บทที่ 507 ขอโทษต่อวิหารเมืองหยุนเมิ่ง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 507 ขอโทษต่อวิหารเมืองหยุนเมิ่ง

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ชาวเมืองที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความลุ้นระทึก

หลายคนรู้สึกว่าคำสวดภาวนาของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมาแล้ว

สถานการณ์ทุกอย่างบ่งบอกว่าฝ่ายวิหารเมืองหยุนเมิ่งกำลังจะเป็นผู้ชนะ

บรรดามือกระบี่จากต่างถิ่นล้วนแล้วแต่ตกตะลึงในความเก่งกาจของตัวแทนจากฝ่ายวิหาร

การตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้าในครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปี

เว่ยหมิงเฉินได้เปิดเผยถึงขุมกำลังที่ตนเองซุกซ่อนไว้

แต่ก็ยังต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ยกเว้นเพียงในสนามรบศักดิ์สิทธิ์จุดที่สาม ที่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

ส่วนการต่อสู้ในสนามรบอีก 5 จุด ฝ่ายของเว่ยหมิงเฉินพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

แม้แต่ในการต่อสู้ของสนามรบศักดิ์สิทธิ์จุดที่สาม ตัวแทนจากเว่ยหมิงเฉินก็ไม่ใช่ฝ่ายได้เปรียบแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่เยว่เว่ยหยางน่าจะเป็นผู้มีฝีมือระดับต่ำต้อยที่สุดของตัวแทนฝ่ายวิหาร แต่ยิ่งต่อสู้กันไปนานมากเท่าไหร่ นักบวชสาวก็ยิ่งเปิดเผยถึงความร้ายกาจของตนเองออกมามากเท่านั้น

ทันใดนั้น ภาพบนจอถ่ายทอดสดก็กลายเป็นจุดซ่า

การต่อสู้จบลงแล้ว

หน้าจอถ่ายทอดสดดับวูบ

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ายอาคมแห่งนั้น

ด้วยเหตุนี้ ชาวเมืองทุกคนจึงมั่นใจว่าตัวแทนฝ่ายวิหาร ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

“เรียบร้อย”

“เราชนะ วิหารของเราชนะ…”

“ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าเทพีกระบี่ต้องช่วยเหลือพวกเรา”

“ประเสริฐที่สุด”

“ขนาดหลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้แสดงฝีมือ พวกเราก็เป็นฝ่ายชนะแล้วนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”

ชาวเมืองส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังสนั่นหวั่นไหว

ครืน!

ทันใดนั้น บนท้องฟ้ากลับเกิดเสียงฟ้าคำราม

กลุ่มก้อนเมฆดำรวมตัวกลายเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่

เมื่อมีเสียงฟ้าคำราม ในกลุ่มเมฆดำก็เริ่มมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบให้เห็น

“ไม่นะ ฝนจะตกอีกแล้วหรือ?”

“ปีนี้มันเป็นปีอาเพศอะไรกัน?”

“พวกเราไปทำอะไรให้เทพมังกรโกรธแค้นนักหรือไง?”

“ถ้ามีฝนตกลงมาอีกครั้ง เมืองหยุนเมิ่งของพวกเรา คงได้กลายเป็นเมืองบาดาลแน่ๆ”

เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของชาวเมืองขาดหายไป ในขณะที่พวกเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความพิศวง

เมื่อสักครู่ ท้องฟ้ายังแจ่มใส แล้วอยู่ดีๆ มีเมฆฝนก่อตัวได้อย่างไร

“พวกเรารอดูกันต่อดีกว่า รอให้มีการประกาศชัยชนะ แล้วเราค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน”

“ใช่ๆ ฝนตกแค่เล็กน้อย ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก”

“ท่านนักพรตหญิงชินกับตัวแทนคนอื่นๆ น่าจะออกมาจากค่ายอาคมได้แล้วนะ”

“พวกเรามาสวดมนต์กันต่อดีกว่า เอาให้มั่นใจว่าเทพีกระบี่ได้ยินเสียงของพวกเราจริงๆ”

บรรดาเจ้าหน้าที่ขุนนางระดับสูงและพ่อค้าคนใหญ่คนโตประจำเมือง ต่างก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้วเช่นกัน

พ่อค้าวาณิชรายใหญ่อย่างเช่นเจาโจวหยานปรากฏตัวรวมอยู่ในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว และขอเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยสวดภาวนาให้วิหารเมืองหยุนเมิ่งรอดพ้นจากอันตราย

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังรักษาท่าที

แต่เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงตอนนี้ ตัวแทนจากฝ่ายวิหารเมืองหยุนเมิ่งน่าจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นั่นหมายความว่าเมืองหยุนเมิ่งกำลังจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้น ถึงจะยังไม่รู้ผลแพ้ชนะแน่นอน แต่เหล่าพ่อค้าและขุนนางระดับสูง ก็ต้องแสดงตัวตนว่าตนเองอยู่ฝ่ายเดียวกับชาวเมืองแล้ว

ในทางกลับกัน พวกของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อัน กำลังมีสีหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

แผนการทุกอย่างพังทลาย

ผู้พ่ายแพ้กลับไม่ใช่ศัตรู

ในหัวใจของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันเริ่มเกิดความรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว

หากเมืองหยุนเมิ่งสามารถผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ไปได้ ตัวเขาเองก็คงต้องถึงจุดจบเป็นแน่แท้

ทันใดนั้น องครักษ์ชุดเทาคนหนึ่งได้โน้มตัวเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของท่านอ๋อง

ชายชรามีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาทันที

“ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อัน “พวกเจ้าตามข้าขึ้นเขาไปจับตัวพวกนักบวชหญิงเดี๋ยวนี้”

หลังจากนั้น ท่านอ๋องก็นำกลุ่มองครักษ์หลายสิบชีวิตเดินขึ้นไปบนภูเขา

“เราจะให้พวกนางได้ชำระบาป”

“พวกเราไปยลโฉมนักบวชสาวเหล่านั้นกันเถิด”

ในบริเวณที่มือกระบี่จากต่างถิ่นยืนรวมกลุ่มกันอยู่นั้น ห่างออกไปเป็นกลุ่มคนของหน่วยนักรบมังกรดำ บัดนี้ นายทหารเหล่านั้นกำลังร้องคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล ก่อนจะหยิบจับอาวุธและเดินขึ้นเขาตามพวกของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันไปติดๆ

เมื่อกลุ่มนายทหารของหน่วยนักรบมังกรดำที่เฝ้าอยู่บนภูเขา เห็นกลุ่มคนของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันเดินขึ้นมา พวกเขาก็พร้อมใจกันหลีกทางให้โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายออกคำสั่ง มิหนำซ้ำ กลุ่มนายทหารบางส่วนยังติดตามท่านอ๋องขึ้นไปสู่ยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งอีกด้วย

“ทำไมคนพวกนั้นถึงมุ่งหน้าขึ้นไปบนยอดเขาแล้วล่ะ?”

เจาโจวหยานและกลุ่มชาวบ้านเห็นดังนั้น ก็ให้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

ชัยชนะครั้งนี้ตกเป็นของวิหารเมืองหยุนเมิ่ง การที่กลุ่มนายทหารเดินขึ้นเขาไปเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าพวกเขาคงจะต้องขึ้นไปขอโทษพวกนักบวชสาวบนวิหารแน่นอน

“พวกเราก็ขึ้นไปบ้างดีกว่า”

“พวกเราไปสวดภาวนาเพื่อเป็นการขอบคุณต่อรูปปั้นเทพีกระบี่กันเถอะ”

“ฮ่าฮ่า จริงด้วยสิ เหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ พวกเราจะพลาดไปได้อย่างไร”

ชาวเมืองส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความคึกคักอีกครั้ง

หลังจากตกอยู่ในความหวาดกลัวมาหลายวัน สุดท้าย วันนี้ทุกคนก็สามารถผ่อนคลายอารมณ์ได้เสียที

กลุ่มชาวเมืองยกขบวนเดินขึ้นไปบนภูเขา

แต่ว่า…

“หยุดอยู่ตรงนั้น”

ระหว่างทางขึ้นเขากลับมีกองกำลังของหน่วยนักรบมังกรดำยืนปิดถนน

“พวกเจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ใครดึงดันเดินขึ้นมา รับรองว่าได้ตายก่อนที่จะรู้ตัว!”

หัวหน้ากลุ่มนายทหารพูดด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความอำมหิต ระหว่างนั้น กระบี่ที่เหน็บอยู่ข้างเอวก็ถูกชักออกมาจากฝักและยกขึ้นชี้หน้าชาวเมือง “คำสั่งยังไม่มีการยกเลิก พวกเจ้าจะเดินขึ้นเขาไปไม่ได้เด็ดขาด”

กลุ่มชาวเมืองพร้อมใจกันอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เป็นไปได้อย่างไร?”

“เพราะเหตุใด?”

“แล้วทำไมพวกท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันถึงเดินขึ้นไปได้ล่ะ”

ชาวเมืองบางส่วนเริ่มเกิดความไม่พอใจ

พวกเขาตะโกนเสียงด้วยความไม่สบอารมณ์

หัวหน้ากลุ่มนายทหารตอบกลับ น้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าไม่มีหน้าที่อธิบายให้พวกเจ้าฟัง”

“แบบนี้มันไม่ยุติธรรม”

เด็กหนุ่มในชุดลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามคนหนึ่ง เดินออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีฉุนเฉียว “วิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งเป็นของพวกเรา ในเมื่อคนต่างถิ่นสามารถขึ้นไปได้ แล้วเหตุไฉนพวกเราจะขึ้นไปไม่ได้…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

วูบ!

คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า

เด็กหนุ่มเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

เขาได้แต่ก้มหน้ามองกระบี่ที่เสียบแทงอยู่บนหน้าอกและพูดว่า “เจ้า เจ้า…”

หัวหน้ากลุ่มนายทหารชักกระบี่กลับคืนไป ก่อนจะยกเท้าถีบร่างเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นดินและแทงกระบี่ซ้ำลงมาอีกหนึ่งรอบ

แล้วเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายก็นอนสิ้นใจตายอยู่ในกองเลือดตรงนั้นเอง

“ฆ่าคนตาย”

“ลูกพ่อ ลูกพ่อ…”

“ทำไมถึงต้องฆ่าแกงกันด้วย…”

“โจรชั่ว ประพฤติตัวหยาบช้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเรียกตัวเองว่าเป็นทหารได้อย่างไร”

หลังสลัดหลุดจากอาการตกตะลึง ชาวเมืองทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้ความโกรธแค้น พากันเดินตรงไปข้างหน้า ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้อีกต่อไป

“ไม่ได้การ นี่เป็นแผนลวงของพวกมัน”

เจาโจวหยานและบุตรชายที่ติดอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล

พ่อลูกคู่นี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่ลอยอยู่ในอากาศ

“ท่านพ่อ พวกเรารีบกลับกันเถอะขอรับ…”

เจาอู๋หยางดึงมือบิดาและพยายามหาทางถอยหลังกลับ

ทว่า ลมหายใจต่อมานั้นเอง หัวหน้ากลุ่มนายทหารก็หัวเราะเยาะ พูดว่า “พวกเจ้าก้าวข้ามเส้นเขตแดนทหารเข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องตายโดยไม่มีข้อยกเว้น!”

ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!

ลูกธนูพุ่งออกมาจากกลางอากาศ

“อ๊าก…”

“พวกเรารีบหนี…โอ๊ย…”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังกึกก้องในอากาศ

ชาวเมืองกลุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดถูกลูกธนูปักเข้ามาอย่างแม่นยำ พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ในขณะที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน

“ยิงต่อไปอย่าได้หยุด”

หัวหน้ากลุ่มนายทหารโบกมือส่งสัญญาณด้วยสีหน้าอำมหิต

ฟ้าว!

ลูกธนูอีกจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงเข้าใส่ชาวเมือง

ทุกคนตกตะลึง

นี่นับเป็นการสังหารหมู่ชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?

นี่คือการกระทำที่ผิดกฎหมายจักรวรรดิอย่างร้ายแรง

เป็นเพียงทหารยศต่ำต้อยผู้หนึ่ง ถึงกับกล้าออกคำสั่งเช่นนี้ได้อย่างไร?

ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว

สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความคาดหวังและความตื่นเต้น

ตอนแรก ชายชรานึกว่าตนเองจะได้ขึ้นมาที่นี่ในฐานะฝ่ายชนะ ใครเลยจะรู้ว่าสถานการณ์กลับพลิกผันเช่นนี้

“เร็วเข้า พวกเรามีเวลาเพียงก้านธูปเดียวเท่านั้น ขึ้นไปทำลายวิหารให้ราบคาบ พวกเจ้าอยากได้สมบัติชิ้นใดก็เอาไปเถิด เพราะข้าต้องการเพียงตัวนักบวชสาวในวิหารเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่า”

ท่านอ๋องระเบิดเสียงหัวเราะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กลุ่มนายทหารที่อยู่ด้านหลังดวงตาก็เป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที

ไม่สำคัญว่าภายนอกตัววิหารจะดูซ่อมซ่อสักแค่ไหน หรือว่านี่จะเป็นเพียงวิหารบ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญมากมายเท่าใด แต่วิหารของเทพีกระบี่ทุกแห่ง ล้วนมีทรัพยากรสำหรับการเสริมสร้างพลังยุทธ์ไม่ต่างอะไรจากแหล่งขุมทรัพย์ที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง…

“ใครขวางทางพวกเราฆ่าให้หมด!”

“ไม่เสียทีที่พวกเรารับใช้คุณชายเว่ยหมิงเฉิน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า การทำลายวิหารเป็นสิ่งที่ข้าอยากจะทำมานานแล้ว”

“ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันช่างโลภมากเหลือเกิน นักบวชสาวแต่ละนางมีความงดงามถึงขนาดนั้น ถ้าเอาไปขายคงได้ราคาดีไม่ใช่น้อย แล้วเราจะปล่อยให้เขาได้ตัวพวกนางไปแค่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร พวกเราก็จับตัวพวกนางมาบ้างเถิด”

“พวกเราบุกกันเลยดีกว่า”

รังสีสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายของนายทหารหน่วยนักรบมังกรดำ

หายนะครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว