บทที่ 748 กำเนิดเทพอสูร!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หากคำนวณระยะทางจากดาวเคราะห์และดารานิรันดร์ ดาวเคราะห์ที่หวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสลำดับห้ากำลังเดินทางไปนั้นเป็นดาวเคราะห์อันดับสาม มีขนาดพอๆ กับโลกมนุษย์ และเห็นได้ว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต มองเห็นเศษซากพืชสีเขียวที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นผิวของดาวเคราะห์นั้น

แต่…มันก็เป็นเพียงผิวหน้าเท่านั้น บนพื้นผิวของดาวเคราะห์มีหลุมอยู่นับหมื่นนับแสนหลุม หลุมขนาดเล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางร่วมสามสิบกิโลเมตร ในขณะที่หลุมขนาดใหญ่นั้นมหึมาพอๆ กับเมืองทั้งเมือง

หลุมเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นร่องรอยของดาวหาง แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ หวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสลำดับห้าก็ค้นพบว่า…ในหลุมเหล่านี้มีแอ่งเลือดและเนื้ออยู่นับไม่ถ้วน!

เลือดและเนื้อเหล่านี้ดูเหมือนศพจำนวนมาก แม้ว่าบางส่วนตอนนี้จะกลายเป็นเนื้อยุ่ยๆ ทำให้ดูเหมือนโคลนสีเลือดเสียมากกว่า จากแขนขาที่ลอยอยู่ทำให้บอกได้ว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตที่ละม้ายคล้ายมนุษย์อาศัยอยู่ บางส่วนก็เป็นอสูรดุร้าย และก็มีบางส่วนที่ดูคล้ายว่ามาจากอารยธรรมอื่น บางครั้งก็มีศีรษะลอยขึ้นมา ใบหน้านั้นมีความเศร้าโศก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ผ่านเหตุการณ์ที่เป็นดั่งฝันร้ายเมื่อครั้งยังมีชีวิต

หากเพียงเท่านั้น จากประสบการณ์ของหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสลำดับที่ห้า พวกเขาคงไม่ตื่นตกใจเท่าใดนัก ทว่า…ท่ามกลางของเหลวที่อยู่ในหลุม ยังมีเส้นเลือดใหญ่หนาสีม่วงปูดปนอยู่ด้วย!

เส้นเลือดเหล่านี้ดูคล้ายกับว่ากำลังซึมซับสารอาหารจากของเหลวในหลุม เส้นเลือดแพร่กระจายออกไป และเชื่อมต่อทุกหลุมบนดาวเคราะห์นี้เข้าด้วยกันจนดูราวกับเป็นเครือข่ายสีม่วงขนาดมโหฬาร ในเครือข่ายที่สร้างขึ้นมาจากเส้นเลือดสีม่วงเหล่านี้ มีจุดที่มีติ่งเนื้อบวมเป่งเติบโตออกมาอยู่นับล้านๆ จุด!

ติ่งเนื้อเหล่านี้บ้างก็กำลังสั่นไหว บ้างก็ดูเหมือนกำลังหลับใหล บ้างก็ระเบิดขึ้นมาเมื่อหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสลำดับห้ามองไปเห็น และสิ่งที่คลานออกมาก็คือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์แต่มีหลายขา!

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีกายสีดำและดูคล้ายตะขาบ พวกมันส่งเสียงร้องแหลมสูงพร้อมทั้งคลานไปยังหลุมที่ใกล้ที่สุด เมื่อพวกมันเข้าไปถึงระยะก็ขุดดินลงไปในหลุมทันที ก่อนจะเปิดปากและเริ่มดื่มกิน ขณะที่พวกมันดื่มกินอยู่นั้น พลังชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ภาพนั้นทำเอาหนังศีรษะของศิษย์สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อชาดิก ผู้อาวุโสลำดับห้าหรี่ตาลงก่อนจะกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างๆ หวังเป่าเล่อ

“นี่ไม่ใช่อารยธรรมพื้นเมืองกลายพันธุ์แล้ว…มันเป็นอารยธรรมต่างดาวกลายพันธุ์ชัดๆ!”

“สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ต่างดาวหรือ” หวังเป่าเล่อเพ่งมองไปยังเครือข่ายสีม่วงบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ ก่อนจะหรี่ตาแล้วถาม

“หากดาวเคราะห์ถูกอารยธรรมต่างดาวกลายพันธุ์จู่โจม ก็จะนับเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวง เมื่อศัตรูปรากฏกาย ระบบดาวเคราะห์ใกล้เคียงก็จะได้รับการเตือนทันที หากการรุกรานสามารถระงับได้ พวกเขาก็จะต่อสู้เต็มที่เพื่อกำจัดศัตรู หากทำเองไม่ไหว ก็จะร่วมมือกับระบบดาวเคราะห์อื่นๆ เพื่อช่วยกันกำราบศัตรู”

วิธีการรุกรานแตกต่างกันตามระดับความชาญฉลาดของอารยธรรมนั้น หากเป็นอารยธรรมที่ฉลาด พวกเขาก็จะออกไปหาอาหารด้วยตนเอง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะเอาตัวอ่อนไปซ่อนไว้ในดาวหาง หรือกลายมาเป็นปรสิตที่ซ่อนอยู่ในกายของอารยธรรมอื่น และใช้วิธีนี้ในการเดินทางไปยังระบบดาวเคราะห์อื่นๆ

โดยปกติพวกเขาจะเดินทางกันเป็นกลุ่ม เมื่อดาวหางพุ่งชนอารยธรรมหนึ่ง พวกเขาก็จะกลายเป็นปรสิตไปดูดกินสารอาหารจากดาวเคราะห์ดวงนั้น แล้วจึงค่อยสังหารทุกชีวิตในอารยธรรมเพื่อนำมาใช้ในการเจริญเติบโตและพัฒนา

ขณะที่รับฟังไป นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ส่องประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง ผู้อาวุโสลำดับห้าที่อยู่ข้างๆ ขณะนี้กำลังเพ่งสมาธิไปยังดาวเคราะห์และไม่ทันเห็นประกายในดวงตาของหวังเป่าเล่อ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้เห็นว่ารัศมีเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์คล้ายตะขาบนั้นไม่ได้แกร่งกล้านัก แม้จะแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วก็ตาม เขาก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ได้

“อารยธรรมของระบบดาวเคราะห์นี้คงถูกดาวหางที่มีตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พุ่งชนหลายครั้ง ทำให้สิ่งมีชีวิตบนนี้สูญพันธุ์กันไปหมด แต่ถึงกระนั้น นี่ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับเรา!”

“รัศมีเริ่มต้นของพวกมันอยู่เพียงแค่ระดับปราณเข้มข้น ตามตำราโบราณ สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับนี้ไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าระดับดาวพระเคราะห์ได้ ขณะเดียวกัน ตอนเกิดระดับปัญญาวิญญาณของพวกมันก็ช่างต่ำต้อยนัก หลงหนานจื่อ พวกเราโชคดีเสียแล้วในคราวนี้!” ขณะพูด ผู้อาวุโสลำดับห้าก็เริ่มหัวเราะออกมา เขายกมือขวาขึ้นชี้ไปยังดาวเคราะห์ตรงเท้าพลางจ้องหวังเป่าเล่อไปด้วย

“ปัญญาวิญญาณต่ำ กินเพียงเลือดเนื้อเป็นอาหาร สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ชนิดนี้ต้องการเพียงเลือดและเนื้อเท่านั้น แปลว่าพวกมันไม่ใส่ใจกับศิลาวิญญาณหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น ระบบดาวเคราะห์นี้ก็คือขุมทรัพย์ดีๆ สำหรับพวกเรานั่นเอง!”

“พอไปถึงพื้นผิวแล้วพวกเราแยกตัวกันเถิด แค่ระมัดระวังอย่าไปขัดขวางการหาอาหารของพวกมันก็พอ ในเมื่อเป้าหมายต่างกัน ก็ไม่ควรมีความขัดแย้งหากเราระมัดระวังตัว ข้าขอเสนอให้พวกเราจับตัวอ่อนของอารยธรรมสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์นี้กลับมาด้วย เราสามารถนำมันไปปล่อยยังอารยธรรมที่อ่อนแอได้ในอนาคต และมันก็น่าจะทรงพลังพอๆ กับอาวุธเทพเลยทีเดียว!” ผู้อาวุโสลำดับห้ากล่าว ก่อนจะหยิบแผ่นหยกสื่อสารเงาวับออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ และหัวเราะออกมาหลังจากที่บีบมัน

“ผู้อาวุโสสูงสุดส่งข้อความเสียงมา เขาไม่ได้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดไปอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย เขาร้ายกาจทีเดียว! หลงหนานจื่อ ข้าจะลงไปก่อน แล้วพบกันในอีกครึ่งเดือน!” เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสลำดับห้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะรวบรวมศิษย์สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่ติดตามมาและพุ่งตัวลงไปยังดาวเคราะห์เบื้องล่าง

หวังเป่าเล่อเฝ้ามองผู้อาวุโสจากไปแล้วจึงหันไปมองหลุมบนดาวเคราะห์อย่างตั้งใจ แสงประหลาดสว่างวาบขึ้นบนดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ชายหนุ่มหรี่ตาลง หลังจากนั้น เขาจึงหยิบแผ่นหยกสื่อสารของหลงหนานจื่อออกมา และส่งจิตสัมผัสเข้าไป หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดดังขึ้นในศีรษะทันที

“ผู้อาวุโสทุกคนจงฟัง ขณะที่พวกเจ้าเก็บทรัพยากร จงจับตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้มาด้วย จำไว้ว่าอย่าจับมามากเกินไปเล่า หนึ่งคนไม่ควรมีตัวอ่อนเกินหนึ่งร้อยตัว ยิ่งไปกว่านั้น เราจะไม่ประกาศสงครามกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้ และเรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ ข้าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่นี่เพื่อเป็นการช่วยหาตำแหน่งในอนาคต เมื่อสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์กินอารยธรรมนี้จนสูญสิ้นเมื่อใด พวกมันจะต้องเคลื่อนย้ายไปยังอารยธรรมอื่นแน่นอน จากนี้ไป นี่จะเป็นถนนสู่ความมั่งคั่งของพวกเรา!”

“ไม่ประกาศสงครามกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เช่นนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อหัวเราะเบาๆ ก่อนที่แสงประหลาดในแววตาของเขาจะฉายกล้าขึ้น หลังจากการสังหารหมู่ครั้งแล้วครั้งเล่าในสงครามระหว่างสหพันธรัฐกับสำนักวังเต๋าไพศาล วิชาดวงเนตรปีศาจของเขาก็เขยิบเข้ามาถึงขั้นสุดท้าย อาจกล่าวได้ว่า…หากเขาบรรลุขั้นสุดท้ายนี้ ชายหนุ่มก็จะสามารถบรรลุสู่ขั้นเชื่อมวิญญาณได้ด้วย!

เพราะพลังอำนาจในการต่อสู้ หวังเป่าเล่อจึงเลือกฝึกวิชาดวงเนตรปีศาจ หากเขาต้องการบรรลุขั้น ชายหนุ่มต้องสังหารคนตามอำเภอใจเป็นจำนวนมาก แต่การหย่าศึกระหว่างสหพันธรัฐและสำนักวังเต๋าไพศาลทำให้เขาไม่มีใครให้สังหาร หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็จากมาพร้อมศิษย์พี่ ดังนั้นแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายได้ แต่ระดับพลังปราณของเขาก็ยังอยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นสมบูรณ์เพียงเท่านั้น

“การสังหารหมู่อย่างนั้นหรือ…” รัศมีชั่วร้ายแผ่ออกมาจากกายของหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว ทำให้สีหน้าของบรรดาศิษย์สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่ตามหลังเขามาเปลี่ยนไป พวกเขาต่างก็ล่าถอยก่อนจะจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยความหวาดกลัว

หวังเป่าเล่อเมินผู้คนด้านหลังเขาไปเสียสิ้น รัศมีชั่วร้ายไม่ได้จางหายไป แต่กลับทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อชายหนุ่มตัดสินใจได้ รัศมีชั่วร้ายระเบิดออกมาในชั่วระยะเวลาไม่กี่ลมหายใจจนกลายเป็นจิตสังหารอันแรงกล้า

เมื่อจิตสังหารนี้แผ่ออกไปก็เกิดคลื่นรบกวนขึ้นในจักรวาล ส่งผลให้จักรวาลเริ่มบิดเบี้ยว ศิษย์สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เบื้องหลังตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นเป็นอย่างยิ่ง ในสายตาพวกเขา หวังเป่าเล่อดูราวกับเป็นกระบี่คมกริบที่เพิ่งถูกปลดออกจากฝัก

หวังเป่าเล่อไม่รอช้า รีบพุ่งตรงออกไปด้วยการบิดร่างกายเพียงครั้งเดียว

ชายหนุ่มดูเหมือนดาวหางที่พุ่งทะลุชั้นบรรยากาศบางเบาของดาวเคราะห์ มุ่งหน้าตรงไปยังหลุมแห่งหนึ่งบนพื้นผิว รัศมีในกายของเขาระเบิดออกมา และด้วยการขยับมือขวาเพียงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งของเกราะจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นก่อนจะกลายเป็นอาวุธเทพ หวังเป่าเล่อฟาดอาวุธเทพลงไปยังหลุมขนาดเท่าครึ่งเมืองที่กำลังมุ่งหน้าไปหา

พื้นโลกสั่นสะเทือน ท้องฟ้าแปรผัน ประกายกระบี่จากอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อก่อตัวเป็นพลังงานมหาศาล ทันใดนั้นเอง เลือดเนื้อภายในหลุมเบื้องล่างก็สั่นไหว ก่อนที่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตะขาบต่างขนาดนับไม่ถ้วนจะวิ่งตามกันออกมาเป็นพรวน บ้างก็ยังอยู่ในหลุม บ้างก็ไต่ขึ้นมาบนขอบ พวกมันทุกตัวล้วนมองขึ้นไปบนฟ้าก่อนส่งเสียงร้องหวีดแหลม

เมื่อเสียงร้องหวีดสะท้อนก้องออกไป ประกายกระบี่อาวุธเทพของหวังเป่าเล่อก็ตกลงมาถึงพื้นผิว ส่งผลให้แผ่นดินสั่นไหว พลังการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อและอาวุธเทพ บวกกับพลังเสริมของดาวเคราะห์และเกราะจักรพรรดิ ทำให้ประกายกระบี่นั้นสว่างจ้าราวกับเป็นดวงตะวันที่เผาทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนมอดไหม้เป็นจุณ

เสียงครั่นครืนสะท้อนก้องไปทั่วดวงดาว ก่อนที่แรงสั่นสะเทือนจะกระจายตามออกไปและทำลายหลุมนั้นจนแหลก เหลือเพียงหวังเป่าเล่อที่ยืนค้างอยู่กลางอากาศ ผมปลิวไสวไปพร้อมกับสายลม เขาดูราวกับเป็นปีศาจเมื่อเชิดศีรษะขึ้นสูดลมหายใจ

เบื้องหลังเขา ดวงตาปีศาจลืมตาตื่นพร้อมความรู้สึกตื่นเต้นที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันปลดปล่อยความกระหายเลือดและเสียงหัวเราะบ้าคลั่งอยู่ภายในจิตใจของหวังเป่าเล่อ

แต่ภายใต้ฉากหน้าของวิชาสารัตถะของหวังเป่าเล่อ ไม่มีคนนอกคนใดมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้เลย!

 ………………………………….