บทที่ 621 ใบหน้าที่คุ้นเคย

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 621 ใบหน้าที่คุ้นเคย
แนวตั้งสั้นกว่า และแนวนอนก็ยาวกว่าปกติ…

ท่านศาสดาพยากรณ์…

ดวงตาสีแดงฉายประกายเย้ยหยันชัดเจน…

การแต่งกายแบบฉบับศาสนจักรฝ่ายเหนือที่คุ้นตา…

ความทรงจำและรายละเอียดทั้งหมดวูบผ่านสมองลูเซียนอย่างรวดเร็วทว่าชัดเจนยิ่ง เขากระชับมือที่จับโล่กับดาบให้แน่นขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วทุ้มเปี่ยมด้วยโทสะ “จีโน? เจ้าแห่งนรกงั้นหรือ”

ไม่แปลกใจเลยที่นิกายลึกลับซึ่งซ่อนตัวอยู่ในศาสนจักรฝ่ายเหนือจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน!

ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันสามารถล่อหลอกนักบวชจำนวนมากให้มาเป็นผู้ศรัทธาในพวกมัน!

ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าแห่งนรกจะรู้เกี่ยวกับนักบุญสัจธรรมมากมายถึงเพียงนี้!

“จีโนน่ะหรือ เขาตายไปตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว เหตุใดเจ้ายังอยากเรียกขานนามของเขากัน จีโนเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น เครื่องมือในการฉกฉวยพลังศักดิ์สิทธิ์มา” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวยิ้มหยันลูเซียน “มีเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเทวภาพเท่านั้นที่เคารพบูชาเทวภาพไว้เหนือเกล้า ทั้งนักบุญอีวาน นักบุญอเล็กเซย์ผู้โด่งดัง… พวกเขาต่างก็เป็นเพียงคนเขลา เพราะทุกคนได้ลืมเลือนสิ่งสำคัญที่สุดไป แต่ว่านะ นักเวทอย่างพวกเจ้าก็ไม่ต่างกันนักหรอก”

ความเห็นสุดท้ายนั้นแฝงนัยยะลึกซึ้งเอาไว้

หัวใจของลูเซียนดิ่งวูบหลังจากได้รับการยืนยันว่าชายในชุดคลุมสีขาวนี้คือผู้ใด มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เคลาส์จะยังมีชีวิตอยู่ เพราะเขาได้ใช้หุ่นเชิดสำรองทั้งสองไปแล้วในการต่อสู้ที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง และพลังของแสงพิพากษาก็แข็งแกร่งเข้มข้นเกินไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามันถูกร่ายโดยร่างเหมือนของชายผู้มีพลังในระดับมนุษย์ครึ่งเทพ!

ด้วยเหตุนี้ เมื่อครู่เขาทั้งสองคนจึงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายเลย!

ลูเซียนจำต้องเผชิญหน้ากับคนผู้นี้อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน เขาควรจะทำเช่นไรดี

เจ้าแห่งนรกไม่รั้งรอให้เสียเวลา เขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งและชี้มือขวามาทางลูเซียน “แสงพิพากษา!”

‘เจ้านักเวทโสมมมืออาบเลือด ถึงเวลาที่เจ้าจะรับโทษทัณฑ์สุดท้ายแล้ว!’

ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง รัศมีพลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าห้อมล้อม ก่อนที่ลำแสงแห่งทัณฑ์สุดท้ายในอากาศจะตกกระทบลงบนตัวลูเซียนอย่างจัง!

ณ ชั่วขณะนั้น ในโลกแห่งวิญญาณนี้ ไม่มีผู้ใดจะเสมอเหมือนพระเจ้าแห่งสัจธรรมได้มากไปกว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตนนี้อีกแล้ว!

แสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าปะทะเข้ากับโล่ใบเล็กแต่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อให้เกิดจุดแสงวิบวับนับไม่ถ้วน คลื่นล่องหนรอบกายลูเซียนสั่นไหวรุนแรงจนน่าตระหนก ขณะที่เท้าของเขาจมดินลงไป

เมื่อแสงนั้นแตกกระจายหายไป เจ้าแห่งนรกก็เอ่ยขึ้นว่า “โล่แห่งสัจธรรมนี่ช่างน่าประทับใจจริงๆ”

ลูเซียนเองก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย ภาพมายาสะท้อน หรือร่างเหมือน จะไม่มีพลังอำนาจเทียบเท่าเจ้าแห่งนรกตัวจริง ดังนั้น มันจึงสังหารลูเซียนภายในพริบตาเดียวไม่ได้

“คราวก่อนเจ้าร่วมมือกับจันทราสีเงินและจัด ‘เรื่องประหลาดใจ’ ชุดใหญ่ให้ข้าทีเดียว” เจ้าแห่งนรกเอ่ยด้วยท่าทางเป็นกันเอง ราวกับกำลังพูดคุยกับคนธรรมดาสักคน แทนที่จะเป็นนักเวทชั้นตำนานผู้ครอบครองอุปกรณ์เวทมนตร์อันทรงพลังจำนวนมาก “ข้าจึงเฝ้ารอมาตลอด เฝ้ารอโอกาสที่จะได้สนองคืน ‘เรื่องประหลาดใจ’ แบบเดียวกันให้กับเจ้า”

ลูเซียนไม่ตอบอะไร แต่จู่ๆ ก็เงื้อดาบในมือขึ้น ใบดาบระเบิดแสงสีเงินเจิดจรัสออกมาแล้วแสงนั้นก็ก่อตัวเป็นสายลมอันคมกริบที่พุ่งไปฟาดฟันเจ้าแห่งนรก

หากจำเป็น ลูเซียนยอมระเบิดพลีชีพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดียวกันกับเคลาส์!

เคลาส์ทำพลาดไปเพียงเรื่องเดียว และลูเซียนก็เข้าใจได้ ยามเผชิญหน้ากับความลับแห่งดวงวิญญาณและความจริงของโลก เคลาส์ย่อมลืมเลือนภัยตรายทั้งปวงเพราะความหลงใหลจากใจจริงในฐานะจอมเวท เขาคือจอมเวท และยังเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลในการขุดคุ้ยความจริงต่อไปให้ลึกซึ่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

หากเป็นตัวลูเซียนเอง เขาก็คงจะมีอาการแบบเดียวกันนี้

ดาบแสงสีเงินตัดผ่านม่านพลังที่หมุนวนอยู่รอบกายเจ้าแห่งนรกและเฉือนเข้าตัวมันอย่างจัง!

ภาพมายาสะท้อนพลันกลายเป็นฟองอากาศและพรายน้ำ วินาทีถัดมา จีโนก็ไปปรากฏตัวอีกครั้งโดยห่างจากจุดเดิมไม่กี่ก้าว อาณาเขตพื้นที่เล็กๆ ที่เขายืนอยู่นั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย

ลูเซียนเบิกตาโพลงด้วยความตะลึงงัน นั่นหาใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ และก็ไม่ใช่เวทเคลื่อนที่ด้วย เป็นเพียงความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเท่านั้น!

ก่อนที่ดาบแสงจะแตะต้องตัว จีโนก็เคลื่อนย้ายไปที่อีกทางหนึ่งแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ตรงนั้นจึงเป็นเพียงภาพติดตา

นั่นคือความเร็วที่อยู่บนหลักทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป!

ทว่า ความเร็วของดาบแสงนั้นถูกกำหนดโดยผู้ใช้ดาบเอง มันหาใช่แสงอาทิตย์อย่างแท้จริง

“จบแล้วหรือ สหายตัวน้อยของข้า พลังศักดิ์สิทธิ์ของจีโนยังมิอาจเทียบเท่าพลังมนุษย์ครึ่งเทพของข้าเลยนะ มันทำให้ข้าช้าลง แต่เจ้าก็ยังตามข้าไม่ทันอย่างนั้นหรือ” เจ้าแห่งนรกมัลติมุสยังคงใช้น้ำเสียงเย้ยหยันไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น

“หอกชำระบาป!”

ปลายหอกแหลมคมเป็นประกายก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ลูเซียนด้วยความเร็วเหนือคำบรรยาย พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่จากตัวหอกได้จับไล่ไอความตายจากราชามัมมี่และสีสันแสนโสโครกทั้งหมดไป บัดนี้ทั้งบริเวณนั้นดูบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งอาณาเขตวิมานบนดิน ทั้งยังมีเสียงเพลงสวดดังสะท้อนอยู่ในอากาศอีกด้วย

เคร้ง!

ปลายหอกปะทะเข้ากับโล่แห่งสัจธรรม เกิดเป็นเสียงเหล็กกระทบกันดังเสียดหูชอบกล มือซ้ายของลูเซียนเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ และคลื่นล่องหนที่คอยปกป้องเขาก็เริ่มขยับช้าลงมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนมีสองมิติแยกจากกัน แต่หนึ่งในนั้นจะหนาวเย็นและช้ากว่าอีกมิติ และทั้งสองมิติก็กำลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน!

พลังของเจ้าแห่งนรกนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่ามัมมี่บรรพชนนัก โล่แห่งสัจธรรมอาจรับมือได้อีกเพียงไม่นาน แต่ลูเซียนคงจะยืนหยัดได้อีกไม่เกินหนึ่งนาทีนี้!

ทว่า ลูเซียนไม่คิดยอมแพ้ เขาลองพยายามเป็นครั้งที่สองด้วยการฟาดฟันดาบแสงใส่เจ้าแห่งนรกที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด

แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เจ้าแห่งนรกเดินหลบการโจมตีด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับเดินเล่นอยู่บนสวนหน้าบ้านตนเอง

ลูเซียนลองอีกครั้ง และอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทว่า การใช้โล่แห่งสัจธรรมรับการโจมตีจากพลังศักดิ์สิทธิ์ชั้นตำนานของเจ้าแห่งนรกติดต่อกันหลายชุดก็ทำให้มือของลูเซียนชาหนึบ และเขาก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว

ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามเสียดหูก็ดังกึกก้องมาจากห้องโถงหลักด้านหลังอีกครั้ง สัตว์อสูรผีดิบชั้นตำนานทั้งห้าที่นำขบวนปีศาจฝูงใหญ่ใกล้จะมาถึงแล้ว และด้านหลังพวกมันยังมีปีศาจชั้นตำนานอีกมากที่กำลังตามมา!

สมองของลูเซียนทำงานเร็วรี่ เส้นทางสำหรับถอยของเขาถูกฝูงปีศาจปิดกั้นเอาไว้ และหากว่าเขาอยากจะเดินหน้าต่อไป เขาก็ต้องข้ามผ่านเจ้าแห่งนรกไปให้ไป ซึ่งนั่นคงเป็นไปได้ยากมาก

โชคไม่ดีนักที่การถือโล่แห่งสัจธรรมทำให้ลูเซียนเคลื่อนไหวได้ลำบาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะวิ่งฝ่าฝูงปีศาจไปได้โดยใช้โล่อันแข็งแกร่งนี้กำบังกาย

การจะใช้โล่แห่งสัจธรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็เหมือนกับการใช้พลังพระเจ้าคุ้มครอง นั่นคือ ลูเซียนจะต้องยืนนิ่งอยู่กับที่ หากจะเดินถือโล่ไปมา ลูเซียนก็ไม่มั่นใจเลยว่าตนจะบุกฝ่าปราการจำนวนนับไม่ถ้วนไปได้

ขณะยกโล่ขึ้นรับพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้น ลูเซียนก็คอยแผ่พลังจิตออกไปสำรวจบริเวณรอบๆ และทันใดนั้น เขาก็มองเห็นเตาหลอมวิญญาณ ใบหน้าของดวงวิญญาณทั้งหลายกำลังก้มลงมองมาที่เขา ใบหน้าน่าหวาดกลัวเหล่านั้นถึงกับทำให้ขนตรงท้ายทอยลูเซียนลุกซู่

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวลูเซียน หลังจากที่เขากำจัดความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ไปได้แล้ว

จากความทรงจำของอะดอลและบันทึกของไวเค็น มีสัตว์อสูรผีดิบชั้นตำนานเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นที่กล้าเข้าไปหลังเตาหลอมวิญญาณ หากลูเซียนวิ่งเข้าไปหลังเตาหลอมได้ เขาก็อาจกำจัดความเสี่ยงจากการถูกผีดิบกรุ้มรุมได้ชั่วคราว ลูเซียนจำต้องเสี่ยงดูว่าเจ้าแห่งนรกจะไล่ตามเขาเข้าไปหลังเตาหลอมหรือไม่ เพราะเจ้าแห่งนรกยังต้องใช้ร่างของจีโนเพื่อทำตามแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ซึ่งลูเซียนมั่นใจว่ามัลติมุสต้องมีแผนการใหญ่ในการใช้ร่างของจีโนอย่างแน่นอน การเสียสละร่างของจีโนเพื่อสังหารลูเซียนโดยไม่ต้องเหนื่อยดูจะไม่คุ้มเสี่ยงสำหรับเจ้าแห่งนรก แม้เหล่าปีศาจจะเชี่ยวชาญงานประเภทนี้ก็ตามที

เช่นนั้น ตราบใดที่ลูเซียนอยู่ใกล้เตาหลอมวิญญาณเข้าไว้ แทนที่จะมุ่งหน้าสำรวจลึกเข้าไป ลูเซียนก็คงไม่ประสบภัยร้ายแรงอย่างที่มาสเกลีนเคยพบเจอก็เป็นได้ หลังจากที่พลังพระสิริของพระเจ้าหมดฤทธิ์ ดักลาสและเฟอร์นันโดย่อมออกตามหาลูเซียน หรืออย่างน้อยพวกเขาก็จะดึงดูดฝูงปีศาจไปหา ลูเซียนก็จะได้หลบออกไป…

ศาสดาพยากรณ์เคยบอกไว้อีกด้วยว่า เมื่อเผชิญหน้ากับภัยร้ายแรง เขาควรจะมุ่งหน้าต่อไปแทนที่จะถอยกลับ…

ฝูงปีศาจไหลทะลักผ่านรูขนาดใหญ่บนกำแพงที่ราชามัมมี่สร้างทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางฝูงนั้นยังมีมังกรโครงกระดูก เทพอสูร-ลิช ปีศาจชั้นสูง และมัมมี่บรรพชนอีกสองตน ดวงตาแดงก่ำของพวกมันดูเย็นเยียบและดุร้ายอย่างยิ่งยวด

‘ไม่แปลกใจเลยที่ท่านมาสเกลีนจะบันทึกไว้ว่ามัมมี่บรรพชนเป็นแค่ผู้พักอาศัย “น่ารักๆ” ทั่วไปในที่แห่งนี้’ ลูเซียนคิดในใจ

แต่บัดนี้ไม่ใช่เวลาจะมัวแต่ลังเล ลูเซียนตัดสินใจได้แล้ว จึงเก็บดาบแห่งสัจธรรมที่อยู่ในมือขวา แล้วคว้านาฬิกาจันทรากาลมา

ลูเซียนไล้นิ้วบนหน้าปัด ส่งผลให้ห้วงเวลาในบริเวณนั้นถูกก่อกวนปั่นป่วน ลูกธนูกระดูกและลำแสงอันทรงพลังที่เล็งเป้ามายังลูเซียนต่างเป็นเหมือนว่าวสายป่านขาดในยามนี้ เมื่อพวกมันสูญเสียเป้าหมายไปโดยสิ้นเชิง

เจ้าแห่งนรกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน การเคลื่อนไหวของเขาดูบิดเบี้ยว เหมือนกับหุ่นเชิดข้อต่อพังๆ

ลูเซียนฉวยโอกาสนี้เก็บโล่แห่งสัจธรรมและยกเลิกการใช้เวทแปลงกาย จากนั้นเขาก็จะส่งตัวเองเข้าไปภายในเตาหลอมวิญญาณ!

แต่ในอารามแห่งวิญญาณ ระยะทางในการเคลื่อนที่พริบตานั้นค่อนข้างจำกัด ซึ่งเป็นเพราะความโกลาหลของกาลและอวกาศ

ในตอนนั้นเอง เจ้าแห่งนรกก็ยิ้มกริ่ม ราวกับว่าเขากำลังดูหนังตลกสักเรื่อง เขาพูดกับลูเซียนโดยที่กระแสเวลาปั่นป่วนหาได้ส่งผลใดๆ ต่อตัวมันไม่

“แสงพิพากษา!”

เขาเพียงแต่หยอกล้อเล่น

เจ้าแห่งนรกมีพลังต้านทานเวทบงการเวลาและเวทหยุดเวลาขั้นสูงมาตลอด!

“เวทธาตุอารักขา” นั่นคือเวทมนตร์บทเดียวที่ลูเซียนจะร่ายออกมาได้ในยามนี้

แสงวูบวาบปะทะร่างของลูเซียน ครู่หนึ่งที่เขามองเห็นทูตสวรรค์มากมายท่ามกลางแสงนั้น โล่ธาตุอารักขาหลากสีสันของเขาหยุดทำงานและแตกร้าว จากนั้นเวทผิวหนังธาตุก็แสดงผลอัตโนมัติเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันนั้น พลังดูดซับเวทมนตร์ก็เริ่มดูดซับพลังงานอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับที่เวทจัดลำดับการสะกดเสกกำแพงสนามแรงจำนวนมากออกมาในพริบตาเป็นปราการป้องกันตัวชั้นสุดท้ายของลูเซียน

แต่เมื่อต้องรับมือกับแสงพิพากษา ปราการป้องกันทุกชั้นของลูเซียนจึงแตกร้าว ทันใดนั้น ลูเซียนก็หายตัวไปจากจุดที่เคยอยู่ แล้วไปปรากฏตัวอีกครั้งที่อีกฟากฝั่งหนึ่ง!

ต้องขอบคุณเวทป้องกันทั้งหมดนั้น ลูเซียนจึงรอดจากการโจมตีนี้มาได้อย่างหวุดหวิด!

ท่ามกลางฝูงปีศาจ มีเซนทอร์ผีดิบตนหนึ่งยิงธนูสีเขียวเข้มฝ่ากระแสแห่งกาล-อวกาศแสนปั่นป่วนทั้งหลายมาทางลูเซียน

ลูกธนูดอกนั้นพุ่งมาอยู่ตรงหน้าลูเซียนในทันใด!

“ป้อมปราการซากศพ!”

แหวนคอนกัสเปลี่ยนเป็นสีเข้มและก่อรูปร่างเป็นปราการแห่งความตายที่ประกอบไปด้วยดวงวิญญาณและซากศพนานับชนิด ก่อนที่ปราการนั้นจะเลือนหายไปพร้อมกับลูกธนูชั้นตำนาน

โชคดีที่ลูเซียนมีอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานอยู่หลายชิ้น ไม่เช่นนั้นเขาคงจะตายไปแล้ว!

แต่บัดนี้เจ้าแห่งนรกพร้อมสำหรับการร่ายคาถาอีกระลอกหนึ่งแล้ว ดวงตาสีแดงอ่อนจดจ้องมาที่ลูเซียนอย่างเย็นชา มองลูเซียนเป็นดั่งเรื่องขบขันเรื่องหนึ่งเท่านั้น

ลูเซียนจำต้องพยายามสุดชีวิต นิ้วกลางของเขากดลงบนเม็ดมะยมทางด้านซ้ายของนาฬิกาพก วงกลมครึ่งซีกที่ร่วงลงกดทับบนตัวเจ้าแห่งนรกช่วยซื้อเวลาแสนมีค่าเพื่อให้ลูเซียนวิ่งหนี!

ลูเซียนร้องตะโกน

“คทาอวกาศ!”

คทาเป็นประกายด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นในมือขวาของลูเซียน เขายกคทาขึ้น จากนั้นเวลาและอวกาศภายในขอบเขตที่จำกัดก็ช้าลงยิ่งกว่าเดิม การเคลื่อนไหวของผีดิบจำนวนมากมายน่าหวานหวั่นพลันชะงักไป และโซ่ตรวนแห่งกาลเวลาในพื้นที่นั้นก็พังทลายลงเช่นกัน

คลื่นอวกาศหมุนวนปั่นป่วนในตอนที่ลูเซียนส่งตัวเองเข้าไปในเตาหลอมวิญญาณ ลูเซียนพุ่งตัวผ่านม่านบางเบาหลายชั้นเข้าไปอย่างไม่ลังเล เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะตรวจสอบเตาหลอมด้วยซ้ำ!

ในตอนนั้นเอง ลูเซียนพลันรู้สึกแปลกประหลาด เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับมีใครสักคนจับตามองเขาจากด้านบนอย่างเย็นชา

ลูเซียนหันหลังขวับ และก็พบว่าเบื้องหน้าตนคือใบหน้าของคนผู้หนึ่ง

ใบหน้ากึ่งโปร่งแสงที่ลอยอยู่ในอากาศช่างคุ้นตาเขายิ่งนัก เส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ แล้วยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยคุ้นนี้อีก…

ลูเซียนรู้สึกราวกับกำลังมองกระจกเงา

กระจกเงาที่น่าหวาดกลัว!

ลูเซียน อีวานส์ งั้นหรือ

ใบหน้าของวิญญาณดวงนี้คือตัวลูเซียน อีวานส์ เอง!

แล้วใบหน้านั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ราวกับจะสัมผัสได้ถึงสายตาของลูเซียน แต่ใบหน้าแบบใหม่นี้ก็ยังคงคุ้นตาลูเซียนอย่างยิ่ง!

นั่นคือใบหน้าของซย่าเฟิง ตัวตนของลูเซียน อีวานส์ ในชาติก่อน!

ใบหน้าทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

ลูเซียนรู้สึกว่าสมองของเขาถูกแช่แข็งเพราะอุณหภูมิติดลบต่ำสุด และหายใจไม่ออก

……………………………………