ตอนที่ 1816 ไว้พบกันอีกาทองคำ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ในเวลาต่อมา บุรุษใบหน้าสีทองได้นำของวิเศษบางอย่างมาจากเผ่าไม้และเผ่าวิญญาณ

ของเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์พิเศษบางอย่าง ทำให้บางคนในห้องโถงใหญ่รู้สึกตื่นตาตื่นใจ แต่ละคนต่างก็นำสิ่งของต่างๆ ของอาณาจักรทมิฬมาแลกเปลี่ยนกัน

และด้านล่าง ยังมีของล้ำค่าจำนวนหนึ่งที่ถูกบุรุษใบหน้าสีทองหยิบออกมาอย่างต่อเนื่อง

ของแต่ละชิ้นล้วนมีโดดเด่นเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว อิทธิฤทธิ์ของมันไม่ได้น้อยไปกว่าฆ้องฉีเทียนและธงโบราณนั้น

และของล้ำค่าเหล่านี้ถ้าไม่ป้องกันการรุกรานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก็โจมตีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับผู้คนทั่วไปแล้ว คุณค่าที่ใช้ได้จริงนั้นดีกว่าสองสิ่งแรก มันเป็นหนทางที่ยอดเยี่ยมต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองอย่างแน่นอน!

ดังนั้นการแย่งชิงของล้ำค่าเหล่านี้ในห้องโถงใหญ่จึงเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ของล้ำค่าชิ้นสุดท้ายอยู่ในลำดับต้นๆ  ของการจัดอันดับสมบัติหมื่นวิญญาณ “พัดเคลื่อนสมุทร” มันสามารถพัดเคลื่อนภูเขาให้ตกลงไปในมหาสมุทรได้ มีพลังที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการ

ที่สุดแล้ว อรรหันต์ที่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามยี่สิบกว่ารูปนำวัสดุต่างๆ ออกมาวางกองข้างนอก และแย่งของล้ำค่านี้โดยไม่สนใจราคาทั้งสิ้น

เป็นผลให้ บุรุษใบหน้าสีทองเลือกคนที่หยิบวัสดุออกมามากที่สุดคนหนึ่ง และให้อีกฝ่ายเพิ่มของล้ำค่าพิเศษอื่นๆ เข้าไปอีกสองสามชิ้น จึงจะนำพัดเคลื่อนสมุทรแลกเปลี่ยนออกไป

เป็นธรรมดาที่หานลี่จะเหลือบมอง น่าเสียดายที่ของล้ำค่าที่นำมาแลกไม่ใช่ยาครอบจักรวาล เป็นเพียงแค่ศิลาผลึกหายากที่อยู่ในข่าวลือ เขากลับไม่มีแม้แต่น้อย

หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนพัดเคลื่อนสมุทรแล้ว อาณาจักรทมิฬก็เตรียมนำสิ่งของทั้งหมดออกมาแลกเปลี่ยนในงานแลกเปลี่ยนนี้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่ใกล้เคียงกับศิลาวิญญาณออกมาแลก

จะเห็นว่าอาณาจักรทมิฬได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เขารู้ว่าตอนนี้ทุกคนต้องการสิ่งของแบบใด

“อาณาจักรข้าโยนอิฐเพื่อล่อให้โยนหยกออก[1] นำสิ่งของทั้งหมดที่อยากแลกออกมาแลกหมดแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับสหายทุกท่าน เชิญขึ้นเวทีมาทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเสรี หากอาณาจักรข้ามีทรัพย์สมบัติที่ไม่ถูกใจ ก็หวังว่าสหายทุกท่านจะให้สิทธิพิเศษในการแลกเปลี่ยนต่อไป กฎยังคงเหมือนก่อนหน้านี้ ขึ้นมาแลกเปลี่ยนสิ่งของบนเวทีครั้งหนึ่งสามคน เงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนสิ่งของทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตกลงกันของเหล่าสหายทั้งหลาย อาณาจักรข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เอาล่ะ ข้าขอประกาศให้การแลกเปลี่ยนอย่างอิสระเริ่มต้น ณ บัดนี้!” เห็นได้ชัดว่าสมบัติที่ได้ก่อนหน้านี้ทำให้บุรุษใบหน้าสีทองพึงพอใจมาก หลังจากพูดไปไม่กี่คำบนเวทีแล้ว พวกเขาก็ประกาศให้ทุกคนเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนอย่างอิสระทันที

“ ในเมื่อสหายกล่าวเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็มาเริ่มเป็นคนต่อไปเถอะ”

ทันทีที่คำพูดของบุรุษใบหน้าสีทองจบลง น้ำเสียงที่มืดทึมน่ากลัวก็ดังขึ้น และจากนั้นก็มีลำแสงดำพุ่งออกมาจาก หลังจากกะพริบอยู่ไม่กี่ครั้ง ก็ปรากฏแสงประหลาดปกคลุมขึ้นบนกลางแท่นสูง

แต่เป็นชายในชุดคลุมสีเทาที่รอบตัวรายล้อมไปด้วยแสงสีดำประหลาด!

“หึ แท้จริงแล้วพวกสหายก็เป็นคนใจร้อน!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอชิงลงมือก่อนล่ะ!”

……

ในขณะเดียวกัน ก็มีลำแสงอีกหลายสายพุ่งออกมาจากศาลาบินอื่นๆ พร้อมกัน

แต่เมื่อเพียงแค่ได้เห็น ผู้คนก็เริ่มเกิดการช่วงชิงกัน ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้น แล้วสลายหายไปกลางอากาศ แต่ครู่ต่อมาก็ปรากฏขึ้นในแสงประหลาดนั้น

ปรากฏเป็นร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ถูกแสงห้าสีประหลาดปกคลุมไว้นั้น คือนักพรตหญิงท่านหนึ่ง

มีเสียงแหลมดังขึ้นออกมาจากร่างในลำแสงอีกเส้น ทันใดนั้นพร่ามัวเล็กน้อย เร่งความเร็วขึ้นสองเท่า และนำหน้าผู้อื่นที่เหมือนกันไปหยุดลงบนแท่นสูงหนึ่งก้าว!

หลังจากที่หานลี่มองเห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นและไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจบนใบหน้าได้

รูปร่างของบุคคลที่สามนี้แปลกประหลาดมาก ความยาวของร่างกายยาวเท่ากับความกว้างของตัวไม่ว่าจะวางในแนวนอนหรือแนวตั้ง ดูราวกับมีลูกชิ้นขนาดใหญ่ถูกวางไว้อยู่ตรงนั้น

แต่ข้างบนของลูกชิ้นลูกใหญ่นี้กลับมีหัวของมนุษย์ผู้ชายธรรมดาวางอยู่ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมโดยไม่มีสิ่งใดปิดกั้น

จนกระทั่งคนอื่นๆ เห็นลำแสงที่พุ่งมาช้าๆ อย่างชัดเจน เป็นผลให้เมื่ออีกฝั่งสัมผัสลำแสงสีขาวนั้นก็เกิดเสียง “ปังปัง” โดนดีดตัวกลับไป ไม่มีหนทางให้เข้าไปได้

“สหายทั้งหลายเชิญกลับไปก่อนเถิด ค่อยขึ้นมารอบหน้าก็ยังไม่สาย” บุรุษใบหน้าสีทองรีบวิ่งออกไปยังลำแสงของคนเหล่านั้นและยกมือขึ้นคารวะก่อนเอ่ยอย่างสุภาพ

คนข้างนอกหลายคนไม่พึงพอใจเท่าไรนัก เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหายใจเข้ากลับออกไปสูดอากาศเย็นๆ อย่างช่วยไม่ได้

และชายในชุดคลุมสีเทาซึ่งเป็นคนแรกท่ามกลางลำแสงที่ครองเวทีได้ก็หัวเราะอย่างมีชัย

สามารถแสดงตัวเองในการแลกเปลี่ยนสิ่งของในรอบแรกย่อมได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง มิเช่นนั้นหากสิ่งที่จำเป็นโดนคนอื่นแลกเปลี่ยนไปก่อนแล้ว คงสามารถทำได้เพียงมองเท่านั้น

แต่ในเวลานี้ หลังจากที่บุรุษใบหน้าสีทองเหลือบมองคนรูปร่าง “ลูกชิ้น” แล้วนั้น ก็เอ่ยพลางหัวเราะคิกคัก “คาดไม่ถึงเลยว่าในงานแลกเปลี่ยนครั้งนี้ พี่จู้ก็มาร่วมงานอีกแล้ว และยังชิงตัดหน้าก่อนเช่นนี้ ดูเหมือนว่ายังผูกใจเจ็บจากการสูญเสียของล้ำค่าเมื่อคราวที่แล้ว จนทำให้สหายยังคงไม่พอใจเป็นอย่างมาก”

“คราวที่แล้วหากไม่เป็นเพราะช้ากว่าคนผู้นั้นไปหนึ่งก้าว อัญมณีนับร้อยแบบเดียวกันกับของที่ข้ามีนั้นคุณภาพดีกว่าของเขาเสียอีก ของพวกนั้นโดนเขาประมูลไปได้อย่างไร แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ารำคาญที่สุด ที่น่าหดหู่ใจที่สุดก็คือ รูปร่างเยี่ยงนี้ของข้าไม่ว่าจะเข้าร่วมชุมนุมแลกเปลี่ยนกี่ครั้ง ก็ต้องมีคนจำได้ตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะร่ายมนตร์ปิดกั้นอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์” คนรูปร่างลูกชิ้นนั้นถอนหายใจ ดูเหมือนว่าความเศร้าบนใบหน้าของเขาจะเพิ่มพูนมากขึ้นเล็กน้อย

“เหอะๆ  พี่จู้บำเพ็ญฌานเคล็ดวิชาทมิฬ ซึ่งเป็นอภินิหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของตนได้ตามต้องการ แต่พลังนั้นกลับยิ่งใหญ่จนใครๆ ต่างก็ต้องอิจฉาไม่น้อย ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ จะมีความหมายอะไรกัน”

ดูเหมือนว่าคนรูปร่างลูกชิ้นนี้จะมีแหล่งที่มาไม่ธรรมดา และบุรุษใบหน้าสีทองยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพอย่างมาก

“หึๆ  ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นคำพูดของเจ้าเป็นเพียงแค่คำพูดปลอบใจ แต่ข้ากลับชอบฟังนะ หวังว่าคราวนี้ จะได้รับผลตอบแทนหน่อยเถอะนะ” คนรูปร่าง‘ลูกชิ้น’ยังคงมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก

เมื่อบุรุษใบหน้าสีทองได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย และก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าวด้วยตัวเขาเอง จากนั้นเขาจึงหยุดอยู่ที่มุมของเขตอาคมสีทองและไม่ได้พูดสิ่งใด

“ในเมื่อพี่จู้ก็ขึ้นมาถึงบนเวทีแล้ว ก็ขอให้เหล่าสหายนำสิ่งของออกมาให้ชมกันหน่อยเถิด” เห็นได้ชัดว่าชายชุดคลุมสีเทามีท่าทางหวาดกลัวต่อ ‘ลูกชิ้น’ อย่างยิ่งเช่นกัน หลังจากลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาก็พูดพร้อมยกมือเป็นกำปั้นขึ้นคารวะ

นักพรตหญิงที่ถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงห้าสีที่อยู่ด้านข้าง แม้ไม่ได้พูดสักคำ แต่ก็พยักหน้าเบาๆ

“ในเมื่อทั้งสองท่านช่างอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอไม่เกรงใจแล้ว” คนรูปร่าง‘ลูกชิ้น’เหล่ตาทั้งสองข้าง และก็ได้รับการยอมรับแล้ว

ทันใดนั้นเองเขาก็ตบไปยังหน้าท้องที่ปูดบวมของตัวเอง เปิดปากออก และพ่นขวดยาสีขาวใสๆ ออกมา แล้วจับมันไว้มั่นในมือ

“เพลิงแท้อีกาทองคำสามกลุ่ม! แลกเพียงเห็ดกระดูกทองคำ หรือยาครอบจักรวาลที่ได้จากพฤกษาโลหิตสองชนิดหมื่นปี แต่ละต้นสามารถแลกได้เพียงหนึ่งกลุ่มเท่านั้น!” คนรูปร่าง‘ลูกชิ้น’ เปล่งเสียงกังวานทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

