บทที่ 626 เจ้าคิดว่าท่านผู้นํานิกายเพียงแค่เล่นกับเราหรือไม่

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 626 เจ้าคิดว่าท่านผู้นํานิกายเพียงแค่เล่นกับเราหรือไม่

 

ทันทีที่ซูหยางพูดจบประโยค เหล่าศิษย์ต่างก็พากันวิ่งไปรอบๆทั่วทั้งเขตศิษย์นอกเพื่อที่จะค้นหาหินสาม ก่อนที่ซูหยางซุกซ่อนเอาไว้ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาได้ไปตลอดกาล

 

“ข้ามเชื่อว่าเจ้าจักใช้วิธีนี้ในการเลือกคนที่จะไปฝึกที่สระสวรรค์ ข้ามิเคยคุ้นชินกับความตระหนกที่ได้รับจากเจ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป” โหลวหลานกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มหวานอมขมกลืน

 

“ชีวิตมิได้มีทางเลือกเสมอไป ในเมื่อมันจักต้องมีเวลาที่เจ้าสามารถพึ่งพิงได้เพียงแค่โชคชะตา” ซูหยางตอบด้วยสีหน้าเยือกเย็น

 

“มิว่าอย่างไร เจ้ามีเวลาสองชั่วโมงในการเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการเดินทางของเราไปยังตระกูลซี ข้าจักรออยู่ที่นี่” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

“อื้อ ขาจักทิ้งเรื่องนี้ไว้ให้กับเจ้า” เธอพยักหน้าก่อนที่จะปล่อยเขาไว้ตามล่าพัง

 

ยามเมื่อโหลวหลานจีจากไปแล้ว ซูหยางก็นั่งลงและเริ่มฝึกฝนอยู่อย่างเงียบๆ ในเวลาเดียวกันศิษย์ที่ปฏิเสธ ไม่ยอมเข้าร่วมต่างก็กลับคืนไปทําธุระของตัวเอง เพื่อให้มีที่ว่างสําหรับศิษย์คนอื่นได้วิ่งไปรอบๆ

 

โรงอาหาร ห้องสมุด พื้นที่เปิด รอยแยกระหว่างพื้น เหล่าศิษย์ต่างพากันค้นหากันทุกซอกทุกมุม สายตาของพวกเขาสอดส่องไปทั่วทั้งเขตศิษย์นอก แต่ทว่าแม้จะค้นหาผ่านไปได้ถึงสามสิบนาทีแล้วก็ตาม ก็ไม่มีศิษย์คนไหนที่จะกลับไปหาซูหยางพร้อมกับก้อนหินในมือ

 

เหล่าศิษย์เริ่มคิดสงสัยว่าซูหยางนั้นได้ซ่อนก้อนหินไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่

 

“เจ้าคิดว่าท่านผู้นํานิกายเพียงแค่เล่นกับพวกเราหรือไม่ และเขานั้นไม่ต้องการให้ใครไปฝึกในสระสวรรค์” หนึ่งในเหล่าศิษย์ถามคนอื่นๆ

 

“ทําไมเขาจะต้องทําเช่นนั้น นั่นมิมีเหตุผล” ศิษย์อีกคนกล่าว

 

“ใช่ แต่ตัวตนของท่านผู้นํานิกายก็ดูมิสมเหตุผล ดังนั้น…”

 

ในขณะที่ศิษย์กลุ่มหนึ่งกําลังพูดคุยกันเองอยู่นั้น บางคนก็พลันตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ตื่นเต้น “ข้าเจอแล้ว ข้าเจอก้อนหนึ่ง”

 

“อะไรนะ”

 

เหล่าศิษย์โดยรอบคนผู้นั้นรีบหันหน้าไปมองยังศิษย์ที่โชคดีที่สามารถที่จะพบหินก้อนแรก

“เจ้าพบมันที่ไหน ศิษย์น้อ

งหญิงเฉิน” บรรดาศิษย์รีบพากันไปรายล่อมเธอและถล่มเธอด้วยคําถาม

 

“เจ้าพบมันที่นี่นั้นเป็นไปได้อย่างไร ข้าได้ค้นหาทั่วทั้งจุดนี้มากกว่าสิบเที่ยวแล้ว และก็มิได้พบเจออะไรเลย” หนึ่งในเหล่าศิษย์อุทานออกมาด้วยความสงสัย

 

“มันเป็นความจริง มันอยู่ตรงนี้” ศิษย์เฉินกล่าวขณะที่เธอชี้ไปยังพื้นที่อยู่ข้างกายเธอ

 

ศิษย์คนอื่นมองดูเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“เจ้าเล่นสนุกกับเรางั้นรี ศิษย์น้องหญิง ถ้าก้อนหินวางอยู่อย่างเปิดเผยบนพื้น ทําไมศิษย์คนอื่นจึงมิเห็นมัน เมื่อพวกเขาค้นหาสถานที่แห่งนี้ก่อนเจ้า กระทั่งคนสายตาพิการก็มพลาดมันแน่”

 

“ใช่ ข้าเดินผ่านจุดนี้เมื่อหนึ่งนาทีก่อนและข้าก็มิได้เห็นหินบนพื้นเลย”

 

เมื่อเผชิญกับสายตาสงสัยมากหลาย ศิษย์หญิงนั้นก็ทําได้แค่เพียงแสดงสายตาสงสัย ในเมื่อเธอนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกพวกเขา

 

“ข้ามิได้โกหก ข้าพบมันที่นี่จริงๆ ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า เช่นนั้นก็จงมิเชื่อ ข้าจักไปหาท่านผู้นํานิกายเดี๋ยวนี้” ศิษย์เฉินกล่าวก่อนที่เธอจะผลักผู้คนออกไปและวิ่งไปหาซูหยาง

 

ศิษย์คนอื่นตัดสินใจที่จะติดตามเธอไปเพื่อที่จะดูว่าเธอนั้นได้พบกับหินจริงหรือว่าเป็นเพียงสิ่งหลอกลวง

 

“ท่านผู้นํานิกาย ข้าพบหินก้อนหนึ่ง” ศิษย์เฉินนั้นวิ่งมาหาเขาพร้อมกับมือที่โบกไหวไปในอากาศ

 

เมื่อได้ยินเสียงเธอ ซูหยางก็ลืมตาขึ้นมาพบกับหญิงสาวน่ารักยืนอยู่ต่อหน้าของเขา พร้อมกับหินที่ดูธรรมดาในมือเธอ

 

ซูหยางรับก้อนหินในมือของเธอและมองไปยังค่า “ซู” ที่สลักติดไว้

 

“เจ้าพบมันที่ไหนรี” เขาถามเธอด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า

 

“ด้านนอกโรงอาหาร ท่านผู้นํานิกาย…” เธอกล่าวด้วยเสียงประหม่า ในเมื่อเธอกังวลว่าเขาอาจจะไม่เชื่อเธอ เพราะสิ่งที่ศิษย์คนอื่นๆได้กล่าวกับเธอไว้

 

“ข้าเข้าใจ… เอาละเจ้าผ่าน” ซูหยางกล่าวกับเธออีกชั่วอึดใจให้หลัง สร้างความงงงันให้กับศิษย์คนอื่น

 

“ก-เกิดอะไรขึ้น ท่านผู้นํานิกาย ทําไมพวกเราจึงมิเห็นหินแม้สักก้อนในตําแหน่งที่เธอพบมัน เมื่อตอนที่พวกเราค้นหา นั่นมันมิสมเหตุผล” หนึ่งในเหล่าศิษย์ที่นั่นตัดสินใจที่จะถามเขา

 

“ก็เหมือนกับที่ข้าได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ชะตากรรมของเจ้าจักตัดสินเองว่าเจ้านั้นมีชะตาที่จะพบก้อนหินหรือไม่ ข้ามิรู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับเจ้าได้อย่างไร” ซูหยางยักไหล่ ปล่อยให้เหล่าศิษย์พูดไม่ออก

 

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถโต้เถียงกับเขา ผู้นํานิกายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกล้ํากลืนความโกรธของพวกเขาแล้วกลับคืนไปค้นหาหินที่เหลืออีกสองก้อน

 

“เจ้าอยากรู้หรือไม่ หรือข้าควรใช้ค่าว่างง ที่ทําไมเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่พบเห็นหินในเมื่อคนอื่นนั้นไม่สามารถ” ซูหยางถามเธอหลังจากที่ศิษย์คนอื่นจากไปแล้ว

 

“เจ้าค่ะ ท่านผู้นํานิกาย” เธอรีบพยักหน้าตอบ

 

“ก้อนหินนั้นวางอยู่ในที่โล่งเมื่อตอนที่ข้าพบมัน แต่ศิษย์คนอื่นนั้นมีเชื่อข้า” เธออธิบายให้กับเขา

 

“นั่นเป็นเพราะว่าข้าได้ซุกซ่อนหินนั้นไว้ในค่ายกลอําพรางที่สามารถเผยตัวมันเองออกมาแบบสุ่มเป็นเวลาชั่วขณะ และเจ้าก็ได้พบเห็นมันเมื่อตอนที่มันได้เกิดขึ้น ก็เหมือนกับที่ข้าพูด มันเป็นเหตุบังเอิญล้วนๆที่เจ้าได้พบ มัน… มันเป็นชะตา” ซูหยางอธิบายให้กับเธอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

 

“ค่ายกลอําพราง มิน่าประหลาดใจเลยที่ศิษย์คนอื่นมิเห็นมัน…” ศิษย์เฉินถอนหายใจโล่งอกหลังจากที่ได้รับรู้ความจริง

 

“มิว่าอย่างไร เจ้ามีเวลาเกินชั่วโมงนิดหน่อยที่จะเตรียมตัวเดินทาง” ซูหยางกล่าวกับเธอหลังจากนั้น “กลับมาที่นี้ยามเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว”

 

“เจ้าค่ะท่านผู้นํานิกาย” ศิษย์นั้นค่นับเขาก่อนที่จะวิ่งกลับไปยังบ้านของเธอเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง

 

ครั้นเมื่อศิษย์เฉินไปพ้นแล้ว ซูหยางก็หลับตาอีกครั้งกลับคืนสู่สภาพการฝึกฝีมืออย่างเงียบๆ

 

ในเวลานั้นศิษย์คนอื่นก็ทําการค้นหาก้อนหินต่อไปเหมือนกับหนูที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมเสาะหาอาหาร