บทที่ 1799 - ข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1799 – ข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ
  ชายสูงอายุทั้งสองคนจ้องมองชิงสุ่ยจากนั้นก็เริ่มกล่าวด้วยคำพูดที่ดูเชื่องช้า ” พวกเรามาที่นี่เพื่อเชิญเจ้าให้เข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ”
  ชิงสุ่ยขมวดคิ้วแม้ว่าคำตอบของชายชราทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ต้องการตอบคำถามเขาโดยตรง แต่มันเป็นการตอบคำถามโดยอาศัยชื่อของกลุ่มในการยืนยันตัวตนว่าพวกเขาเป็นคนของภาคีวิหคอัคคีเทวะ
  ”ภาคีวิหคอัคคีเทวะ?ข้าไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มนี้มาก่อนเลย”หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ชิงสุ่ยก็ส่ายหน้าและตอบกลับ
  ใช้อาวุโสรู้สึกโกรธเคืองอย่างมากในสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวตอบเขาจ้องเขม็งไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่แหลมคม ” เหตุผลที่พวกเรายอมเดินทางไปเชิญเจ้าด้วยตัวเอง นั่นก็เพราะว่าภาคีวิหคอัคคีเทวะยอมยกย่องเจ้า เจ้าอย่าแสดงความหยิ่งยโสให้มันมากเกินไป”
  ชิงสุ่ยยังคงนิ่งเงียบและจ้องมองชายชราทั้งสองคนอย่างใจเย็นจากนั้นเขาก็โบกสะบัดมือพร้อมยิงคลื่นพลังปราณที่ทรงพลังใส่ชายชราทั้งสองคน
  ปังงงงงง!!
  การโจมตีที่ดูโง่เง่าระเบิดชายชราคนนึงกระเด็นร่วงลงมากลิ้งบนพื้น ด้วยท่าทางที่ดูสะบักสะบอม ในขณะที่ชายชราอีกคนหนึ่งดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากทางด้วยความตกใจในสิ่งที่เห็น
  เขาตกตะลึงโดยสัญชาตญาณราวกับกำลังมองดูปีศาจร้าย ใบหน้าของเขากลายเป็นสีขาวซีดเซียวในทันที
  ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าเขายังคงผ่อนคลาย ในความจริง เขาได้แสดงความเมตตาโดยไม่สังหารชายที่กล้าพูดจาข่มเหงผู้อื่นภายในตระกูลชิง  ”ข้าชักสงสัยแล้วว่าพวกภาคีวิหคอัคคีเทวะรู้จักวิธีการเชิญผู้อื่นจริงๆหรือไม่? หรือว่าคนอื่นเขาไม่ทำเหมือนที่พวกเราทำกัน?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองไปหาชายชราที่เหลืออยู่อีกคนหนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเดิม โดยทำตัวเหมือนว่าเขาเอาชนะชายชราไม่ได้
  ใบหน้าของชายชราผู้นั้นเหงื่อแตกพลักก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังตระกูลชิง พวกเขาต่างก็ได้รับคำเตือนว่าจะต้องแสดงกิริยาสำรวมรักษามารยาท แม้ว่าการเชื้อเชิญครั้งนี้จะไม่สำเร็จ พวกเขาไม่ควรทำให้เจ้าของบ้านมีความรู้สึกขุ่นเคือง แต่ตอนนี้……………..