“เพลิงแท้อีกาทองคำ จริงหรือเปล่า สามารถรับไฟวิญญาณที่แท้จริงได้เช่นนี้โดยที่ไม่ได้คาดคิดหรือ”

“ในเมื่อเขานำออกมา มันก็น่าจะดูดีไม่เลวเลยทีเดียว แต่ว่าเขาตัดใจได้จริงหรือ”

……

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น

หานลี่ก็ยังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ลูบคาง ทำสีหน้าครุ่นคิดไปมา สิ่งนี้คงส่งผลให้พลังแห่งกลืนวิญญาณเที่ยงแท้เพิ่มเข้าไปไม่น้อย ถ้าหากปีศาจผู้ฝึกตนมีเพลิงแท้แบบนี้อยู่ในมือ และยังมีมากถึงสามกลุ่มด้วยเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พลังแห่งการกลืนกินวิญญาณของมันก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่

แต่น่าเสียดายคือน้ำเสียงของอีกฝ่ายหนักแน่นมาก และยาครอบจักรวาลที่จะแลกเปลี่ยนไม่ใช่ของเขาเอง ทำให้ใจของเขาไม่รู้สึกหดหู่แล้ว

ในเวลานี้ คนรูปร่างลูกชิ้นได้เปิดฝาขวดออกอย่างระมัดระวัง แล้วตีก้นขวดด้วยมือเดียว!

“พั่บ” “พั่บ” “พั่บ” หลังจากส่งเสียงสามครั้ง กลุ่มเปลวไฟสีขาวทั้งสามก็บินจากออกจากในขวด หลังจากเกิดแสงสว่างวาบหนึ่งครั้ง ก็กลายเป็นอีกาเพลิงสามตัว เวียนว่ายร่ายรำอยู่หน้ากายของคนรูปร่างลูกชิ้น

อีกาเพลิงสามตัวนี้มีสีขาวล้วนราวกับหิมะทั้งตัว แต่ในระหว่างที่เวียนว่ายร่ายรำนั้น ก็มีอักษรสีเงินจางๆ  ร่วงหล่นอยู่รอบๆ  ผิวกาย

ความร้อนที่แผดเผาอยู่ทั่วท่ามกลางลำแสงทั้งหมดอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ทำให้ลำแสงสีขาวชั้นหนึ่งเปล่งประกายเป็นลำแสงสีขาวนวลที่สั่นไหวอยู่เบาๆ ไม่หยุด

“ที่แท้ก็เป็นเพลิงแท้อีกาทองคำ!”

“ถ้าหากผู้ที่ฝึกฝนพลังอภินิหารของการควบคุมไฟได้เช่นนี้ ตั้งแต่นี้ไปก็คงจะได้ผลประโยชน์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

และก็มีอีกเสียงดังขึ้นมาจากทั่วทุกสารทิศ ทุกๆ เสียงต่างอิจฉาริษยา แววตาละโมบโลภมากต่างจับจ้องไปบนร่างของอีกาเพลิงสีขาวทั้งสามตัว

แม้ว่าจะถูกจำกัดการแผ่กระแสจิต แต่ทุกคนที่มาชุมนุมแลกเปลี่ยนตามก็มีสายตาที่แหลมคม แม้จะอยู่ห่างไกลออกไป แต่คนส่วนใหญ่ก็สามารถตัดสินเพลิงแท้อีกาทองคำได้เกือบถูกทั้งหมด

“เอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นเพียงเพลิงแท้อีกาทองคำที่เจือจางแล้ว!”

