บทที่ 1197 มีดตัดดอกไม้ถังถัง / บทที่ 1198 ลำพังแค่หน้าตาก็แพ้แล้ว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1197 มีดตัดดอกไม้ถังถัง

เธอกำลังกังวลว่าดอกท้อดอกนี้ตัดให้ขาดยากเย็น ถังถังก็โผล่มาพอดี

ยังจะมีกรรไกรจิ๋วเล่มไหนมีประโยชน์เท่าถังถังอีก?

กงซวี่เบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

เยี่ยหวันหวั่นกระแอมหนึ่งที “เรื่องนั้น…”

ผลคือไม่ต้องรอให้เยี่ยหวันหวั่นพูด เยี่ยมู่ฝานที่อยู่ด้านข้างก็ชิงเอ่ยปากขึ้นก่อนแล้ว “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ นี่คือลูกของน้องสาวฉัน ไม่เชื่อนายก็ดูหน้าเด็กนี่ดีๆ ดวงตาอย่างนี้ จมูกอย่างนี้ ปากอย่างนี้ ทั้งหมดเหมือนน้องสาวฉันเป๊ะ!”

ไม่สนแล้ว ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร จัดการเจ้าเด็กกงซวี่นี่ได้ก่อนค่อยว่ากัน

ชื่อเสียงของเจ้าเด็กนี่แย่กว่าเขาเสียอีก จะยอมให้มันพาน้องสาวเขาซวยได้ยังไง

กงซวี่ได้ยินแบบนั้น ก็หันขวับไปมองเด็กน้อยในอ้อมกอดของเยี่ยหวันหวั่นทันที

เห็นแค่ว่าเด็กคนนั้นงดงามจนเกินจริง บนตัวหนูน้อยก็มีกลิ่นอายชนชั้นสูงด้วย

เขาจ้องเด็กน้อยอยู่เนิ่นนาน อยากพิสูจน์ว่าเยี่ยมู่ฝานกำลังปั้นน้ำเป็นตัว ผลลัพธ์ที่น่าเศร้าคือ กลับกลายเป็นว่ายิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเหมือนมากจริงๆ…

สองแม่ลูกยืนด้วยกันไม่มีความรู้สึกขัดแย้งกันแม้แต่น้อย!

เชี่ย! เขายังกำลังคิดย้ายดอกเชื่อมต้นใหม่ แต่ผลคือ…ผลคือคนเขาออกกระทั่งผลมาแล้ว!

เยี่ยหวันหวั่นกอดถังถังไว้ มองรอบด้านอย่างเคร่งเครียด “คุณพ่อล่ะ?”

ทำไมถังถังวิ่งมาก่อนคนเดียว ซือเยี่ยหานน่าจะอยู่ใกล้ๆ ด้วยนี่นา?

โชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้มาเห็นฉากนั้นเมื่อครู่!

ดวงซวยตั้งมาหลายครั้ง ในที่สุดโชคของเธอก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งแล้ว!

ถังถังตอบกลับว่า “คุณพ่อไปหยิบของที่ด้านหลังครับ”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “อ้อๆ…” ค่อยยังชั่วจริงๆ!

“ถังถัง ลูกเป็นดาวนำโชคดวงน้อยของแม่จริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นหอมแก้มเล็กของถังถังฟอดหนึ่ง

ช่วยเธอแก้วิกฤตครั้งใหญ่ขนาดนี้ก่อนซือเยี่ยหานจะมาถึง โชคดีสุดๆ ไปเลย

เด็กน้อยที่จู่ๆ ก็ถูกแม่แสดงความรักต่อหน้าสาธารณชนเม้มปาก บนดวงหน้าเล็กเปี่ยมไปด้วยความดีใจ

เดิมทีเขายังกังวลว่าคุณแม่จะโกรธที่เขาไม่ยอมนอน โชคดีที่ฟังคำพูดของคุณพ่อและมารับคุณแม่

เวลานี้เอง เยี่ยหวันหวั่นมองผ่านถังถังไป ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นตาเดินมาจากข้างหลัง

เป็นอย่างที่คิดไว้ ซือเยี่ยหานก็มาด้วย

เยี่ยหวันหวั่นสุดแสนปรีดา เพราะถังถังมาหา ทำให้จัดการกงซวี่ได้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเวลานี้ก็ไม่แน่ว่าจะโกลาหลวุ่นวายยังไงบ้าง

“คุณเก้า…”

เยี่ยหวันหวั่นลุกพรวดขึ้นมา วิ่งไปหาซือเยี่ยหาน

ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วแน่นจ้องรองเท้าส้นสูงใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าอึมครึมเล็กน้อย “วิ่งทำไมกัน”

เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้น ยิ้มราวกับดอกไม้บาน “ดีใจที่เห็นคุณนี่นา!”

ซือเยี่ยหานถูกหญิงสาวกอดเอวไว้ เขาวางกล่องในมือลงบนพื้นโดยไม่พูดอะไร “เปลี่ยนรองเท้าซะ”

หลังจากเปิดกล่อง ก็เห็นแต่ว่าในนั้นมีรองเท้าแตะใส่สบายคู่หนึ่ง

ที่แท้ถังถังบอกว่าเขาไปเอาของ หมายถึงไปเอารองเท้านี่เองเหรอ?

เยี่ยหวันหวั่นจ้องซือเยี่ยหานด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวกับกำลังจ้องเทวดาที่มีปีกเล็กๆ งอกออกมาหนึ่งคู่ “ช่วยฉันสวมนะ~”

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวด้วยแววตานิ่งสงบล้ำลึก เขาให้เธอจับไหล่ตัวเองไว้ จากนั้นก้มตัวลงไปช่วยสวมรองเท้าแตะให้หญิงสาว

ถึงแม้ชายหนุ่มมีสีหน้าเย็นชา แต่การกระทำตอนที่สวมรองเท้าให้หญิงสาวกลับระวังมากกว่าอะไร

ซือเยี่ยหานเพิ่งยืนขึ้นมา เยี่ยหวันหวั่นก็เกาะติดเขาพลางพูดต่อ “แล้วก็ๆๆ คุณเห็นข้อความที่ฉันส่งให้คุณแล้วหรือยัง คืนนี้พวกเราได้รางวัลราชาจอเงินคู่ แถมยังได้รางวัลราชินีจอเงินด้วยนะ! คุณยังไม่ชมฉันเลย!”

ซือเยี่ยหานเอ่ย “ไม่เลว”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็หน้างอทันใด ไม่อยากจะเชื่อสายตา “แค่เนี้ย?”

ซือเยี่ยหานเหลือบมองดวงหน้าเล็กที่มืดมนทันทีทั้งยังผิดหวังถึงขีดสุดของหญิงสาว พลันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลง จุมพิตริมฝีปากของหญิงสาวเบาๆ หนึ่งทีเหมือนแมลงปอแตะผิวน้ำ

ทางด้านหลัง กงซวี่ที่ถูกลืมโดยสมบูรณ์พูดไม่ออก

‘ผมน่าจะอยู่ใต้ท้องรถ ไม่น่าอยู่ในรถ แล้วมาเห็นว่าพวกคุณรักกันหวานซึ้งขนาดไหนเลย…’

————————————————————————————-

บทที่ 1198 ลำพังแค่หน้าตาก็แพ้แล้ว

ไหนว่าอ่อนโยนไม่ลงไง?

สาวน้อยที่เกาะติดคนทั้งยังอ่อนหวานน่ารักชอบออดอ้อนคนนี้คือใครกัน?

กงซวี่จับจ้องฉากตรงหน้า หัวใจดั่งถูกลูกธนูพันดอกทิ่มแทง!

ถังซิงหั่วยกมือป้องตาหมาโสดของตัวเองที่ถูกทำให้พร่าบอด จากนั้นกระแอมไอ ตบบ่ากงซวี่เบาๆ “เสียใจด้วยเจ้าโง่ ลำพังแค่หน้าตา นายก็แพ้แล้ว!”

กงซวี่เอ่ย “หุบปากเว้ย!”

ถังซิงหั่วเดาะลิ้น “รูปร่างล่ะ…ก็เหมือนจะดีกว่านายด้วย…”

กงซวี่กล่าว “นายพูดพอหรือยัง”

ถังซิงหั่วว่าต่อ “แถมคนเขายังมีลูกแล้วด้วย!”

กงซวี่ไร้ซึ่งคำพูด

สายเลือดพลันไหลนอง…

เยี่ยหวันหวั่นมองสีหน้าท่าทางของกงซวี่ ก็รู้ว่าคงทำให้เขาตัดใจได้พอสมควรแล้ว จึงนับว่าโล่งใจได้ “ดึกมากแล้ว พวกนายรีบกลับไปเถอะ”

กงซวี่หายใจรวยริน “ไม่กลับ…ไม่เมาผมไม่กลับ…”

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอจะปล่อยกงซวี่ไปดื่มเหล้าในสภาพนี้ได้ยังไง?

เวลานี้ ลั่วเฉินที่อยู่ด้านข้างมองเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยปากขึ้นมา “พี่เยี่ย พี่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขาเอง”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นจึงค่อยวางใจ มีลั่วเฉินอยู่เป็นเพื่อนต้องไม่เป็นไรแน่นอน

เฮ้อ โชคดีที่หมดเรื่องกังวลไปได้

เยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าจะมีปัญหาใหม่แทรกเข้ามา จึงไม่กล้าอยู่นานอีก หลังจากเอ่ยอำลากับคนอื่นๆ ก็รีบขึ้นรถไป

รถสีดำขับออกไปท่ามกลางความมืดตอนกลางคืนอย่างมั่นคง

สวี่อี้ขับรถอยู่ด้านหน้า

ที่นั่งด้านหลัง เด็กชายถังถังซึ่งนั่งอยู่ระหว่างซือเยี่ยหานกับเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างตึงเครียดเล็กน้อย “คุณแม่ขอโทษนะครับ ถังถังไม่ยอมนอนหลับดีๆ…”

เยี่ยหวันหวั่นจะโกรธได้ยังไง “ไม่เป็นไรหรอก ลูกรักมารับแม่ แม่ก็ดีใจมากเหมือนกัน!”

ราวกับว่าถังถังไม่มีหลักการโดยสิ้นเชิงเมื่อเป็นเรื่องของเยี่ยหวันหวั่น ส่วนเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนกับถังถัง หลักการที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีหลักการ

เด็กชายตัวน้อยโล่งใจ จากนั้นก็งึมงำด้วยสีหน้ากังวล “เพราะว่า…ถังถัง…ถังถังเป็นห่วงว่าคุณแม่จะดื่มเหล้า…”

พอคุณแม่ดื่มเหล้า ก็จำถังถังไม่ได้แล้ว

นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่เด็กน้อยไม่อาจรับได้ ดังนั้นจึงไม่เชื่อฟังคำของเยี่ยหวันหวั่นอย่างที่หาได้ยาก

เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยว่า “ไม่ต้องห่วงจ้ะ เรื่องที่แม่เคยรับปากถังถังไว้ แม่จะทำแน่นอน!”

….

ก่อนหน้านี้ไม่นาน สองพ่อลูกอยู่ที่คฤหาสน์กุหลาบ

ซือเยี่ยหานห่มผ้าห่มให้ถังถัง “นอนเถอะ”

เด็กน้อยมีสีหน้าเหงาหงอย “คุณแม่จะกลับมาเมื่อไรเหรอ”

ซือเยี่ยหานตอบ “ดึกมาก”

เด็กน้อยถามอีก “ดึกมากคือดึกเท่าไร”

ซือเยี่ยหานตอบ “ไม่แน่นอน”

ถังถังเอ่ย “คุณแม่ไปงานสังสรรค์เหรอ”

ซือเยี่ยหานว่า “งานเลี้ยง”

ถังถังพลันขมวดคิ้วคู่สวย “งานเลี้ยง? งานเลี้ยงต้องดื่มเหล้าไหมครับ”

ซือเยี่ยหานตอบ “อืม”

เด็กน้อยเหมือนมีข้าศึกใหญ่บุกมาทันที “งั้น…งั้นคุณแม่จะดื่มไหม?”

ซือเยี่ยหานมองเด็กชาย จากนั้นตอบอย่างไม่เร็วไม่ช้า “อาจจะ”

เด็กน้อยร้อนใจแล้ว “แต่ว่า ครั้งก่อนคุณแม่รับปากว่าจะไม่ดื่มแล้วไม่ใช่เหรอ”

ซือเยี่ยหานเอ่ย “คิดว่าเธอจะฟังคำฉันเหรอ? ”

ถังถังแย้ง “แต่คุณแม่ฟังคำของถังถัง!”

ซือเยี่ยหานมีสีหน้าเรียบเฉย “หวังว่านะ”

ซือเยี่ยหานพูดประโยคนี้ออกมาอย่างคลุมเครือ เด็กน้อยก็กระสับกระส่ายแล้ว

ถังถังนอนอยู่บนเตียง เมื่อซือเยี่ยหานกำลังจะออกไป มือน้อยก็ยื่นไปจับแขนเสื้อของเขาไว้ “คุณพ่อ…”

ซือเยี่ยหานชะงักฝีเท้า หันไปมองเด็กน้อย

เด็กน้อยเอ่ยด้วยสีหน้าดื้อดึงอย่างถึงที่สุด “พวกเราไปรับคุณแม่กันดีไหม”

ซือเยี่ยหานเอ่ย “ดึกมากแล้ว ลูกควรนอนได้แล้ว”

เด็กน้อยร้อนใจแล้ว “แต่ผมเป็นห่วงคุณแม่…”

เช่นนี้เอง ภายใต้คำยืนกรานขอร้องของเบบี๋ถังถัง ซือเยี่ยหานจึง ‘ฝืนใจ’ พาเขาไปรับเยี่ยหวันหวั่นด้วยกัน

………………….