”ไปที่สถานที่ปฏิบัติภารกิจเดี๋ยวนี้!เร็วเข้า! ห้ามช้าอีก!” เสียงของอีกฝ่ายรุนแรงตามอารมณ์ ก่อนจะมีเสียงสัญญาณแทรกเข้ามาตัดการสนทนาของทั้งคู่
หลังจากเสียงหายไปสีหน้าของเขี้ยวมังกรก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนเย็นชา เขาเหลือบตามองลงไปที่ด้านล่างก่อนจะถอนหายใจออกมา “เหอเฟิงเพื่อนยาก ฉันช่วยนายได้แค่เท่านี้แหละนะ”
หลังจากพูดจบ
”ฟรึบๆ~”
เสียงเร่งเครื่องของใบพัดดังสนั่นก่อนที่ตัวเครื่องจะเปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้าพุ่งไปด้วยความเร็ว…เส้นทางเดิมที่ตั้งเป้าไว้ทางทิศใต้ถูกเปลี่ยนเป็นทิศเหนือแทน
หลังจากเขี้ยวมังกรจากไปค่ายหนานตู้ก็เข้าสู่ความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ฉางกวนหลงกลับมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าบูดบึ้ง มีเพียงแค่มู๋หรงยู่เฉิงที่เดินตามมาด้วยใบหน้าเดียวกัน ไม่มีใครกล้าจะพูดกับฉางกวนหลง ทุกคนต่างมองเห็นความโกรธที่แสดงออกมาชัดเจนของฉางกวนหลงจนกลัวกันหมด
ขณะรอคอยฉางกวนหลงกลับมาที่บ้านพักฉางกวนยวีซินที่รอพ่อของเธอมาเป็นเวลานานก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอแสนจะเศร้าใจเมื่อได้รู้ข่าวการตายของชูฮัน แต่ตอนนี้เธอกลับตื่นเต้นแปลกๆ
”มู๋หรงยู่เฉิงไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” ฉางกวรหลงที่เดินเข้ามาและได้เห็นฉางกวนยวีซินที่รออยู่ก็หันไปมองมู๋หรงยู่เฉิงทันที
”ครับ”มู๋หรงยู่เฉิงสบตากับฉางกวนยวีซินด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉางกวนยวีซิน เมื่อตอนที่ได้รู้ว่าชูฮันตาย ฉางกวนยวีซินเศร้าสร้อยอย่างมาก หรือว่าเธอเศร้าจนเสียสติไปแล้ว?
มู๋หรงยู่เฉิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากชูฮันจะไม่ได้ตายจริงๆแล้วแต่ชูฮันยังมีชีวิตอยู่ดีอีกเขาคิดเพียงชั่วแวบก่อนจะจากไป ปล่อยให้พ่อและลูกได้มีเวลาทำความเข้าใจกัน แม้ว่าภายนอกฉางกวนหลงจะดูเหมือนเข้มงวดกับฉางกวนยวีซิน แต่ความจริงมีแค่มู๋หรงยู่เฉิงที่รู้ว่าที่จริงแล้วฉางกวนยวีซินขัดคำสั่งไปช่วยหลูปิงเซ่อจนทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โต
เมื่อเหลือเพียงแค่สองพ่อลูกในห้องฉางกวนหลงก็ถอนหายจออกมาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ และพูดขึ้นก่อน “พ่อพึ่งได้รับข่าวจากเขี้ยวมังกรมาว่าตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่าถูกกองทัพซอมบี้และลูกผสมล้อมเอาไว้ สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก”
หลังจากพูดเสร็จฉางกวนหลงก่อนเงยหน้ามองลูกสาวด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย เขารู้ว่าตอนนี้ใจของฉางกวนยวีซินอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า และเมื่อไหร่ที่ข่าวนี้ได้รับการยืนยันชัดเจนเธอคงจะเป็นกังวลหนักมาก
ทว่าเหนือความคาดหมายฉางกวนยวีซินไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เธอเพียงแค่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าเดิม “แล้วไงต่อ?”
ฉางกวนยวีซินตะลึงค้างทันทีเขายิ่งอับอายขึ้นไปอีก “อีกฝ่ายบอกว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าต้องการการสนับสนุน แต่พ่อเลือกที่จะไม่สนับสนุนพวกเขา”
ฉางกวนยวีซินกระพริบตาวางแก้วชาในมือลงก่อนจะถามคำถามที่คนละหัวข้อกับสิ่งที่ฉางกวนหลงพูด “แล้วพ่อมาบอกเรื่องค่ายเขี้ยวหมาป่ากับหนูทำไม?”
”ก็…”ฉางกวนหลงไม่กล้าพูด เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที “พ่ออยากจะช่วยค่ายเขี้ยวหมาป่า พ่อรู้ว่าหลังจากเรื่องการตายของชูฮัน ที่เดียวที่อยู่ในใจลูกตอนนี้คือค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่จะให้พ่อปล่อยลูกไปได้ยังไง? ลูกผสมคงทำลายที่นั่นจนย่อยยับหมดแล้ว? ลูกต้องเข้าใจหัวอกพ่อสิ และการที่เขี้ยวมังกรมาถึงที่นี้เพื่อพูดเรื่องนี้ มันยิ่งแปลกเข้าไปอีก!”
เป็นอีกครั้งที่ฉางกวนยวีซินขบคิดในหัวจนวุ่นก่อนที่แววตาแสนฉลาดคู่นั่นจะสบตาเข้ากับฉางกวนหลง “หลูปิงเซ่อพูดถูก เป้าหมายหลักของลูกผสมก็คือค่ายเขี้ยวหมาป่า และพ่อก็ไม่ยอมเชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ”
ฉางกวนหลงชะงักค้างทันทีเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกภูมิใจกับความกระตือรือร้นเฉลียวฉลาดของลูกสาวตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ชอบ ทำไมฉางกวนยวีซินต้องมาฉลาดในเวลาแบบนี้ด้วย?
ฉางกวนยวีซินสามารถคาดเดาความร้ายแรงของสถานการณ์ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังเผชิญหน้าได้อยู่! novel-lucky
ฉางกวนยวีซินยิ้มบางๆก่อนจะทำให้ฉางกวนหลงช็อคอีกครั้งด้วยคำถามถัดมา “ความแตกต่างในการส่งสารครั้งนี้คือการที่เขี้ยวมังกรมาอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมันน่าจะแปลว่าเขามาจากซางจิงใช่มั้ยล่ะ?”
เฮือก!
ฉางกวนหลงสะดุ้งเฮือกทันที”ทำไมลูกถึงคิดแบบนั้น?” มันไม่สมเหตุสมผลที่เขี้ยวมังกรจะต้องมาส่งสารหัวหน้าทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของซางจิง ทำไมจะต้องเดินทางมาหนานตู้เป็นพิเศษแค่เพื่อจะส่งสารสั้นๆไม่กี่ประโยค?
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คนทั่วไปทำกัน แต่สำหรับเขี้ยวมังกรที่มีภารกิจมากจนไม่มีเวลาว่างกลับต้องมาทำอะไรแบบนี้…
เพราะฉะนั้นหลังจากที่เขี้ยวมังกรจากไป ฉางกวนหลงถึงได้กระจ่าง
แต่สำหรับลูกสาวเขาที่ไม่ได้เจอและไม่ได้ยินคำพูดของเขี้ยวมังกรเลยทำไมยวีซินถึงได้เข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้งแบบนี้?
แม่เจ้า!
ลูกสาวเขาเป็นอัจฉริยะทางการเมืองงั้นเหรอ?
แสงเย็นๆวิ่งผ่านตาของฉางกวนยวีซินไปอย่างรวดเร็วแทนที่ด้วยแววตาเย็นชาหากมันไม่ได้จับจ้องไปที่ฉางกวนหลงแต่กลับเป็นอีกทิศทางหนึ่ง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “พ่อ เชื่อใจหนูมั้ย?”
ฉางกวนยวีซินไม่ใช่นักการเมืองอัจฉริยะที่เธอสามารถคาดเดาทั้งหมดนี่ได้เพราะเธอรู้ว่าชูฮันยังไม่ตาย และเธอก็สงสัยทุกอย่างมาหลายวันหลังจากได้เจอกับซงเสี่ยว
ซางจิง…สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย!
”เอ่อ…”ฉางกวนหลงที่ยังไม่ได้สติกลับมาก็พูดอะไรไม่ออก เขาไม่สามารถเข้าใจความคิดของลูกสาวตัวเองตอนนี้ได้เลย
ฉางกวนยวีซินไม่พูดตรงๆแต่เริ่มทำการวิเคราะห์พฤติกรรมของเขี้ยวมังกรออกอย่างตรงๆ “ตามข่าวลือที่ได้ยินมาคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขี้ยวมังกรก็คือผู้บัญชาการมู๋ และในตอนนี้ซางจิงก็มีหนอนบ่อนไส้ มีคนมากมายที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับผู้บัญชาการมู๋ ดังนั้นเขี้ยวมังกรถึงต้องแอบมาที่นี้อย่างลับๆ”
”และการที่พ่อเลือกที่จะไม่สนับสนุนค่ายเขี้ยวหมาป่า…หนูเข้าใจดี”ฉางกวนยวีซินพูดต่อเนื่องโดยไม่เปิดโอกาสให้ฉางกวนหลงได้พูด “เพราะเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากซางจิง ค่ายของเราต้องฟื้นฟูดูแลตัวเองก่อน อีกทั้งตอนนี้ทุกคนก็คิดว่าชูฮันตายแล้ว ถ้าค่ายหนานตู้เลือกที่จะสนับสนุนค่ายเขี้ยวหมาป่า เราก็จะโดนเหมารวมไปด้วย เราจะต้องไม่ปล่อยให้คนที่ไม่เป็นมิตรมีข้ออ้างมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราได้ อีกทั้งค่ายของเราก็พึ่งจะผ่านสงครามมาสดๆร้อนๆ เราจำเป็นต้องเลือกทางนี้เพื่อให้พวกเราได้พักฟื้นตัวเองก่อน”
คำพูดของฉางกวนยวีซินกระแทกเข้าหัวของฉางกวนหลงอย่างจังฉางกวนหลงสบตากับลูกตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาคิดไม่ถึงเลย มันเกิดอะไรขึ้น?
เขาประคบประหงมลูกสาวของเขาราวกับเจ้าหญิงมาตลอดปกป้องจนเกินพอดี
แต่ทำไมกัน?
ความใสซื่อบริสุทธิ์ของลูกสาวในสายตาเขาหายวับไปทันทีและมันได้กลายเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างเต็มเปี่ยมแทน?
”เดี๋ยว”ฉางกวนหลงที่ช็อคค้างเอะใจขึ้นมาเมื่อทบทวนคำพูดของฉางกวนยวีซินอีกครั้ง “ลูกพูดว่าอะไรน่ะ? ทุกคนคิดว่าชูฮันตาย? อะไรคือ‘คิด’?”
ฉางกวนยวีซินจิบชาหนึ่งอึกก่อนจะมีประกายแปลกๆในนัยน์ตาคู่สวย และพูดกับฉางกวนหลงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เขายังไม่ตาย ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ?”