  ”ข้าต้องขออภัยจากใจจริงตัวข้านั้นมีตาหามีแววไม่ หลังจากนี้ข้าจะพยายามเป็นคนที่ดีกว่านี้ แล้วถ้ามีโอกาสพวกเราก็พร้อมจะชดเชยความผิดที่พวกเราก่อ”ชายชราโค้งคำนับและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
  ชิงสุ่ยไม่รู้สึกแปลกใจเลยเมื่อชีวิตนึงกำลังถูกคุกคามเพื่อเอาตัวรอดการโค้งคำนับไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกเขา หากมันจะช่วยให้พวกเขารอดไปได้ก็ถือว่าโชคดี
  ”ชดใช้ความผิดพลาด?เพราะฉะนั้น”ชิงสุ่ยเดินตรงไปหาชายชราก่อนจะใช้นิ้วแตะลงบนหน้าอก
  ”ออกไปเดี๋ยวนี้ สถานที่แห่งนี้ไม่ชอบให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยผลของนิ้วเก้าหยาง ถ้าหากเจ้าไม่โผล่หัวมาให้เห็นอีก ภายใน 1 ปี ผลของมันจะสูญสลาย แต่ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อ ความตายก็จะเป็นของเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวขณะโบกสบัดมือ
  เนื่องจากพวกเขากล้ารุกรานสถานที่ที่เขารักเขาก็จะไม่ปล่อยให้ทั้งสองคนกลับออกไปได้ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าถ้าหากทั้งสองคน สามารถกลับไปได้ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ผู้คนที่ตั้งใจจะมาลองของก็จะมีมากขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่เขาทำ คือการย้ำเตือนลงความผิดพลาด ถ้าหากยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็ควรพร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลกลับไป  ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้ดีว่าถ้าหากชิงสุ่ยจะไม่ปล่อยให้พวกเขารอดเพราะพฤติกรรมที่หยาบคายก็คงเป็นเรื่องธรรมดา ในทางตรงกันข้ามถ้าหากชิงสุ่ยอ่อนแอ พวกเขาก็ได้กระทำสิ่งที่ชิงสุ่ยทำ เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้วทั้งสองรู้สึกอับอายและหวาดกลัวไปพร้อมกัน
  ทั้งสองค่อยๆถอยหลังแล้วจากไปโดยที่ชิงสุ่ยไม่ถามอะไรต่อทั้งสิ้นไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการถามแต่เพราะไม่อยากเสียอารมณ์ และไม่ได้ใส่ใจใดๆในตัวกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ
  ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็รู้สึกได้ว่าอีกไม่นานนักกลุ่มคนจำนวนมากจากภาคีวิหคอัคคีเทวะจะต้องเดินทางมาหาเขาด้วยตัวเอง แล้วเวลานั้นก็คงเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการถามคำถามต่างๆนานา
  คนอื่นๆเดินเข้ามาหาชิงสุ่ยหลังจากที่ชายชราทั้งสองคนจากไป ชิงสุ่ยวิตกกังวลในช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะมองดูทุกคนและบรรเทาความกังวล แต่ในขณะเดียวกัน อี่หวงกู่หวู๋ก็กล่าวขึ้นมาว่า “ข้ารู้เรื่องราวของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ”
  ชิงสุ่ยมองไปที่อี่หวงกู่หวู๋ด้วยความสงสัยอี่หวงกู่หวู๋ถือว่าเป็นหนึ่งในยอดยุทธลำดับต้นๆของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติที่เธอจะมีปฏิสัมพันธ์หรือเคยพบเจอกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะมาก่อน
  อี่หวงกู่หวู๋เล่าว่า”สิ่งที่ข้าจะพูดเกี่ยวกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแบกรับบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งภูเขาเองก็ล้วนเป็นผู้สืบทอดมรดก แล้วเป็นมรดกสืบทอดที่มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งนี้”
  ”หวู๋เอ๋อเจ้ากำลังจะบอกว่าพวกเขากำลังได้รับประโยชน์บางอย่างจากพื้นแผ่นดินของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำอย่างนั้นรึ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่นึง
  อี่หวงกู่หวู๋พยักหน้าเธอคุ้นเคยกับคำพูดที่ชิงสุ่ยเรียกเธอว่า หวู๋เอ๋อ แล้วเธอเองก็มีความสุขเช่นกันที่ได้ยินอย่างนั้น “จริงๆแล้ว กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเกิดจากการรวมตัวกันของหลายๆตระกูล และเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ”
  ”หนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ?นั่นก็หมายความว่ายังมีกลุ่มอื่นที่มีระดับพลังทัดเทียมกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะใช่หรือไม่?”
  ”บนโลกใบนี้มีกองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่มากมายทุกหนแห่ง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจใดๆ แต่จากการสันนิษฐานของข้า ข้าเชื่อว่ากลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะจะต้องเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณแห่งนี้ และข้าเชื่อว่า พวกมันเองก็เป็นตัวแทนของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเช่นกันกัน”
  ”ตัวแทนของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ?”ชิงสุ่ยจ้องมองอี่หวงกู๋หวู๋ด้วยท่าทีที่แปลกไป
  ”เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินข่าวลือว่าโลกเก้ามหาทวีปกำลังจะเกิดสงครามใหญ่ แม้แต่เผ่ามหาสมุทร และเผ่าปีศาจก็เข้าร่วมการต่อสู้ทางนี้เช่นกัน โดยที่การต่อสู้จะเป็นการประลองระหว่างกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละมหาทวีป” อี่หวงกู่หวู๋ดูเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อเริ่มพูดประเด็นนี้
  ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยก็เคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้มาก่อนและเมื่ออี่หวงกู่หวู๋กล่าวเรื่องราวเหล่านี้ออกมามันก็ยิ่งเป็นเรื่องยืนยันว่าข่าวลืออาจจะเป็นความจริง
  ชิงสุ่ยจดจำได้หลายสิ่งหลายอย่างรวมถึงเศษเสี้ยวความทรงจำจากเทพสงคราม จากนั้นเขาก็พยายามตั้งสมมติฐานคร่าวๆในสิ่งที่เขาไม่รู้ แต่มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลกก้าวมหาทวีปอย่างแน่นอน
  สำหรับชนเผ่ามหาสมุทรและชนเผ่าปีศาจ การต่อสู้ของแต่ละฝ่ายกินเวลากันมานานแล้ว มนุษย์เองก็สามารถต่อกรกับผู้อื่นได้เพียงแต่ปัญหาเดียวตอนนี้ คือ 5 มหาทวีปที่เหลือจะแข็งแกร่งมากพอจะต่อกรกับนักรบจาก มหาทวีปมังกรอหังกาล มหาทวีปอุดรเทวา และมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำได้จริงๆหรือ?
  แม้ว่าผู้คนจะกล่าวกันว่าแต่ละมหาทวีปมีมหานักรบที่ซ่อนเร้นกายอยู่ภายในแต่ข้อเท็จจริงเรื่องความแข็งแกร่งของพลังปราณแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถโต้แย้งได้
  ”ทั้งหมดยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือว่าแต่เจ้าจะวางแผนแก้ไขปัญหาระหว่างเจ้ากับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะด้วยวิธีใด?”อี่หวงกู่หวู๋ถามหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
  ”ที่ข้ารู้คือชายชราทั้งสองคนได้ทำให้ข้าสูญเสียความประทับใจในตัวของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะไปเสียแล้ว”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
  ”ที่รักของข้าข้าจะให้เจ้าตัดสินใจด้วยตัวเจ้าเอง กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะที่เคยติดต่อกับข้า พวกเขาไม่เคยแสดงท่าทางเช่นนี้มาก่อน บางทีมันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นเพราะตัวของทั้งสองคนนั้นเอง หากเจ้าอยากจะติดต่อกับผู้ที่แข็งแกร่งระดับสูง ข้าเชื่อว่าการเดินทางไปยังกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดี” อี่หวงกู่หวู๋กล่าว ดูเหมือนตัวเองจะมีความประทับใจที่ดีกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ
  ”อย่างนั้นรึ?หวู๋เอ๋อ ดูเหมือนว่าเจ้าจะค่อนข้างมีความสัมพันธ์กับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะในทางที่ดีสินะ”ชิงสุ่ยเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาก และกำลังแสดงความอยากรู้
  ”นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวอะไรบางอย่างที่ทำให้ชิงสุ่ยถึงกับประหลาดใจ
  ชิงสุ่ยตกตะลึงอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะยิ้มและกล่าวถามว่า”อ่าา สิ่งที่เจ้าพูด ชักทำให้ข้าเกิดความสนใจเสียแล้ว เจ้าพอจะบอกเรื่องราวเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่?”
  ”จริงๆ ตั้งแต่ที่ข้าได้เข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะมันก็เป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว ก่อนที่ข้าจะได้พบเจอกับเจ้า ข้าก็เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะมาก่อน พวกเขาไม่ได้บังคับให้เจ้า หรือว่าใครก็ตามเข้าร่วมกับกลุ่ม จนกระทั่งถึงตอนนี้ ข้าเองก็แทบไม่ได้มีส่วนในกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาก็พร้อมเต็มใจจะช่วยเหลือข้า และนับว่าข้าคือผู้อาวุโสของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ”