คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 905

”ปล่อยเธอไป!”

ใบหน้าของเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดซีดขาวในทันทีเพราะความเจ็บใจที่ปวดร้าวเมื่อเห็นว่ามัตเตโอจับตัวภรรยาและลูกไปได้

“ปล่อย?”

มัตเตโอฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเขายกมือขึ้นมาตบเข้าไปที่ร่างกายของโมนิก้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

เพียะ!

แรงตบนั้นทำให้โมนิก้ากระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตัวของเธอปลิวลอยไปไกลกว่าหลายสิบเมตรพร้อมกับแอมโบรสในอ้อมอกก่อนที่จะตกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง บอกไม่ได้ว่าพวกเขานั้นยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่

ถึงแม้ว่าโมนิก้าจะปกป้องแอมโบรส แต่พลังของการโจมตีนั้นรุนแรงมาก และอาจจะทะลุทะลวงผ่านเข้าไปได้! แอมโบรสมีอายุเพียงแค่ขวบเศษ เขาจะมีชีวิตรอดจากแรงปะทะได้อย่างไร?

“ยอดรัก!” เจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดคร่ำครวญ เขารู้สึกราวกับหัวใจจะล้มเหลวในตอนที่รีบวิ่งเข้าไปคว้าร่างของโมนิก้าและแอมโบรส เขาร้องโวยวาย แต่ปากของแม่และลูกชายก็มีเลือดพุ่งออกมาเต็มไปหมด ไม่ว่าเขาจะตะโกนเรียกเสียงดังแค่ไหน ทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนอง

“ท่านอาจารย์” จัสตินชี้ไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและกล่าว “พวกองครักษ์เมืองหลวงมาที่นี่แล้ว”

มัตเตโอหันไปมองทิศทางที่มุ่งหน้าไปเมืองหลวง กองกำลังทหารม้าจำนวนเกือบพันนายสวมเสื้อเกราะสีดำกำลังเคลื่อนเข้ามา

พวกเขาคือกองทหารองครักษ์เมืองหลวง พวกเขาได้รับรายงานว่าเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงรีบเคลื่อนทัพมาช่วย

มัตเตโอเย้ยหยันและไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงกับพวกทหารองครักษ์เหล่านี้ จากนั้นเขาก็เดินนำจัสตินเดินจากไปอย่างหยิ่งยโส

ทหารองครักษ์เมืองหลวงกว่าพันคนถือง้าวด้ามยาวอยู่ในมือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เมื่อเผชิญหน้ากับมัตเตโอ! พวกเขาถูกบีบด้วยรัศมีที่ทำให้หายใจไม่ออกของมัตเตโอ และมันก็แหวกเส้นทางให้มัตเตโอและจัสตินเดินออกไปได้อย่างง่ายดาย

“ยอดรัก! ยอดรัก!” เจ้าศักดินาเคนนี่หัวใจสลายขณะเขาตะโกนเรียกหานายทหารอารักขาที่อยู่ข้างหลังเขา “เร็วเข้า! รีบพาฉันกลับไปพระราชวังกวนเป๋ง! และรีบไปตามหมอมาที่พระราชวังด้วย!”

เจ้าศักดินาเคนนี่แบกร่างของโมนิก้าและแบมโบรสในขณะที่เขาออกคำสั่งและเขาก็ลุกเดินกะโผลกกะเผลกไปทางเมืองหลวงในอาการบ้าคลั่ง

‘พวกเธอต้องรอด ได้โปรดอย่าเป็นอะไรไป ฉันขอร้อง’

อีกด้านหนึ่งในโลกใหม่

เรือใบหลายพันลำกำลังแล่นอยู่ในทะเลทางทิศตะวันตก

สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลว่าเรือใบเหล่านี้เต็มไปด้วยนายทหารที่สวมชุดเกราะสีดำทมิฬและมีรังสีสังหารลอยตลบอบอวลไปทั่วอากาศ

บนเรือใบมีธงขนาดใหญ่สามผืน

ธงสีแดงอันแรกเขียนไว้ว่า ‘นิกายตำหนักอมตะ’

ธงผืนที่สองเป็นภาพวาดของขวานสองเล่มที่ไขว้กันอยู่และมีคำเขียนอยู่ด้านบนอ่านว่า ‘ภูเขาบุปผา’

ธงผืนที่สามนั้นมีภาพมังกรเก้าตัวและมีคำเขียนไว้อย่างฉวัดเฉวียนอ่านว่า ‘ความยุติธรรมเพื่อมนุษยชาติ’

ผู้คนเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักประตูสุราลัย นิกายตำหนักอมตะ และสำนักภูเขาบุปผา

สาวกของทั้งสามพรรคมารวมตัวกันซึ่งมีจำนวนเกือบ 300,000 คน! มันดูเหมือนราวกับว่าท้องทะเลจะถูกปกคลุมไปด้วยเหล่าสาวกของพวกเขาเมื่อมองจากระยะไกล!

ในขณะนั้น บนเรือลำใหญ่ที่นำอยู่หน้าสุด ก็มีชายชาตรีสามคนยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่

พวกเขาคือ แดร์ริล แด๊กซ์ และเชสเตอร์!

ถัดมาจากพวกเขาก็คือ จีเวล และเดบร้า เกเบิล

ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็จะมี จตุขุนพลแห่งสำนักประตูสุราลัย สองขุนพลสายฟ้า สิบปรมาจารย์สวรรค์ และจตุราชันย์พิทักษ์แห่งนิกายตำหนักอมตะ รวมไปถึงบรรดาบุคคลระดับสูงของสำนักภูเขาบุปผา!

สามพี่น้องร่วมสาบาน มารวมตัวกันในวันนี้เพื่อไปทำลายสำนักประกายแสง!

แดร์ริลช่วยพิธีศพของเทพธิดาสองที่พระราชวังฟูเหยา ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลคาร์เตอร์ หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ออกเดินทางมาทันทีที่ได้พบกัน

เรือใบหลายพันลำก็แล่นมาถึงโลกใหม่และพวกเขาก็เดินเท้าไปอีกกว่าครึ่งวันก่อนจะถึงเมืองเล็ก ๆ

แดร์ริลหน้าบึ้งคิ้วขมวดตลอดทาง เพราะเขาเริ่มสังเกตุเห็นและตระหนักรู้ว่ามีผู้คนมากมายจากยุทธภพกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปยังแท่นบูชาของสำนักประกายแสง ไม่ว่าเขาจะแวะผ่านไปเมืองไหนก็ตาม

ในขณะนั้นภายในโรงเตี๊ยมของเมืองเล็ก ๆ

แดร์ริลคิ้วขมวดและกล่าวถามขึ้นมาอย่างสงสัย “แปลกจัง ทำไมมีคนกำลังมุ่งหน้าไปสำนักประกายแสงมากมายขนาดนี้?”

แด๊กซ์และเชสเตอร์ต่างก็หันมามองหน้ากัน ในตอนที่แดร์ริลกล่าว ทั้งคู่ก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่ามันแปลกประหลาด