บทที่ 464 ของขวัญล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

The king of War

“รูกระสุนเหมือนจะเล็กนิดเดียวจริงๆ! ดูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกระสุน เหมือนว่าเป็น……ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของตะเกียบ!”

มีคนร้องตกใจขึ้นมา จากนั้นสายตามองไปยังหยางเฉิน

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนต่างตกอยู่บนตัวของหยางเฉินทันที

เห็นเพียงในมือของหยางเฉินยังถือตะเกียบสแตนเลสอันหนึ่งไว้

“ปัง!”

ภายใต้ความตื่นตกใจของทุกคน หยางเฉินถือโอกาสเขวี้ยงตะเกียบสแตนเลสอันนั้นออกไปแล้ว

ตามมาด้วยเสียงปะทะทีหนึ่ง บนกระจกปรากฏรูเล็กขึ้นมาอีกรอยหนึ่ง

ส่วนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูเล็กอันนี้ กับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูเล็กสามอันเมื่อสักครู่นั้น เหมือนกันโดยสิ้นเชิง!

“ปังๆๆ!”

ตอนที่สายตาของทุกคนจดจ่ออยู่บนรูเล็กเมื่อสักครู่นั้น หยางเฉินหยิบตะเกียบสแตนเลสสองสามอันขึ้นมาอีก ก่อนจะเขวี้ยงออกไปอย่างสบายๆ

เสียงปะทะชัดแจ๋วดังขึ้นติดต่อกัน จากนั้นคนของตระกูลหวังและตระกูลอ้ายจึงรู้เข้าอย่างตกใจกลัว แต่ละครั้งที่หยางเฉินเขวี้ยงตะเกียบสแตนเลสในมือออกไป บนกระจกล้วนจะปรากฏรูเล็กขึ้นมารอยหนึ่ง

ตะเกียบสแตนเลสสิบกว่าอันลอยออกไปติดๆ กัน กระจกบานนั้นก็กลายเป็นตะแกรงแล้ว

รูเล็กทั้งหมด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเหมือนกันทั้งสิ้น

ผู้แข็งแกร่งด้านต่อสู้บางส่วนของตระกูลหวังและตระกูลอ้าย กลับพบเรื่องราวที่น่าตกใจอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งจากในรูกระสุนที่หนาแน่นพวกนี้

พวกเขามีคนที่สามารถทำแบบนี้ได้ ใช้ตะเกียบสแตนเลสขว้างทะลุกระจก แต่ว่ากลับไม่มีคนสามารถทำให้ช่วงเวลาที่ตะเกียบทะลุกระจกไป ยังทำให้กระจกอยู่ในสภาพปกติได้

มีเพียงพลังโจมตีของตะเกียบสแตนเลสที่แข็งแรงอย่างมาก ถึงจะสามารถทะลุผ่านกระจกในชั่วพริบตาเดียว เหลือเพียงรูเล็กที่เรียบร้อยรอยหนึ่งไว้ได้ และจะไม่ทำให้กระจกแตกละเอียด

นึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของหยางเฉิน พวกเขาอดรู้สึกหวาดกลัวกันไม่ได้เลย

ถ้าหากหยางเฉินอยากลงมือจริง คงไม่ใช่ว่าเขานั่งตรงนั้น โยนตะเกียบไม่กี่อันออกมาแบบสบายๆ ก็สามารถฆ่าพวกเขาได้แล้วเหรอ?

“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปได้ยังไง?”

เห็นได้ชัดว่าหวังหู่สำนึกไม่ถึงจุดนี้เช่นกัน เวลานี้ในลูกตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ ส่ายหน้าไม่หยุด

“กล้องส่องทางไกล! เอากล้องส่องทางไกลมาให้ฉัน!” เขาตะโกนบอก

ไม่นานรุ่นหลานของตระกูลหวังคนหนึ่งก็หยิบกล้องส่องทางไกลวิ่งเข้ามาแล้ว

หวังหู่ใช้กล้องส่องทางไกลมองเข้าไปยังตำแหน่งของมือซุ่มยิง

ตอนเขามองเห็นระหว่างคิ้วของมือซุ่มยิงคนแรก และด้านนอกยังมีตะเกียบสแตนเลสครึ่งหนึ่งโผล่ออกมาด้วย อดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้

มองทางมือซุ่มยิงคนที่สองอีกที ก็เป็นเช่นเดียวกัน! ร่างกายของเขาซวนเซเสียสมดุล

สุดท้ายมองทางมือซุ่มยิงคนที่สาม คาดไม่ถึงก็เป็นแบบเดียวกันอีก! เขาไม่มีทางแบกรับความหวาดกลัวภายในใจได้อีกต่อไป ชั่วพริบตาเดียวแขนขาอ่อนแรง ก้นกระแทกนั่งลงบนพื้นแล้ว

“แก……แกไม่ใช่คน แกไม่ใช่คน!”

ร่างกายและเสียงของหวังหู่ล้วนสั่นเทาอย่างรุนแรง

ตึง!

คนในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตกใจค้างกันถึงที่สุด!

คำพูดประโยคนี้ของหวังหู่ ชัดแจ้งแล้วว่ากำลังบอกความจริงทุกคนอยู่ มือซุ่มยิงสามคนนั้น ตายแล้วจริงๆ!

“ฉันดูหน่อย!”

อ้ายชวนเดินเข้ามาอย่างว่องไว หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมา มองเข้าไปยังที่ห่างไกล

ไม่นานเขาก็วางกล้องส่องทางไกลลง กลับไปถึงทางฝั่งตระกูลอ้ายอีกครั้ง บนใบหน้าแก่หง่อมที่สงบนิ่งนั้นเต็มไปด้วยความอึ้งทึ่ง

“ตระกูลหวังยังมีแผนสำรองจัดการฉันอีกไหม?” หยางเฉินตะโกนเสียงดุขึ้นฉับพลัน

คำพูดของเขาราวกับสายฟ้าฟาด ระเบิดดังข้างหูของทุกคนแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของตระกูลอ้าย ภายใต้เสียงตะโกนที่โมโหประโยคนี้ของหยางเฉิน สั่นงั้นงกไปทั่วตัว เสียวสันหลังวาบ

คนของตระกูลอ้ายก็ตื่นตระหนกอยู่ไม่สุข มองหยางเฉินด้วยความระมัดระวัง

“ตึก!”

หวังหู่คุกเข่าลงพื้นกะทันหัน หน้าหวาดวิตกทำตัวไม่ถูกอย่างเต็มที่ “คุณหยางครับ ตระกูลหวังสำนึกผิดแล้ว ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นตระกูลหวงที่บีบบังคับ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะกล้าลงมือกับคุณหยางได้อย่างไรครับ?”

“ขอให้คุณหยางเมตตาคนตัวเล็กๆ ด้วยนะครับ ปล่อยพวกเราตระกูลหวังไปสักครั้งเถอะครับ”

หวังหู่ประหม่าเป็นอย่างยิ่ง อ้อนวอนขอร้องเต็มที่

เขวี้ยงตะเกียบสแตนเลสออกไปหลายอันอย่างสบายๆ ก็สามารถทะลุกระจกจนสังหารมือซุ่มยิงที่อยู่ห่างหลายร้อยเมตรทิ้งได้ คนประเภทนี้ เดิมทีไม่ใช่คนธรรมดา

อย่าว่าแต่ตระกูลหวังเลย ต่อให้เป็นตระกูลไหนในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ไม่อาจต้านทานท่าไม้ตายของหยางเฉินได้

ตอนนี้เขาทำได้เพียงพูดทุกอย่างออกมาตามจริง

“เป็นตระกูลหวง วางแผนให้พวกเราตระกูลหวงกับตระกูลอ้ายแต่งงานเกี่ยวดองกัน และบังคับพวกเราตระกูลหวังลงมือต่อท่านครับ”

“ถ้าพวกเราไม่ทำแบบนี้ ตระกูลหวงจะพังพวกเราให้พินาศครับ”

“ผมทำเพื่อให้สมาชิกในตระกูลมีชีวิตอยู่รอดกัน ถึงยอมจำใจเป็นศัตรูกับคุณหยางแบบไม่มีทางเลือก แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่ใช่ความยินยอมของผมจริงๆ ครับ!”

“คุณหยางครับ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ผมสำนึกผิดจริงๆ ขอร้องคุณปล่อยตระกูลหวังด้วยเถอะครับ!”

ชั่วขณะนั้นหวังหู่น้ำตานองหน้า ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น

เขารู้จักกลัวแล้วจริงๆ และรู้ว่าตระกูลหวงทอดทิ้งตระกูลหวังไปแล้ว

ไม่อย่างนั้นจนถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมถึงยังไม่เห็นคนของตระกูลหวงปรากฏตัวอีก?

“ฉันเคยบอกแล้วว่าอยากให้ตระกูลหวังพังย่อยยับ ตระกูลหวังจะรอดไปได้ยังไง?”

หยางเฉินพูดจาเย็นชา “ฉันไม่ได้ไม่ให้โอกาสตระกูลหวัง แต่ว่าพวกแกไม่ยอมเชื่อฉันเอง!”

“ฉันหยางเฉินไม่ใช่คนที่โหดร้าย ว่าตามกฎหมายประเทศจิ่วโจวแล้ว ฉันสามารถฆ่าพวกแกทั้งหมดตระกูลได้!”

“แต่เห็นแก่ที่ว่าแกโดนตระกูลหวงหลอกใช้ ฉันจะไว้ชีวิตตระกูลหวังสักครั้งได้ แต่แกในฐานะผู้นำของตระกูลหวัง จำเป็นต้องตาย!”

หยางเฉินลุกขึ้นมา พูดจาด้วยหน้าตาเย็นชา

หวังหู่อ่อนยวบหมดแรงถึงที่สุด เขารู้ว่าหยางเฉินปล่อยตระกูลหวังได้ เพียงฆ่าคนคนเดียว ก็เป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้ว

“หวังว่าคุณหยางจะรักษาสัญญาพอ! หลังผมตายไป จะไว้ชีวิตตระกูลหวังสักครั้ง!”

ทันใดนั้นหวังหู่คลายกังวลลง พูดจาด้วยท่าทางไม่สมัครใจ

“พี่เฉินพูดจริงมาแต่ไหนแต่ไร ตระกูลหวังกระจอกๆ มีสิทธิ์อะไรให้พี่เฉินไปหลอกลวงกัน?”

หม่าชาวพูดจาเย็นชา

หวังหู่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองหยางเฉินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จากนั้นในมือมีมีดแหลมคมเล่มหนึ่งโผล่ขึ้นมา แทงลงไปยังตำแหน่งหัวใจของตนเองโดยตรงอย่างแรง

“ช้าก่อน!”

ในเวลานี้เอง เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน

มือของหวังหู่สั่นเทานิดหน่อย แทงลงเฉียดเสื้อผ้า และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ส่วนตอนที่เขามองเห็นผู้มาเยือน ทั่วทั้งตัวสั่นเทาขึ้นมารุนแรงแบบควบคุมไม่อยู่

ในลูกตายังเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรง

“หยางเฉิน พวกเราเจอกันอีกแล้ว!”

เจ้าของเสียงนั้น สายตามองไปยังหยางเฉิน ในสายตาอาฆาตแค้นเต็มที่

วินาทีที่หยางเฉินมองเห็นอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ก็นึกถึงเรื่องราวมากมายขึ้นมา

เห็นเพียงมุมปากเขาฉีกขึ้นเบาๆ วาดเส้นรัศมีวงกลมที่หยอกเย้าขึ้น “ตระกูลหวง นี่คือให้แกที่โดนปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด รับตำแหน่งใหม่อีกแล้วเหรอ?”

“พูดขึ้นมา ฉันโดนปลดออกจากตำแหน่งของผู้สืบทอดก็เป็นเพราะแก แต่ฉันถูกตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำอีกครั้งหนึ่ง ยังคงเป็นเพราะแก แกว่าฉันหวงจง สรุปควรเห็นแกเป็นศัตรู? หรือว่าควรขอบคุณแกดีล่ะ?”

หวงจงยิ้มกริ่มพูดขึ้น ในสายตาซับซ้อนเต็มที่

ตอนแรกที่เมืองเจียงโจว เดิมทีเขาอยากจะยึดครองเจียงผิงและหนันหยังสองมณฑลเอาไว้ กลับนึกไม่ถึงว่าจะโดนหยางเฉินกดให้คุกเข่าลงที่พื้นต่อหน้าสาธารณชน

เพราะเรื่องนี้ลือกลับมาถึงเมืองเยี่ยนตู ตระกูลหวงคิดว่าหวงจงทำตระกูลหวงขายขี้หน้า ไม่คู่ควรรับตำแหน่งของผู้สืบทอดผู้นำตระกูลต่อ ดังนั้นจึงถูกปลดจากตำแหน่ง

ปัจจุบันนี้ ผู้สืบทอดตระกูลหวงคนใหม่ถูกหยางเฉินขู่จนเป็นบ้าไปแล้ว ยิ่งไม่สามารถรับตำแหน่งผู้สืบทอดได้

ดังนั้นตำแหน่งของผู้สืบทอดตระกูลหวงจึงกลับมาสู่มือของหวงจงใหม่อีกครั้ง

“ฉันคิดว่าแกควรจะขอบคุณฉันนะ!”

หยางเฉินยิ้มกริ่มบอกไป

“ฮ่าๆๆๆๆ~”

หวงจงหัวเราะเสียงดัง พูดขึ้นทันใด “ขอเพียงคุณหยางรับปากว่าจะปล่อยเจ้าบ้านหวังไป ผมจะขอบคุณอย่างแน่นอน โดยเฉพาะยังจะส่งของขวัญล้ำค่าชิ้นหนึ่งให้ด้วย!”