คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 903

โมนิก้าขบริมฝีปาก ถึงแม้ว่าเธอจะยังคงคิดถึงแดร์ริล แต่เธอก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดอยู่ในใจ

“เจ้าศักดินาเคนนี่” โมนิก้ากล่าวด้วยนำ้เสียงแผ่วเบามากขณะที่กัดริมฝีปาก

“ยอดรัก มีอะไรเหรอ?” เจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดฉีกยิ้มและเดินเข้ามาหาเธอ

“คืนนี้… เราไม่ลองมา…” โมนิก้ากัดริมฝีปากจนเลือดแทบออก

เธอรู้สึกลังเลใจ! เธอไม่รู้ว่าจะเปิดใจยอมรับเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดดีไหม หรือว่าเธอจะต้องทำอย่างไร เธอจึงยังคงไม่กล้าที่จะกล่าวออกมาเต็มประโยคไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน

ในขณะเดียวกัน ชายสองคนซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลจากตัวโมนิก้าและเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรด ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยท่าทางที่ไม่สนโลก

พวกเขาสองคนนั้นคือ มัตเตโอ แฮนสันและลูกศิษย์ของเขา จัสติน ควินน์

ในปีที่ผ่านมา ระดับกำลังภายในของจัสตินก็บรรลุไปถึงระดับปราชญ์ยุทธขั้นสี่ภายใต้การแนะนำของมัตเตโอและความทุ่มเททั้งหมดของตัวเขา

จัสตินมาถึงจุดที่เป็นคอขวดสำหรับเขา มัตเตโอจึงพาเขาออกมาบ่มเพาะฝึกฝนนอกสถานที่ในเวลานี้ด้วยการไล่ฆ่าพวกอันธพาลและโจรหัวขโมยสองสามคนเพื่อความสนุกสนาน

พวกเขาเดินทางผ่านมาที่เมืองหลวงและมุ่งหน้ามาที่ทะเลสาปเสี้ยวพระจันทร์

“ท่านอาจารย์!”

ทันใดนั้น จัสตินยิ้มชอบใจและกล่าว “วันเกิดของท่านกำลังใกล้เข้ามาแล้วอีกแค่ไม่กี่วัน ท่านอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญ? ผมจะไปหามาให้ ผมซื้อรถสปอร์ตให้สักคันเอาไหม?”

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา จัสตินค่อยเล่าให้มัตเตโอฟังถึงเรื่องความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีในจักรวาลโลก ซึ่งรวมไปถึงรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต และอื่น ๆ อีกมากมาาย

จัสตินไม่ได้พูดเล่น เขาสามารถที่จะซื้อรถสปอรต์ให้กับมัตเตโอได้ เพราะเขาเป็นถึงทายาทตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่งในจักรวาลโลกและการซื้อรถสปอร์ตให้กับมัตเตโอก็ไม่ได้เรื่องยากเลยสำหรับเขาเลย

มัตเตโอยิ้มอ่อน ๆ “ไอ้เวรนี่! ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับข้าก็คือความทุ่มเทอุทิศตนสุดใจของเจ้า ที่มีต่อสำนักประกายแสงนี้ ลืมเรื่องรถสปอร์ตอะไรพวกนั้นไปได้เลย”

เขารู้ดีว่ารถสปอร์ตที่จัสตินกล่าวถึงนั้นคือ ยานพาหนะชนิดหนึ่งที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

แต่ถึงอย่างไรก็ เขาก็ลอยตัวไปได้ทุกที่ตามใจอยู่แล้ว ด้วยกำลังภายในที่เขามี ซึ่งมันน่าจะเร็วกว่ารถสปอร์ตหลายเท่า

“หยุด!” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน

ทหารชุดดำหลายสิบนายก็พุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขาอย่างหยิ่งทรนง พวกเขาคือหน่วยอารักขาของเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรด

หัวหน้าหน่วยอารักขาเดินเข้ามาหาพวกเขา จ้องมองมัตเตโอและจัสตินอย่างเย็นชาและกล่าว “พวกแกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ ไสหัวไปให้พ้น!”

หัวหน้าหน่วยอารักขามีนามว่า คริสเตียน ฮ็อดจ์ เขาอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นห้าซึ่งสามารถจะปล่อยรัศมีพลังออกมาบางส่วนเพื่อทำให้คนธรรมดารอบข้างหายใจไม่ออกได้

“นี่เจ้าบอกให้ข้าไสหัวไปงั้นเหรอ?” มัตเตโอขมวดคิ้วพร้อมกับรอยยิ้มที่เหยียดหยาม

มัตเตโอท่องไปทั่วยุทธภพตลอดชั่วชีวิต ทำทุกสิ่งตามใจตัวเองและไปในทุกที่ที่เขาอยากจะไปและไม่มีใครกล้าที่เข้ามาขวางทางเขา

จัสตินหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะต้องก้าวมาข้างหน้าและจ้องไปที่คริสเตียนอย่างขึงขัง “นี่แกบ้าไปแล้วรึไง? พวกแกเป็นใคร?”

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา จัสตินคอยเฝ้าติดตามมัตเตโอเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะและใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับมัตเตโอ ภายใต้อิทธิพลของมัตเตโอบุคลิกของจัสตินก็กลายเป็นคนเลือดร้อน ก้าวร้าวรุนแรง และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือจัสตินไม่หวาดกลัวอะไรเลยเวลาอยู่ใกล้กับอาจารย์

‘ไอ้หนุ่มไม่มีสัมมาคาราวะ!’ คริสเตียนเดือดดาลขณะที่เขาชักกระบี่เล่มยาวออกมาและตะคอกใส่ “แกมันรนหาที่ตายแล้ว!”

เขาพุ่งตัวขึ้นไปข้างหน้าและรีบวิ่งเข้าใส่มัตเตโอและจัสติน

หึ่ง!

รัศมีอันทรงพลังก็ปะทุออกมาจากตัวของคริสเตียน ขณะแสงสว่างเย็นวาบเปล่งประกายออกมาจากมือ มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก!

จัสตินยิ้มเยาะอย่างขึงขัง ในขณะที่ชักดาบเล่มยาวออกมาอย่างนิ่มนวล และเผชิญหน้ากับคริสเตียนเพื่อป้องกันการโจมตี