ข้างหลังปราสาทวุมเม่

 

มีสถานที่แห่งนึงที่ถูกต่อขยายออกมาจากตัวปราสาท

 

ข้างในนั้นได้ขังตัวประกันที่ดยุคครูเกอร์เอาไว้ใช้สำหรับกดดันขุนนางทางใต้เอาไว้

 

“มาร์ควิสเทราต์! ให้พวกเราออกไปจากที่นี่เถอะ!”

 

ชายคนนึงที่อายุประมาณสามสิบต้นๆร้องขอ

 

ชายคนนี้เป็นขุนนางหนุ่มที่มีชื่อว่าเอิร์ลทาร์นาท

 

เขาเป็นหัวหน้าของขุนนางทางใต้ที่สนับสนุนจักรวรรดิ

 

ส่วนคนที่กำลังเผชิญหน้ากับเอิร์ลทาร์นาทนั้นเป็นชายร่างอวบอ้วน

 

เขาคือมาร์ควิสเทราต์, ชายที่พูดได้เลยว่ามีอุดมการณ์ร่วมกับดยุคครูเกอร์

 

“เจ้ายังจะพูดแบบนั้นอีกหรอ, เอิร์ลทาร์นาท”

 

ในขณะที่กำลังหัวเราะเยาะเอิร์ลทาร์นาท, มาร์ควิสเทราต์ก็เริ่มเดินจากไปอย่างช้าๆ

 

มีอัศวินหลายคนอยู่ข้างกายเขาเพื่อคอยคุ้มกันเขาจากตัวประกันไร้อาวุธรวมทั้งเอิร์ลทาร์นาทเพื่อไม่ให้พวกเขามีโอกาสลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเขา

 

“จักรพรรดิได้ประกาศแล้วว่าทางใต้เป็นศัตรู มันน่าจะถึงเวลาที่เจ้าควรร่วมมือกับพวกเราเพื่อทำการโต้กลับแล้วไม่ใช่หรอ?”

 

“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้ากับดยุคครูเกอร์ไปรวมหัวกับองค์กรอาชญากรรมนั่นต่างหากหล่ะ! มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราซักหน่อย!”

 

“โถโถ เจ้าไม่รู้หรอว่าหนึ่งในสามของขุนนางทางใต้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนั่น? พูดแบบนี้มันไม่รุนแรงกับเพื่อนขุนนางไปหน่อยรึไง?”

 

“เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว! พวกเขาส่วนใหญ่ถูกข่มขู่ให้ยอมร่วมมือด้วยต่างหาก! เหมือนกับที่เจ้าทำกับเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ยังไงหล่ะ!”

 

เอิร์ลทาร์นาทพุ่งเข้าใส่มาร์ควิสเทราต์ด้วยความโกรธแต่พวกอัศวินก็เอาหอกมาขวางทางเขาเอาไว้

 

เอิร์ลทาร์นาทเดาะลิ้นไม่พอใจในขณะที่ยอมถอยออกไปแต่โดยดี

 

“ตัดสินจากทัศนคติของเจ้าแล้ว, ดูเหมือนว่าไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจสินะ?”

 

“มันแน่อยู่แล้ว! พวกเราจะไม่เข้าร่วมกับสหพันธ์! พวกเราเป็นขุนนางของจักรวรรดิ!”

 

“เห้อ! ช่างเป็นความเด็ดเดี่ยวที่ใหญ่โตซะจริง แต่ขุนนางทุกคนรวมทั้งดินแดนของเจ้าได้ถูกตราหน้าว่าเป็นสหพันธ์แล้วรู้รึเปล่า?”

 

“นั่นก็เพราะเจ้าจับพวกเราเป็นตัวประกันยังไงหล่ะ!”

 

“ใครจะไปเชื่อคำพูดของเจ้ากัน? เมื่อสักครู่นี้, ขบวนผู้ส่งสารของจักรพรรดิพึ่งจะมาถึงที่ปราสาท จักรพรรดิตื่นตระหนกเพราะการเคลื่อนไหวของพวกเราก็เลยจัดการเจรจาขึ้นมา ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต่างไปจากพวกเราหรอก ขุนนางทางใต้ทุกคนอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว!”

 

มาร์ควิสเทราต์บอกเขาเช่นนั้นด้วยความภาคภูมิใจ

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้, สีหน้าของเอิร์ลทาร์นาทก็บูดเบี้ยว

 

มีขุนนางหลายคนถูกเรียกตัวมาที่นี่ด้วยจดหมายเชิญปลอมจากดยุคครูเกอร์และถูกจับเป็นตัวประกัน พวกเขาถูกจับในตอนที่ดยุคเชิญพวกเขามาที่นี่เพื่อปรึกษาแนวทางในอนาคตของทางใต้

 

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าครูเกอร์จะก่อกบฏกับจักรวรรดิจริงๆ

 

“ไหนหล่ะหลักฐานว่ามันเป็นการเจรจาจริงๆ? ไม่ใช่ว่ามันเป็นการประกาศสงครามหรอกหรอ?”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะสู้ ถึงยังไงพวกเราก็ทำสัญญากับประเทศอื่นเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”

 

“จักรวรรดิมีอำนาจพอที่จะรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้ว! ถ้าภาคีอัศวินหลวงเข้าร่วมการต่อสู้, ทางใต้ก็จะกลายเป็นแดนมอดไหม้อย่างแน่นอนรู้ตัวรึเปล่า!?”

 

“ก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น, สนธิสัญญาสันติภาพก็คงจะได้ข้อสรุปแล้ว! ซึ่งคนที่จะได้รับรองความปลอดภัยก็คือตัวข้ากับดยุคครูเกอร์”

 

ในขณะที่พูด, มาร์ควิสก็เผยรอยยิ้มน่ารังเกียจออกมา

 

ตั้งแต่แรกแล้ว, มาร์ควิสเทราต์เห็นเอิร์ลทาร์นาทเป็นแค่ตัวหมากสำหรับต่อรอง

 

ถ้ามันเกิดเป็นสงครามเต็มตัวขึ้นมาจริงๆ, เขาก็แค่ขายเอิร์ลไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และจนกว่าจะถึงตอนนั้น, อัศวินที่จะต่อสู้กับจักรวรรดิก็คงเป็นพวกอัศวินของขุนนางที่เขาจับเป็นตัวประกัน

 

มือของเขาจะไม่ต้องแปดเปื้อนเลยซักนิด

 

ด้วยความที่อ่านความคิดของมาร์ควิสได้อย่างหมดจด, เอิร์ลทาร์นาทจึงแสดงความรังเกียจออกมา

 

“ไอ้สารเลว……! นี่เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าขุนนางได้อีกหรอ!!?”

 

“แน่นอนสิ, ข้าเป็นขุนนางที่น่าเคารพนับถือ”

 

เอิร์ลทาร์นาทพุ่งเข้าใส่มาร์ควิสเทราต์เนื่องจากรับไม่ได้กับท่าทีที่ดูภาคภูมิใจของเขา

 

ซึ่งพวกอัศวินก็เข้ามาหยุดเขาไว้อีกครั้งแต่ครั้งนี้, มีขุนนางชายอีกคนโจมตีอัศวินด้วย

 

ด้วยโอกาสนี้เอง, เอิร์ลทาร์นาทจึงชิงดาบเล่มนึงมาได้จากพวกอัศวิน

 

อย่างไรก็ตาม, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, อัศวินอีกคนก็ชี้หอกไปที่ขุนนางหญิงซึ่งอยู่ตรงมุมห้อง

 

“หย, หยาบคายที่สุด……เจ้าไม่สนแล้วรึไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวประกันคนอื่น!?”

 

มาร์ควิสเทราต์ยกแขนขึ้นในลักษณะข่มขู่

 

ถ้าเขาสบัดมันลงมา, อัศวินก็จะทำการสังหารตัวประกันอย่างไร้ความปราณี

 

เอิร์ลทาร์นาทก้มหน้าลงด้วยความสิ้นหวังในดวงตาของเขา

 

อย่างไรก็ตาม,

 

“เอิร์ลทาร์นาท ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกค่ะ”

 

ขุนนางหญิงที่แก่กว่าเอิร์ลเล็กน้อยพูด

 

เธอมองเอิร์ลทาร์นาทด้วยสายตามุ่งมั่น มันแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอถูกหอกจ่ออยู่

 

“คุณนายซิมเมล…..”

 

“ข้าจะไม่บอกว่าทำเพื่อจักรวรรดิ…..แต่ถ้าการมีชีวิตอยู่มันเป็นโซ่ตรวนที่พันธนาการครอบครัวของข้า, ข้าก็ขอเลือกที่จะตายดีกว่า”

 

“เห้อ! ก็แค่บลัฟนั่นแหล่ะ!”

 

“มาร์ควิสเทราต์……คนที่ห่วงแค่ตัวเองอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก แม่ที่คิดถึงลูกของตัวเองหน่ะแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้เยอะ ถ้าเจ้าจะฆ่าข้าก็ลงมือได้แล้ว!”

 

ในขณะที่พูด, คุณนายซิมเมลก็เข้าไปใกล้อัศวินที่เอาหอกจ่อเธออยู่

 

อัศวินคนนั้นหันไปมองมาร์ควิสเทราต์ด้วยความลำบากใจ

 

ซึ่งมาร์ควิสก็ได้ส่ายศรีษะในขณะที่แสดงสีหน้าบึ้งตึง

 

ถ้าเขาฆ่าเธอที่นี่, เอิร์ลทาร์นาทจะเข้ามาโจมตีเขาอย่างแน่นอน

 

มาร์ควิสตัดสินใจว่าควรหลีกเลี่ยงความสูญเสียทั้งหมดแล้วกระตุ้นให้อัศวินคนนั้นจับตัวคุณนายซิมเมลมาให้เขา

 

“เอาตัวนั่งนั่นมาให้ข้า!”

 

“อย่ามาแตะต้องข้านะ!”

 

“ยังไงดีหล่ะ? เอิร์ลทาร์นาท เจ้ายังอยากจะสู้ต่อไหม?”

 

มาร์ควิสเทราต์ดึงมีดของเขาออกมาแล้วจ่อไปที่คอของคุณนายซิมเมล

 

ความลังเลแสดงอยู่บนหน้าของเอิร์ลอย่างชัดเจน

 

เมื่อเห็นแบบนี้, คุณนายซิมเมลก็หลับตาและเตรียมใจยอมรับชะตากรรมของตัวเอง

 

จากนั้น

 

“เอิร์ลทาร์นาท……ทำตามที่ต้องการเถอะค่ะ”

 

“….ข้าขอยอมรับในความเด็ดเดี่ยวของเจ้า”

 

ทั้งสองตัดสินใจได้แล้ว

 

เมื่อเห็นแบบนี้, มาร์ควิสเทราต์ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

 

อย่างไรก็ตาม, มาร์ควิสได้หัวเราะออกมาอย่างหงุดหงิดด้วย

 

“ฮ่า, ฮ่าฮ่า, ฮ่าฮ่าฮ่า!! พวกเจ้าอยากตายกันขนาดนั้นเลยหรอ!? ไอ้พวกโง่! มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต! มีแค่พวกโง่เท่านั้นแหล่ะที่เลือกจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง! เจ้าบอกว่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อปกป้องอะไรซักอย่างสินะ? มันไม่มีอะไรที่สามารถปกป้องได้ด้วยการสละชีวิตกระจ้อยร่อยของเจ้าหรอก! จักรวรรดิจะไม่มีวันช่วยเหลือเจ้า!”

 

“ไม่ใช่หรอกค่ะ, ฝ่าบาทจะไม่มีวันทอดทิ้งขุนนางที่ยังมีใจมุ่งมั่นอยู่”

 

มีเสียงดังก้องขึ้นมา

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ทั้งห้องก็ดังก้องไปด้วยเสียงลึกลับ

 

เมื่อได้ยินเสียงนั้น, หนังตาของทุกคนก็หนักขึ้นมาและบางคนก็ถึงกับทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น พวกเขาถูกโจมตีด้วยอาการง่วงอย่างกระทันหัน มันคือเวทมนตร์ที่แม้แต่อัศวินก็ยังรู้สึกว่าอยากที่จะต้านทาน

 

“หนอย….อะไรกัน……?”

 

อัศวินทุกคนหมดสภาพแล้ว

 

“ขออภัยด้วยค่ะ มันปรับแต่งค่อนข้างยาก”

 

เด็กสาวพูดในขณะที่เข้ามาในห้องพร้อมกับควงหอกของเธอ

 

ในตอนที่เด็กสาวหยุดควงหอก, เสียงที่ชวนให้รู้สึกง่วงก็หยุดลงในที่สุด

 

“ขอบคุณค่ะ คุณลินเฟีย”

 

“ไม่หรอกค่ะ, มันเป็นงานของข้าอยู่แล้ว”

 

ในขณะที่ตอบฟีเน่ไปตามปกติ, ลินเฟียก็แยกตัวคุณนายซิมเมลออกมาจากมาร์ควิสเทราต์

 

จากนั้นเธอก็พูดขอโทษคุณนายที่หลบใหลไปแล้ว

 

“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ท่านได้รับผลของมันไปด้วย”

 

หอกจากดาบเวทมนตร์ของลินเฟียสามารถส่งเสียงที่ชักจูงให้ผู้คนหลับไหลได้ด้วยการควงมันเป็นวงกลม แต่ในห้องแคบๆนั้น, ผลของมันจะไม่สามารถระบุเฉพาะตัวบุคคลได้

 

อย่างดีที่สุด, เธอสามารถเหวี่ยงมันไปข้างหน้าหรือเล็งไปยังทิศทางนึงได้ ซึ่งในสถานการณ์ที่เธอต้องใช้ในห้องที่คนพลุกพล่านอย่างเมื่อก่อนหน้านี้, มันก็จะส่งผลกับทุกคน

 

อย่างไรก็ตาม, เธอสามารถกำราบอัศวินทุกคนได้แล้ว

 

ในตอนที่เห็นเด็กสาวเบื้องหน้าเขา, มาร์ควิสเทราต์ก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์

 

“ชิ…..ใครกัน……?”

 

“ฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ ผู้ส่งสารขององค์จักรพรรดิค่ะ”

 

“เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินหรอ….? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…..?”

 

“ข้ามาช่วยตัวประกันค่ะ”

 

“ไร้สาระ….ก, การ์ด!? เข้ามาที่นี่เร็ว!”

 

“พวกเขาหลับไปหมดแล้วครับ แต่การคุ้มกันแน่นหนามากข้าอาจจะเผลอหลุดไปซักคนสองคนก็ได้”

 

เซบาสพูดในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นข้างฟีเน่

 

เซบาสได้ทำลายการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในอาคารโดยไม่ได้ส่งเสียงเลย ซึ่งผลก็คือ, มาร์ควิสเทราต์ไม่ได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาเลยซักนิดและถูกลินเฟียลอบโจมตี

 

“ม, ไม่มีทางหน่า….ด, ดยุคครูเกอร์ไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!”

 

“ถ้าดยุคครูเกอร์หล่ะก็ตอนนี้กำลังถูกองค์ชายลีโอนาร์ดตามล่าอยู่ครับ ถึงยังนี่มันก็เป็นแผนการดั้งเดิมของพวกเราอยู่แล้ว”

 

“ข, ขบวนผู้ส่งสารเป็นแค่แผนลอบโจมตีพวกเราหรอ!? ไอ้พวกขี้ขลาด!?”

 

“มันไม่ใช่การลอบโจมตีค่ะ คำสั่งของจักรพรรดิที่ส่งมาให้ดยุคครูเกอร์ก็คือคำสั่งให้เขายอมจำนนซะ พวกเรากำลังลงโทษเขาเพราะเขาปฏิเสธที่จะทำตาม ถึงอย่างนั้น, ข้าก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่การใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ว่า, ถ้าสามารถช่วยหลายชีวิตได้ด้วยการทำแบบนี้ไม่ว่าจะดูขี้ขลาดแค่ไหน, พวกเราก็จะทำค่ะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะขี้ขลาด, แต่พวกท่านนั้นเป็นคนต่ำช้า แถม, ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าพวกเราปฏิเสธตอนไหนว่าพวกเราไม่ขี้ขลาด”

 

ในตอนที่ฟีเน่จบการสนทนา, ลินเฟียก็เอาหอกกระแทกมาร์ควิสจนเขาสลบไป

 

หลังจากที่เห็นแบบนั้น, ฟีเน่ก็มองเอิร์ลทาร์นาท

 

“ข้าขออนุญาตแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ, ข้าเป็นผู้ส่งสารของจักรพรรดิ, ฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ พวกเราขอโทษด้วยที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะมาช่วยพวกท่านได้”

 

“ฝ, ฝ่าบาท….ท่านไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา……”

 

“ช่างเป็นพระคุณยิ่งนัก…….”

 

เหล่าขุนนางอาวุโสที่อยู่ข้างหลังเริ่มร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติ

 

ฟีเน่มองพวกเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

 

จากนั้นเธอก็รอให้พวกเขาสงบลงแล้วเริ่มอธิบายสถานการณ์

 

“ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องทุกคนที่นี่ค่ะ ในปราสาทหลังนี้มีลูกน้องของพวกท่านอยู่มากมาย พวกเขาต้องต่อสู้กับพวกเราเพราะทุกคนถูกจับเป็นตัวประกัน ได้โปรดเถอะค่ะ, ช่วยโน้มน้าวให้พวกเขายอมวางอาวุธลงเถอะ”

 

“แน่นอนครับ”

 

“…..ท่านคือเอิร์ล, ทาร์นาทใช่ไหมคะ?”

 

“ครับ”

 

“พวกเรา….พวกเราได้จัดการอัศวินของท่านไปคนนึง ก่อนที่เขาจะสิ้นลม, เขาได้บอกพวกเราว่าท่านถูกจับเป็นตัวประกัน….ท่านมีลูกน้องดีๆคอยรับใช้อยู่นะคะ”

 

ฟีเน่ไม่ได้ขอโทษ

 

เธอคิดว่าไม่ว่าจะเอิร์ลทาร์นาทหรืออัศวินที่ตายไปก็ไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากเธอ

 

ด้วยการเม้มริมฝีปากแน่น, เอิร์ลก็พยักหน้าตอบอย่างเงียบๆ

 

“ถ้างั้นพวกเราก็ควรไปกันได้แล้วค่ะ มุ่งหน้าไปยังที่ที่พวกเราจะตกเป็นเป้าสายตาแล้วให้พวกอัศวินได้รู้ว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว”

 

“ข้าไม่มีปัญหาหรอกครับแต่ว่า…..มันยังมีตัวประกันกลุ่มอื่นอีก”

 

“กลุ่มอื่นหรอคะ?”

 

“ที่ถูกขังอยู่ที่นี่มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ขุนนางหลายคนได้ถูกพาตัวไปที่ปราสาทในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้”

 

พอได้ฟังเอิร์ลทาร์นาท, ฟีเน่ก็หันไปมองลินเฟียด้วยความกังวล

 

ลินเฟียเองก็มีสีหน้าคล้ายๆกัน

 

มันไม่ใช่แค่การโยกย้ายตัวประกันธรรมดาๆแน่

 

“ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆค่ะ”

 

“….ถ้าพวกเขาปลอดภัยก็คงจะดีนะคะ”

 

“พวกเรายังยืนยันไม่ได้ แต่สำหรับตอนนี้, พวกเราต้องให้อัศวินในปราสาทรู้ก่อนค่ะว่าคนที่นี่ปลอดภัยแล้ว ถ้าอัศวินหยุดขัดขวางพวกเราแม้ว่าจะเพียงนิดเดียว, มันก็จะช่วยให้เราค้นหาตัวประกันที่เหลือได้ง่ายขึ้น”

 

ลินเฟียตั้งเป้าหมายให้พวกเขาในทันทีแล้วอธิบายกับฟีเน่

 

ซึ่งฟีเน่ก็ได้พยักหน้าตอบเป็นการเห็นด้วย

 

อย่างไรก็ตาม, ความกังวลในใจเธอนั้นไม่ได้เลือนหายไปเลย

 

มีเรื่องเลวร้ายบางอย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่

 

ด้วยความรู้สึกนั้น, ฟีเน่ก็ลูบเครื่องประดับผมของเธอ

 

มันเป็นการกระทำเพื่อเรียกความกล้าให้เธอมุ่งหน้าต่อไป