ดวงตาของหานลี่เปล่งประกายสีฟ้า เมื่อเห็นหน้าที่แท้จริงของเพลิงแท้อีกาทองคำของอีกาเพลิงสีขาวทั้งสามตัวอย่างชัดเจนแล้ว เขากลับบ่นออกมาด้วยสีหน้าประหลาด

แต่คำพูดนั้นพูดออกมาเพียงทุ่มต่ำจนแทบจะไม่ได้ยิน แม้แต่สาวใช้ที่คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำเลขสิบเอ็ดซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ยินไม่ชัดเจน

แต่ว่าความกลัดกลุ้มใจที่ระหว่างคิ้วของหานลี่กลับหายไปในเวลาต่อมา เขามองทุกอย่างบนแท่นศิลาอย่างเย็นชา

ในเวลานี้ ชายชุดสีเทายังหยิบของล้ำค่าที่เป็นน้ำแข็งสามสีรูปดอกบัวออกมาด้วย ว่ากันว่ามันสามารถปล่อยพลังอันหนาวเหน็บสามชนิดพร้อมกันได้ ผู้ที่เข้าร่วมการฝึกฝนวิทยายุทธ์คุณลักษณะเช่นนี้ได้นั้นทรงพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ว่ากันว่าพวกเขาแลกเปลี่ยนพลังกับของล้ำค่าประหลาดของธาตุไฟที่เป็นคุณลักษณะตรงข้ามกัน

นักพรตหญิงไม่ทราบชื่อผู้ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงห้าสีนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หยิบสิ่งล้ำค่าที่จะแลกเปลี่ยนออกมา มันเป็นลูกทรงกลมใหญ่เท่าหัวกะโหลกสีแดงราวกับโลหิต แท้จริงแล้วมันคือไข่ของอินทรีเพลิงโลหิตที่รู้จักกันดีในเรื่องความดุร้ายท่ามกลางอสูรประหลาดโบราณ

เมื่ออินทรีเพลิงโลหิตนี้โตเต็มวัยแล้ว เมื่อกางปีกออกก็มีความยาวมากกว่าสิบฟุต มีพลังเหนือธรรมชาติและมีลักษณะเลือดที่หาได้ยากมาก มีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ในท้ายที่สุดก็มีจุดแข็งที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังหรือแม้กระทั่งความแข็งแกร่งของระยะเริ่มต้นของการบูรณาการ

และนักพรตหญิงรายนี้เอ่ยว่าไข่ของอสูรร้ายนั้นอยู่ในรังของอินทรีเพลิงโลหิตคู่หนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก  ดังนั้นนางจึงตั้งใจเรียกพวกมันมาเพื่อแลกกับของล้ำค่าอย่างสมบัติวิญญาณ

สิ่งนี้ย่อมกระตุ้นความสนใจของเหล่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ์คุณสมบัติน้ำแข็งและผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการขับวิญญาณอสูร หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ก็มีคนเริ่มเอาของล้ำค่าออกมาและลองทำการแลกเปลี่ยนดู

อย่างไรก็ตามของสองสิ่งที่คนรูปร่างลูกชิ้นขอนั้นเป็นของหายาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของหายาก แม้ว่าผู้คนมากมายจะสนใจเพลิงแท้อีกาทองคำ แต่กลับไม่มีใครสามารถนำยาครอบจักรวาลมาแลกเปลี่ยนกับเพลิงแท้ตามเงื่อนไขได้

เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของชายชุดสีเทาและนักพรตหญิงแล้ว สุดท้ายเมื่อมีความพึงพอใจเข้ามาแทนที่ สีหน้าโศกเศร้าทุกข์ระทมของคนรูปร่างลูกชิ้นก็ลดลงไปหลายส่วน

หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขึ้นมาแลกเปลี่ยนบนเวทีอีก ลูกชิ้นก็ถอนหายใจออกมา เขาก็คว้าอีกาเพลิงสีขาวทั้งสามตัวที่อยู่ข้างหน้าตนเองกลับมา หลังจากนั้นก็มีลำแสงบินออกมาและเขาก็กลับไปยังศาลาหินของตนเอง

เขายอมแพ้ต่อการแลกเปลี่ยนครั้งนี้แล้วจริงๆ

สิ่งนี้ย่อมสร้างความโกลาหลแก่ผู้อื่นในที่นี้

แต่ในทันใดนั้นก็มีอีกสามคน แข่งขันกันบินขึ้นไปบนแท่นหินก่อน และเริ่มทำการแลกเปลี่ยนอย่างอิสระอีกครั้ง

[1] โยนอิฐเพื่อล่อให้โยนหยกออก อุปมาว่า ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆเพื่อล่อให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา