล้ำค่านี้นัก

“นี่เกรงว่าจะไม่ได้ ขนาดความใหญ่เล็กของไม้วิญญาณหิมะสำคัญกับพวกเรานัก หากน้อยไปเพียงเฟินเดียว ล้วนไม่สามารถใช้ในการใดได้” บุรุษใบหน้าสีทองส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล

“นี่มันช่างน่าเสียดายนัก ผู้น้อยแม้ว่าจะอยากได้ฆ้องฉีเทียนนี้มากนัก แต่ทำได้เพียงตัดใจเสียแล้ว” หญิงผู้นั้นถอนใจ และก็ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก

“หากไม่มีวัสดุเหล่านี้ที่ทางอาณาจักรของท่านต้องการ ใช้สิ่งของอื่นมาแลกเปลี่ยนได้หรือไม่” มีคำถามที่ไร้อารมณ์ดังขึ้นมาจากกลางศาลาลอยฟ้าที่อยู่ในมุมห่างไกล

“ตามหลักการแล้วแน่นอนว่าได้ แต่พวกข้าจะรับแค่ของที่ต้องการเท่านั้น นั่นยังต้องมีระดับเดียวกันกับของที่พวกเรากำหนดให้ด้วย หากเป็นของธรรมดา สหายทั้งหลายก็ไม่ต้องทำออกมาหรอก” บุรุษใบหน้าสีทองกล่าวตอบด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ

เมื่อได้ฟังบุรุษใบหน้าสีทองกล่าว คนที่เอ่ยออกมาราวกับลังเลไปชั่วขณะ แต่ไม่นาน ก็เอ่ยอีกครั้งว่า

“ในเมื่อสหายเอ่ยออกมาอย่างนี้แล้ว ไม่ลองดูของในมือข้าก่อนเล่า ว่าจะเข้าตาท่านหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ มีเสียงนกกระเรียนอันไพเราะดังขึ้นจากศาลาหินนั้น

นกกระเรียนสีขาวเหมือนหิมะ บินออกจากศาลาหินพร้อมคาบกล่องไม้สีดำห้อยเอาไว้ มันบินไปอย่างสง่างามสู่กลุ่มแสงสีขาวที่ปกคลุม

และก็ไม่ทราบได้ว่า บุรุษใบหน้าสีทองบนเวทีนั้นเล่นตุกติกอะไรหรือไม่ กระเรียนขาวนั้นเหมือนจะไม่ถูกขัดขวางเลย มันทะลุผ่านแสงปกคลุมนั้น

เพียงบุรุษใบหน้าสีทองผายมือ กระเรียนขาวก็อ้าปาก กล่องไม้นั้นก็ตกลงสู่มือเขาอย่างมั่นคง

แต่นกกระเรียนขาวเองก็บินวนอยู่เหนือแท่นหิน ไม่ถลาลงหรือตั้งใจจะกลับทันที

ชายหน้าทองได้เปิดกล่องไม้สีดำในมือของเขา มีแสงสีเขียวจาง ๆ ส่องออกมาจากกล่องนั้น

ทันทีที่ชายหน้าทองเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องอย่างชัดเจน รูม่านตาของเขาก็ลดน้อยลง และใบหน้าหลังหน้ากากก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน

ก็ไม่พบว่าเขาได้เล่นตุกติกอะไร เพียงแต่แววตาของเขานั้นหมุนเวียนไปมาไม่แน่นอน จ้องไปที่สิ่งของในกล่องเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไร

เจ้าของนกกระเรียนขาวรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังประเมินสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ดังนั้นจึงตั้งใจไม่เอ่ยอันใด

คนอื่นบนศาลาลอยฟ้า แน่นอนว่าต้องสงสัยว่าของในกล่องไม้คืออะไร ต่างก็รู้สึกวุ่นวาย แต่ไม่ช้าก็กลับคืนสู่ความสงบ

หากของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนฆ้องฉีเทียนไม่ได้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องยังมีโอกาสแน่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่รีบร้อนในตอนนี้

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่ บุรุษใบหน้าสีทองที่สายตายุ่งยากในที่สุดก็ถอนหายใจยาวด้วยความเสียดาย

“อย่างไรเล่า สหายยังไม่ต้องใจสมบัติของข้าสิ่งนี้อีกหรือ” เจ้าของกระเรียนขาวราวกับประหลาดใจเล็กน้อย

“หากพูดถึงของสิ่งนี้ของสหาย ในเวลาปกติคุณค่าของมันแน่นอนว่าต้องไม่ด้อยไปกว่าของที่ข้ามีรายนามไว้ แต่หากจะนำมาใช้จริงๆ อย่างน้อยต้องใช้เวลาบ่มเพาะหมื่นกว่าปี แต่ภัยพิบัตินั้นก็ระเบิดขึ้นในพันปีนี้แล้ว อาณาจักรนี้ตอนนี้ยังยินดีที่จะแลกเปลี่ยนศิลาวิเศษและวัสดุอื่นที่ใช้ได้จริง” บุรุษใบหน้าสีทองเอ่ยตอบอย่างอ้อมๆ

จากนั้นเขาก็ปิดฝากล่องไม้และโยนวัตถุนั้นขึ้นไปในอากาศ

นกกระเรียนขาวโฉบลงมาพร้อมกับร้องเสียงดัง ปากของมันคว้ากล่องไม้อีกครั้ง จากนั้นหันหลังกลับและรีบวิ่งออกจากหน้ากาก แล้วบินตรงไปยังศาลาลอยฟ้าที่มีเจ้าของของมันอยู่

“นั่นมันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน” หลังจากที่เจ้าของนกกระเรียนขาวเงียบไปพักหนึ่ง หลังจากที่เอ่ยว่าน่าเสียดายก็ไม่ได้เอ่ยคำใดอีกเลย

“ยังไม่มีนักพรตท่านอื่นยินดีที่จะนำของมาแลกอีกหรือ หากไม่มี อย่างนั้นข้าก็จะประกาศศิลาวิเศษชั้นสูงและยาวิเศษอายุพันปีขึ้นไปมาประมูลแลกของสิ่งนี้มาโดยตรงเท่านั้น” บุรุษใบหน้าทองเห็นว่าคงไม่มีผู้ใดที่ยินดีจะแลกเปลี่ยนแล้ว เขาคิ้วขมวด ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างจนใจ

ใช้ศิลาวิเศษหรือยาวิเศษมาประมูลฆ้องฉีเทียนชิ้นนี้ แน่นอนว่าเป็นวิธีการที่ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว

แต่รอบด้านในความว่างเปล่านั้นเงียบสนิทไร้เสียงใด และก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรต่อ

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นข้าขอประกาศ……” บุรุษใบหน้าทองหัวเราะชมขื่นหนึ่งที เมื่ออยากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่ในตอนนี้ เสียงแหบพร่าของชายคนหนึ่งจู่ๆ ก็ดังขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า

“ช้าก่อน ในมือข้าดันมีของที่อาณาจักท่านอยากได้พอดี ไม่สิ น่าจะบอกว่าพวกมันน่าจะล้ำค่าเสียยิ่งกว่า สหายอยากเห็นหรือไม่”

หญิงสาวหมายเลขสิบเอ็ดที่กำลังตบไหล่เบาๆ ให้หานลี่ด้านหลัง มือพลันชะงักไป ก่อนสีหน้าจะปรากฏความตกตะลึงออกมา

แน่นอนว่าชายคนที่เอ่ยเมื่อครู่คือหานลี่

เวลานี้มือข้างหนึ่งของเขาหงายขึ้น กล่องหยกสีเหลืองโผล่ออกมา

“สหายหากมีของดีอย่างที่ว่า โปรดนำออกมา ข้าจะไม่ให้ท่านเสียเปรียบแน่นอน” เมื่อได้ฟังหานลี่เอ่ย บุรุษใบหน้าสีทองก็เหมือนเส้นประสาทกระตุก รีบร้อนเอ่ยออกมาจากอย่างดีใจ

หานลี่เพียงยิ้มและไม่เอ่ยอะไร เสื้อคลุมยาวของเขาสะบัด และงูสีขาวใสก็โผบินออกไป มันส่ายหัวและสะบัดหางของมัน มันกลืนกินกล่องหยกเข้าไป และมันก็กลายเป็นลำแสงสว่างก่อนระเบิดตัวแล้วพุ่งออกไป

“หืม”

 เมื่องูขาวบินเข้าไปในท่ามกลางแสงสีขาว ก็ค่อย ๆ ตกลงมาต่อหน้าบุรุษใบหน้าสีทอง หลังจากกวาดตามองร่างของงูขาว ดวงตาของเขาก็วาบขึ้นเล็กน้อย ปรากฏสายตาที่แตกต่างออกมา

ราวกับเขามองเห็นหุ่นเชิดที่อยู่ตรงหน้านี้ และมันดูจะไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดอื่น

แต่ในเวลานี้ ดวงตาของงูขาวเป็นประกายด้วยแสงเย็นชา และเพียงมันอ้าปาก ก็คายกล่องหยกดำใต้ปากออกมา

เมื่อเทียบกับความแปลกประหลาดของหุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว บุรุษใบหน้าสีทองนั้นสนใจวัสดุในกล่องหยกมากกว่าปกติ หลังจากที่รับเอาไว้ได้แล้ว เขาก็เปิดฝาอย่างระมัดระวังทันที

มีลูกบอลแสงสีดำจางๆลอยอยู่ในนั้น และในลูกบอลแห่งแสงนั้นมีสีเงินแวววาว หญ้าจิตวิญญาณขนาดหลายนิ้วอยู่

“หญ้าหงส์ทมิฬหรือ” บุรุษใบหน้าสีทองอุทานเสียงต่ำๆ ออกมาทันที ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี

ในขณะนี้ เสียงแผ่วเบาของหานลี่ก็ดังขึ้นในหูของเขา

“ไม่ผิด หญ้าหงส์ทมิฬแน่นอน และหญ้าหงส์ทมิฬไม่รู้เติบโตมากี่แสนปีแล้ว สรรพคุณทางยาอาจกล่าวได้ว่าเกินเจ็ดหมื่นปีที่อาณาจักรของคุณกำหนดเสียด้วยซ้ำ”

“หลายแสนปีรึ” บุรุษใบหน้าสีทองยังไม่ทันได้พิสูจน์ด้วยซ้ำ ก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนแล้ว

และเขาก็ไม่ได้รอให้หานลี่ตอบอะไรออกมา รีบแผ่กระแสจิตลงไป นำหญ้าวิเศษสีเงินในกล่องหยกปกคลุมไว้ด้านในอย่างสมบูรณ์ ก่อนเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด

หานลี่ที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

หญ้าวิเศษชนิดนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่ต้นที่เขาได้รับมาจากสวนสมุนไพรรกร้างของอาณากว้างเย็นต้องห้าม

แต่ส่วนใหญ่ในนั้นได้แลกเปลี่ยนให้แก่ตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ที่เมฆาสวรรค์เมื่อคราที่เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องแผ่นดินใหญ่แล้ว ในวันนี้จึงเหลือเพียงต้นเดียวที่เก็บไว้สำหรับเป็นเมล็ดพันธุ์เท่านั้น

โชคดีที่เมล็ดของหญ้านี้เป็นเมล็ดพันธุ์ดี ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงเมืองเทียนหยวน ก็ใช้เทคนิคลับพิเศษในการสังเคราะห์เมล็ดพันธุ์ออกมาเก็บไว้

ในมือตอนนี้ ยังคงมีหญ้าหงส์ทมิฬที่ไม่สมบูรณ์อีกเล็กน้อย ในตอนนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

แน่นอนว่ายังมียาวิเศษหายากในโลกวิญญาณอื่นที่คุณค่าของมันไม่ด้อยไปกว่าหญ้าหงส์ทมิฬเลย

หากในรายนามของที่บุรุษใบหน้าสีทองต้องการแลกเปลี่ยนนั้นไม่มีหญ้าหงส์ทมิฬ ก็ช่างมันเถอะ หานลี่มิได้คิดจะแลกเปลี่ยนกับฆ้องฉีเทียนเลย

ในวันนี้ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการหญ้านี้ สถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนี้สามารถเพิ่มมูลค่าของหญ้านี้ได้แล้ว

อีกอย่าง ฆ้องฉีเทียนนี้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการฝึกวิชาในเผ่ากลายพันธุ์ เขาเลยสนใจอยู่หลายส่วน

ดังนั้น หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในที่สุดหานลี่ก็ตัดสินใจพูดขึ้น

เวลาประเมินคราวนี้ดูระมัดระวังมากกว่าครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด และมันยาวนานกว่านั้นอีก

หลังจากนั้นไม่นาน บุรุษใบหน้าสีทองก็ถอนหายใจและในที่สุดก็จบการประเมิน แต่เขาไม่พูดอะไร มีเพียงริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย แต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา และเขาก็ไปที่การส่งสัญญาณเสียงไปยังหานลี่เช่นเดียวกัน

“สหายไปได้หญ้าหงส์ทมิฬนี้มาจากที่ใดกัน แม่ว่าจะไม่อาจตรวจสอบอย่างละเอียดได้ แต่อย่างน้อยก็มีคุณสมบัติยาสองแสนปีขึ้นไป สหายแน่ใจในอายุที่แท้จริงของหญ้าวิเศษนี้หรือ”

แม้ว่าบุรุษใบหน้าสีทองจะไม่พูดเสียงดัง แต่ก็ยากที่จะปิดบังความตื่นเต้นของเขา

“ข้าเองก็ไม่มีความสามารถนี้ ไม่อย่างนั้นนอกเสียจากว่าจะหล่อหลอมมันเป็นยาลูกกลอน จึงจะสามารถมั่นใจได้อย่างชัดเจน แต่ที่สามารถยืนยันได้ก็คืออายุของหญ้าวิเศษนี้มีมากกว่าสองแสนปีแน่นอน อาณาจักรของท่านสนใจในเรื่องนี้หรือไม่” หานลี่ส่ายหน้าพลางตอบ

“อายุปีของหญ้าวิเศษนี้แน่นอนว่าเพียงพอ แต่หญ้าวิเศษนี้สำหรับพวกเรามันขาดแคลนเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น หากเป็นอย่างนี้ คุณค่าก็คงต้องขอลดราคาลง” ดวงตาของชายหน้าทองเป็นประกายและเอ่ยออกมาช้าๆ

“เมล็ดพันธุ์ของหญ้าวิเศษนี้ถูกข้าสลัดเก็บไว้แล้เพื่อใช้ในการอื่น สหายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว  เมล็ดพันธุ์หญ้าหงส์ทมิฬนี้แทบจะไม่มีคุณค่าอะไรเลย แต่หญ้าวิเศษที่มีอายุยาวนานเช่นนี้ หากสหายพรตนำเพียงฆ้องฉีเทียนออกมา ข้าต้องไม่ยินดีแลกเปลี่ยนแน่ หากคิดจะแลกเปลี่ยนของสิ่งนี้จริง ก็เอาความจริงใจมาพูดกันเถิด ไม่ได้มีอีกหลายชิ้นหรอกหรือ ไม่อย่างนั้นข้าเองยินดีที่จะเก็บเอาไว้แลกกับสหายท่านอื่นที่ข้าต้องการดีกว่า” หานลี่หรี่ดวงตาทั้งสองลง ก่อนส่งเสียเย็นชาออกมา

“ของชิ้นนี้ค่อนข้างสำคัญ โปรดรอจนกว่าข้าจะปรึกษากับคนอื่น ๆ แล้วข้าจะตอบสหายทีหลัง” บุรุษใบหน้าสีทองลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบอย่างเคร่งขรึม

“ย่อมได้แน่นอน” แน่นอนว่าหานลี่รับปากทันที

ดังนั้นบุรุษใบหน้าสีทองจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคุยกับใครสักคน มีใครซ่อนอยู่ที่ไหน

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ คนอื่นๆ ในห้องโถงทั้งหมด แน่นอนว่าต่างมีสีหน้าต่างกันออกไป

ไม่นานนักที่บุรุษใบหน้าสีทองได้พูดคุยกับคนอื่น เพียงไม่กี่คำเท่านั้น ก็ราวกับได้ตัดสินอะไรแล้ว

วินาทีถัดมา หูของหานลี่ก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง

“สหายโปรดฟังให้ดี นอกจากฆ้องฉีเทียนที่อยู่ตรงหน้านี้ พวกเขาจะนำของออกมาอีกอย่างจากของทั้งหมดมอบแก่ท่าน แต่ของชิ้นที่สอง สหายก็จะไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกอีกต่อไป แน่นอนว่าสหายต้องไม่พอใจแน่ หากยินดีจะตัดใจจากของสิ่งนี้ แน่นอนว่าพวกเราจะชดเชยสหายพรตด้วยศิลาวิเศษจำนวนมากแน่”