ตอนที่ 591: การต่อสู้ระหว่างผู้หญิง 2 คน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 591: การต่อสู้ระหว่างผู้หญิง 2 คน

ด้วยความตกตะลึง เจี้ยนเฉินจ้องมองหวงหลวน นางยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว สายตาของเขาตวัดไปที่โหยวเยว่ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา เขารู้สึกว่ามันมีความไม่ถูกต้องบางประการ แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาเคยคิดว่าหวงหลวนนั้นจะมาหาเขาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีคู่หมั้นอยู่ข้าง ๆ เขา

ผู้หญิงคนเดียวที่เขารู้จักชื่นชมและเคยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ ผู้หญิงคนนั้นคือคู่หมั้นของเขา และเป็นที่รู้จักทั่วอาณาจักรเกอซุน เจี้ยนเฉินไม่ได้รู้เลยว่าจะต้องทำเช่นไร เมื่อมีผู้หญิงคนที่สองเข้ามาใกล้

หมิงตงนั้นเข้าใจอย่างชัดเจนถึงปัญหาที่เจี้ยนเฉินเผชิญอยู่ แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเขาเลย กลับกัน เขาหัวเราะออกมา น้องชาย ข้ามีบางอย่างที่ต้องจัดการ ข้าต้องไปก่อนนะ หมิงตงไม่ได้กล่าวสิ่งใดหลังจากกล่าวจบ เขาหันไปรอบ ๆ เพียงไม่กี่ก้าว หันมองไปที่เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และหวงหลวน พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

เจี้ยนเฉินฝืนยิ้มออกมาขณะถามหวงหลวนว่า “อะไรพาเจ้ามาที่นี่ ?

วันนี้ หวงหลวนนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ขับรูปลักษณ์ของนางได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่างของนางมีเสน่ห์ที่สามารถคว้าหัวใจของทุกคน เพียงการเคลื่อนไหวเดียว

ชุดของนางรัดกุมเมื่อเทียบกับชุดเดิมที่นางเคยสวมใส่ ครานี้ นางเหมือนผู้หญิงที่พร้อมสำหรับการเดินทาง

ใบหน้าของหวงหลวนปรากฏรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนทันที ในขณะที่สายตาของนางหยุดลงที่เจี้ยนเฉิน นางยิ้ม นางกล่าวว่า เจ้าจะไม่ต้อนรับข้า เสียงนางให้ความรู้สึกของความเป็นสหายสนิท

เจี้ยนเฉินฝืนยิ้มขณะมองหวงหลวน แน่นอน ข้าต้อนรับเจ้า เข้ามาสนทนากันด้านในเถิด

ส่งรอยยิ้มหวานให้เจี้ยนเฉิน นางโยนลงสายบังเหียนไว้ในมือของนางและตามเขาไป

ยามที่ประตูนั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี พวกเขาจึงรีบวิ่งทันทีเพื่อเอาสัตว์อสูรไป

หยุดในด้านหน้าของเจี้ยนเฉิน นางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา มีจิตใจอ่อนโยน ยิ้มออก นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อจู่ ๆ นางก็ตระหนักว่ามีสาวงามอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน มองนางด้วยความสับสน นางถามว่า เจี้ยนเฉิน นี่ใคร ?

สวัสดี ข้าชื่อโหยวเยว่ โหยวเยว่ตอบก่อน มีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง แต่ภายในใจก็รู้สึกหึงหวง หวงหลวนดูสนิทสนมกับเจี้ยนเฉิน ดังนั้น นางจึงสามารถสรุปได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นใกล้ชิดกันมาก

โหยวเยว่ ? เจ้าเป็นองค์หญิงของอาณาจักรเกอซุน หวงหลวนถามนางอย่างตกตะลึง

นางพยักหน้าในคำตอบ ถูกต้อง นั่นคือข้า ข้าถามได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ?

ไฟในดวงตาก็เปลี่ยนไป เมื่อนางได้มองโหยวเยว่ มีสีเข้ม สีอ่อนแสงที่ดูเหมือนจะมีความริษยาที่ซ่อนอยู่ในนั้น ข้า หวงหลวนเป็นสมาชิกของครอบครัวหวง

อ๊ะ แม่นางหวงหลวน ท่านมาจากอาณาจักรใด ? ข้าได้ยินชื่อครอบครัวหวงมาก่อน แต่ข้าไม่รู้ว่าตระกูลของท่านตั้งอยู่ที่ใด โหยวเยว่ยิ้มบาง ๆ

ข้าเกรงว่าองค์หญิงผิดหวัง แต่ครอบครัวหวงของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรใด เราอยู่ในภูเขาและไม่ค่อยติดต่อกับอาณาจักรใด หรือครอบครัวอื่น ๆ ที่อาจใช้นามสกุลของเรา หวงหลวนตอบ

สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงแข็งกร้าว เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าอาการปวดหัวของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมเราไม่เดินเข้าไปก่อนและไปสนทนากันที่นั่น ? เขากล่าวออกมา

เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และ หวงหลวน ทั้งหมดนั่งล้อมเป็นวงกลม และโต๊ะในห้องตกแต่งอย่างวิจิตร หวงหลวนตื่นเต้นที่จะเห็นเจี้ยนเฉินและคุยกับเขาไม่หยุดเกี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อใดก็ตามที่นางถามคำถามอื่น เจี้ยนเฉินก็ตอบความจริงโดยไม่ทิ้งปริศนาอะไรไว้ข้างหลัง

ดวงตาของหวงหลวนสดใสขึ้นราวกับนางนึกอะไรบางอย่าง มองไปที่เจี้ยนเฉินนางกล่าวว่า เจี้ยนเฉิน ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า ข้ากลายเป็นศิษย์ของหัวหน้าตระกูลหวงกู่ พวกเขาต้องการที่จะสอนวิธีการบ่มเพาะคัมภีร์ทานตะวัน ทักษะการบ่มเพาะระดับเซียน !

อะไรนะ ? ทักษะการบ่มเพาะระดับเซียน เจี้ยนเฉินกลายเป็นมึนงง แม้ว่าวิธีการบ่มเพาะพลังนั้นจะไม่ได้เป็นที่ต้องการมากเท่าทักษะการต่อสู้ แต่ทักษะการบ่มเพาะระดับเซียนนั้นก็หาได้ยากมาก

มันเป็นวิธีสำหรับผู้ที่บ่มเพาะพลังด้วยน้ำ ความสัมพันธ์บางอย่างที่ข้าบังเอิญมี เพราะเหตุนี้ ข้าได้เรียนรู้และบ่มเพาะ เพียงเวลาครู่สั้น ๆ ในเวลาเพียง 2 เดือน ในที่สุด ข้านั้นได้เลื่อนขั้นจากเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 1 เป็นเซียนปฐพีวัฎจักรที่ 3 และด้วยอัตราของความคืบหน้านี้ การที่ข้าจะกลายเป็นเซียนสวรรค์มันก็ใช้เวลาไม่กี่ปี . . . ใบหน้าของหวงหลวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

โหยวเยว่นั้นรู้สึกถึงความตกตะลึงจับที่หัวใจนางอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน นางไม่ได้คิดว่ามันหลุดโลกเกินไป การที่นางเป็นเซียนปฐพีนั้น มันเหนือกว่าอายุของนางเอง ไม่เพียงแต่ที่นางไม่คาดว่าจะได้ยินทักษะการบ่มเพาะระดับเซียน มันเป็นวิธีการที่ถูกกล่าวถึงเพียงแค่ในตำนาน

ไม่นานหลังจากนั้น โหยวเยว่ก็จัดการเพื่อควบคุมอารมณ์ของนางและรักษาท่าทางนางให้สงบ จากสิ่งที่นางได้ยิน หวงหลวนนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในบรรดาบุตรสาวชั้นนำของครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่เป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของนางจะสูงกว่าโหยวเยว่ หวงหลวนเองเป็นเซียนปฐพีในอายุของนาง ในขณะที่โหยวเยว่ไม่ใช่ หลังจากที่หวงหลวนได้ค้นพบอาจารย์ที่ได้สอนวิธีบ่มเพาะพลังระดับเซียนให้นาง นี่หมายถึงว่านางแทบจะเหนือกว่าทุกด้าน และถึงแม้โหยวเยว่จะมีสถานะขององค์หญิง แต่นางก็ไม่อาจเปรียบเทียบหวงหลวนได้

เจี้ยนเฉินสังเกตการเปลี่ยนแปลงในท่าทีของโหยวเยว่ เป็นพฤติการณ์ที่มีปัญหาบางอย่าง ทันทีที่เขาเลิกการสนทนา แล้วเรียกใครบางคน เพื่อเตรียมห้องพักให้กับหวงหลวน และจากนั้นเขาก็ไล่ทุกคน

หลังจากออกจากห้อง โหยวเยว่รู้สึกหดหู่ เดินคนเดียวในห้องของนางเอง นางนั่งบนเตียงและจ้องมอง ไปที่ผนังตรงข้ามกับนางอย่างไม่มีการตอบสนอง

ประตูห้องค่อย ๆ เปิดออก เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในห้อง

ปิดประตูหลังเขา เจี้ยนเฉินเดินไปหาโหยวเยว่และนั่งลงข้าง ๆ นาง ใบหน้าของนางมีความกังวลมาก เจี้ยนเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่า เขาไม่รู้ที่จะกล่าวปลอบใจนางได้อย่างไร

เขาถอนใจ เจี้ยนเฉินเองก็ไม่ใช่คนที่เข้าใจในวิธีการพูดจาภาษาดอกไม้ และในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไร้ซึ่งอำนาจ

มีประกายในดวงตาของนาง เมื่อโหยวเยว่หันไปมองเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าเศร้า แต่เป็นเพราะการสะท้อนของแสงบนดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา มีเพียงหยดน้ำตาไหลลงอาบใบหน้าของนาง ก่อนที่มันจะหยดไปบนพื้น

เจี้ยนเฉินตกใจเมื่อเห็นหยดน้ำตาของนาง แต่ก่อนที่เขาจะพูด โหยวเยว่ได้แต่ทุบอกเขา เจี้ยนเฉิน บอกมา คำพูดของเจ้าก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกว่าไม่มีเวลาให้ผู้หญิงเป็นการโกหกหรือไม ? ที่เจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าก่อนหน้านี้ เพราะแท้ที่จริงแล้ว เจ้ามีนางในดวงใจที่เหนือกว่าข้า ?

นางอกหักและเสียงของนางแตกพร่าออกมาเป็นเสียงสะอื้น ความจริงแล้ว หัวใจของนางไม่มีความรู้สึกอะไรนอกจากความรักสำหรับเจี้ยนเฉิน และนั่นเป็นเหตุผลที่นางพบว่ามันปวดใจเมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว เมื่อหวงหลวนโผล่มาวันนี้ ความรู้สึกที่นางมีต่อเจี้ยนเฉินก็ชัดเจน มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมกับความจริงที่ว่านางเหนือกว่าโหยวเยว่ในทุกด้าน ทำให้องค์หญิงรู้สึกว่านางเป็นภัยคุกคามอย่างมากที่จะขโมยคนที่นางรักไป

ดึงมือโหยวเยว่ เจี้ยนเฉินวิตกกังวลกับความใกล้ชิดเช่นนี้ ในขณะที่เขากล่าวเบา ๆ ว่า โหยวเยว่ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคิดว่ามันเป็น เหตุผลที่ข้าไม่ได้รีบร้อนที่จะแต่งงานเจ้าเพราะข้าไม่พร้อมที่จะปักหลัก ข้ายังไม่ได้แก้ไขปัญหาที่หนักบนไหล่ของข้า และถ้าไม่แก้ไขมันก่อนที่ข้าจะเริ่มต้นครอบครัว มันก็จะทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย”

ข้าไม่ฟัง ข้าไม่อยากจะได้ยินคำโกหก โหยวเยว่เริ่มร้องไห้

พูดไม่ออก เจี้ยนเฉินมองโหยวเยว่ จุดเริ่มต้นมากของความสัมพันธ์ของพวกเขา โหยวเยว่เป็นคนที่มีความเข้าใจแก่เขาเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นโหยวเยว่ร้องไห้ออกมา นี่คือบางสิ่งที่เขารู้สึกเจ็บมากกว่า

เขาถอนหายใจอีกครั้ง เขาจะซื่อสัตย์กับโหยวเยว่และจะไม่ทำร้ายนางอีก

โหยวเยว่ ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือน ข้าเป็นเซียนสวรรค์และผู้พิทักษ์จักรวรรดิของหนึ่งในแปดมหาอำนาจในทวีป ชีวิตของข้าไม่อาจผ่อนคลาย เป็นอย่างที่เจ้าคิด มันอาจจะมีศัตรูหลายคนที่คุกคามต่อข้าได้ เจี้ยนเฉินพูดก่อน เล่าเรื่องราวเหล่านั้น

น้ำตาของโหยวเยว่หยุดชั่วคราว หยุดสายตาของนางไว้กับเขา

ในปีที่ผ่านมาในเทียนหยวนทวีป ข้าสร้างความโกรธเคืองต่อหลายครอบครัว และถึงแม้ว่าบางส่วนของพวกเขาถูกฆ่าตาย ยังคงมีกลุ่มที่ซ่อนตัวอีกมากมายที่ข้าไม่อาจต่อสู้ เป็นตระกูลชิและตระกูลเจียเต๋อ ทั้งสองตระกูลนั้นทรงอำนาจและมีความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเขามีเซียนผู้คุมกฎ ในพวกเขา มีเพียงความตายเท่านั้นจะปลดเปลื้องความแค้นระหว่างตระกูลเหล่านั้น และถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะไม่ได้รามือโดยง่าย ถ้าพวกเขายังไม่ตาย ข้าก็จะไม่มีวันปลอดภัย มันมีแนวโน้มที่ทั้งสองตระกูลนั้นค้นหาข้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และถึงแม้จะมีระยะทางยาว ระหว่างเราสองคน มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่พวกเขามาถึงที่นี่ ช่วงเวลาที่พวกเขาค้นพบตัวตนของข้า การเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิอาณาจักรฉินหวงอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยข้า ดังนั้นข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของข้าเท่าที่ข้าจะสามารถ ถ้าไม่เช่นนั้น แล้วเมื่อเซียนผู้คุมกฎมาหาข้า ข้าจะต้องตายพร้อมกับครอบครัวข้า

“นอกเหนือจากทั้งสอง ยังคงมีนิกายพยัคฆ์มังกรจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ พวกเขาเป็นนิกายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อต่อสู้กับพวกเขา และประมุขของพวกเขาเป็นเซียนผู้คุมกฎที่ปรารถนาสมบัติของข้า ข้าที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิอาณาจักรได้ต่อต้านพวกเขากลับไปชั่วคราว”

มองอย่างที่โหยวเยว่อย่างต่อเนื่อง โยยวเยว่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ถึงภาระที่กดทับบนไหล่แล้ว ข้ามีศัตรูเป็นเซียนผู้คุมกฎ เป็นข้าตอนนี้ ข้าไม่มีโอกาสรับมือพวกเขา แม้หนีก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยวิธีอัตราต่อรองที่ซ้อนกัน ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะมีเวลาเหลืออยู่มากเพียงใด