ตอนที่ 428 ปีศาจหลานสี่

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 428 ปีศาจหลานสี่ โดย Ink Stone_Fantasy

ขณะนี้หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ถึงค้นพบว่าปีศาจหลานสี่ตรงหน้าไม่เพียงแต่รักษาการฝึกฝนระดับผลึกขั้นต้นไว้ได้เท่านั้น กลิ่นไอที่แผ่ออกมาก็แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นมาก

พอหัวปีศาจยักษ์กล่าวจบ ก็ดูเหมือนจะสำรวจดูหลานสี่ด้วยความพอใจ จากนั้นถึงกวาดสายตามองมาทางหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ

ขณะที่มองมาทางชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวนั้น มันก็ยิ้มและพยักหน้าด้วยความพอใจ ขณะที่มองไปทางซินหยวน ก็เพียงแค่กวาดสายตาผ่านไป แต่ขณะที่สายตาตกลงบนตัวของหลิ่วหมิง มันก็ทำจมูกฟุดฟิดและอุทานออกมาเบาๆ

ปีศาจหลานสี่ที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกก้าวมาตรงหน้าหลิ่วหมิงในฉับพลัน จากนั้นก็ดึงถุงหนังบนเอวหลิ่วหมิงและเปิดออกมา

ไอดำสองสายม้วนตัวออกจากถุงหนัง แมงป่องกระดูกกับหัวบินลอยออกมาจากในนั้น

พอแมงป่องกระดูกตกถึงพื้น และเห็นสภาพของหลิ่วหมิงในตอนนี้ ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้ เปลวไฟสีเขียวในเบ้าตาทั้งสองเปล่งประกาย และส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกมา จากนั้นร่างของมันก็พุ่งออกไปจนกลายเป็นเงา ขณะเดียวกัน ‘หางอสรพิษ’ ตรงหลังก็พร่ามัวจนกลายเป็นไหมสีดำแน่นขนัด และพุ่งไปทางปีศาจหลานสี่

หัวบินเผยสีหน้าดุร้ายออกมา ผมยาวบนหัวกลายเป็นตาข่าย และพุ่งไปหาปีศาจหลานสี่เช่นกัน

ปีศาจหลานสี่เห็นเช่นนี้ ก็คำรามออกมา แขนทั้งสองพร่ามัวท่ามกลางแสงสีดำที่เปล่งประกาย

“ตุ๊บ!” “ตุ๊บ!”

แมงป่องกระดูกกับหัวบินถูกกำปั้นที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีดำโจมตีจนกระเด็นออกไปพร้อมกัน

มันทั้งสองพลิกตัวอยู่กลางอากาศสองสามที ก็เห็นได้ชัดว่าหน้าเสียเป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็กระตุ้นความดุร้ายของมันออกมาด้วย ทันใดนั้นมันก็กระโจนเข้าใส่ปีศาจหลานสี่ทันที

แต่ขณะนั้นเอง หัวปีศาจยักษ์ที่ถูกโซ่อาญาสิทธิ์รัดพันอยู่กลับลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา ไอดำบนตัวพวยพุ่ง และปล่อยพลังกดดันอันน่ากลัวออกมาราวกับภูเขาไท่ซาน

ร่างของแมงป่องกระดูกกับหัวบินหยุดชะงักลงทันที จากนั้นก็ตกลงพื้นอย่างรวดเร็วราวกับสิ่งของที่ไม่มีชีวิต

ปีศาจหลานสี่ชะลอฝีเท้าลงด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พอฝ่ามือยักษ์ทั้งสองคว้าลงไป มือข้างหนึ่งก็จับหางแมงป่องกระดูกไว้ ส่วนอีกข้างก็จับผมหัวบินไว้ และยกขึ้นมา

พอปีศาจหลานสี่สะบัดแขน คลื่นสั่นสะเทือนห้าชั้นก็แผ่ขยายออกมา ทำให้ปีศาจทั้งสองอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนไม่สามารถกระดิกตัวได้อีก จากนั้นหลานสี่ก็หมุนตัวเดินกลับไป

พอเดินมาถึงตรงหน้าหัวปีศาจยักษ์ มันก็ยื่นแขนทั้งสองออก ส่วนแมงป่องกระดูกกับหัวบินก็ยังคงไม่สามารถกระดิกตัวได้

ดวงตาทั้งคู่ของหัวปีศาจยักษ์เปล่งประกายแสงสีเงินระยิบระยับ หลังจากสังเกตดูแมงป่องกระดูกกับหัวบินแล้ว ก็แสดงสีหน้าแปลกประหลาดและพูดพึมพำขึ้นมา

“คิดไม่ถึงจริงๆ! ตัวหนึ่งเป็นแค่หัวปีศาจระดับต่ำ แต่กลับมีกลิ่นไอของข้า อีกตัวก็เป็นแค่ปีศาจระดับต่ำ กลับทำให้ข้ารู้สึกถึงความใกล้ชิด ข้าขอคิดดูก่อน……ใช่แล้ว! แต่ก่อนข้าเคยถูกศัตรูฟันกระดูกนิ้วหลุดไปชิ้นหนึ่งในดินแดนไอหยิน เจ้าปีศาจนี่จะต้องกินมันเข้าไปอย่างแน่นอน ถึงได้มีสภาพอันน่าประหลาดใจเช่นนี้ เจ้าเด็กน้อย เจ้าเคยพบร่างส่วนอื่นๆ ของข้าที่ถูกปิดผนึกอยู่ใช่หรือไม่?”

ประโยคสุดท้าย หัวปีศาจหันมากล่าวกับหลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกล

พอหลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย

ที่แท้เจ้าแมงป่องกระดูกตัวนี้ ก็มีวาสนาเช่นนี้มาหลายปีแล้ว การแสดงออกของมันจึงไม่เหมือนกับปีศาจตัวอื่นๆ ซึ่งไม่เพียงแต่มีพัฒนาการอยู่ไม่หยุด แต่ยังสามารถผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าได้ ซึ่งห่างชั้นจากปีศาจประเภทเดียวกันมาก

“ไม่ผิด! ข้าเคยพบร่างส่วนอื่นๆ ของท่านที่ถูกปิดผนึกไว้!” หลิ่วหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

พอคำพูดนี้ออกจากปาก ไม่เพียงแต่ทำให้ซินหยวนที่อยู่ด้านข้างแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเท่านั้น แม้แต่ราชาปีศาจสมุทรก็กวาดสายตามองมาด้วยความแปลกใจ

พอราชาปีศาจสมุทรได้ยินเช่นนี้ ก็รีบละความสนใจจากหัวบินและแมงป่องกระดูกทันที จากนั้นก็ทำการซักถามหลิ่วหมิง

“ดีมาก! เจ้ารีบบอกสภาพแขนขาของข้า และเบาะแสมาโดยเร็ว หากยืนยันได้ว่าเป็นความจริง ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้! แต่หากเจ้ากล้าปิดบังข้าแม้เพียงน้อยนิดล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้!”

ดูเหมือนหัวปีศาจยักษ์จะมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เผยแววประหลาดใจออกมา แต่ก็ค่อยๆ ตอบกลับไป

“เมื่อหลายปีก่อน ข้าได้ไปหาประสบการณ์ในสถานที่ที่มีชื่อว่า ‘แผ่นดินอวิ๋นชวน’ และขณะที่ไปสำรวจแดนลึกลับบางแห่งกับคนอื่นๆ นั้น ก็ได้พบกับจุดตัดมิติในสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปสำรวจดู และได้พบกับแท่นบูชาที่ดูเหมือนกับที่นี่ไม่มีผิด บนแท่นบูชายังมีบาทายักษ์ถูกปิดผนึกอยู่ข้างหนึ่ง”

หลิ่วหมิงพูดกึ่งจริงกึ่งเท็จออกมา และพยายามยืดเวลาไว้เล็กน้อย ขณะเดียวกัน ก็นึกถึงสภาพของบาทายักษ์ที่เขาพบในแดนลึกลับของนิกายหยวนหมัวในตอนนั้นอย่างละเอียด

เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ตอนนี้ได้พบกับปีศาจยักษ์แล้ว แต่ทำไมฟองน้ำลึกลับถึงยังไม่ปรากฏออกมา

และดูจากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถยื้อเวลาได้นานมากนัก

“ไม่ผิด! นั่นจะต้องเป็นบาทาของข้าที่ถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นอน รีบเล่าต่อ เจ้ายังค้นพบอะไรอีก?” หัวปีศาจยักษ์ได้ยินก็พยักหน้าติดต่อกัน และเผยรอยยิ้มออกมา

“หลังจากที่ข้ากับสหายค้นพบบาทายักษ์ ก็รู้สึกหวาดกลัวกับกลิ่นไออันแข็งแกร่งมาก จึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่สำรวจดูเล็กน้อยแล้วก็เดินจากไป นอกจากนี้แล้วก็ไม่มี……”

สีหน้าหลิ่วหมิงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่ในใจกลับกัดฟันปล่อยจิตส่วนหนึ่งไปยังศิลาหุนเทียนที่อยู่ในทะเลจิตรับรู้ และทำการกระตุ้นมัน

แม้เขาจะไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะเกิดผลหรือไม่ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว มันเป็นโอกาสเดียวที่จะเรียกฟองอากาศลึกลับออกมาได้

แต่ครู่ต่อมา มีเสียงดัง “ฟู่!”

ทะเลจิตวิญญาณของเขาสั่นไหวผิดปกติ ฟองอากาศแวววาวที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วปรากฏออกมา และหมุนวนอย่างรวดเร็ว ศิลาหุนเทียนที่อยู่ในทะเลจิตรับรู้ของเขาก็เปล่งแสงออกมา ขณะเดียวกันอักขระสีม่วงแปลกประหลาดแต่ละตัวก็ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าเด็กน้อย รนหาที่ตายหรือ!”

ก่อนหน้านั้นใบหน้าของหัวปีศาจยักษ์ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ แต่ครู่ต่อมาก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงความผิดปกติของกลิ่นไอบนตัวหลิ่วหมิงได้ มันจึงตะคอกออกมาด้วยความโมโห

ทันทีที่มันอ้าปากออกมา ไหมสีดำขนาดเท่าข้อมือก็ดีดตัวออกมาจากในนั้น มันตวัดแค่ทีเดียว ก็มาอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงเพียงลัดมือเดียว และเกือบจะเจาะทะลุระหว่างคิ้วของเขาจนเสียชีวิต

และในขณะเดียวกัน โซ่ที่พันอยู่บนตัวหลิ่วหมิงก็รัดแน่นด้วยพลังมหาศาล จนเกือบจะตัดร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ

แต่พอร่างของหลิ่วหมิงสั่นไหว เปลวเพลิงสีดำก็พวยพุ่งออกมา เมื่อโซ่บนตัวสัมผัสกับมัน ก็กลายเป็นกองขี้เถ้าในทันที

มีแสงแวววาวเปล่งประกายระหว่างคิ้ว เงาฟองอากาศลึกลับค่อยๆ หมุนวนออกมาจากในนั้นอย่างเงียบๆ

ไหมสีดำขนาดใหญ่ส่งเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นก็จมเข้าไปในเงาฟองอากาศอย่างไร้ร่องรอย

หัวปีศาจยักษ์เห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในใจเขารับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลได้อย่างลางๆ

พอหัวปีศาจยักษ์ส่งเสียงคำราม ไอปีศาจแท้ที่สะสมมานานหลายปีก็ถูกปล่อยออกมา

ไอดำก่อตัวบนหัวของมัน และหมุนวนอยู่หนึ่งรอบ จากนั้นก็กลายเป็นผ้าแพรสีดำแผ่คลุมไปทั่ว และม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงด้วยอานุภาพอันน่ากลัว

ชั่วขณะนั้น ภายในถ้ำขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นไออันรุนแรง!

ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

และพอซินหยวนถูกกลิ่นไออันแข็งแกร่งกดดันเข้า เขาก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา สีหน้าก็กลายเป็นสีแดงเข้ม

แต่เงาฟองอากาศแวววาวตรงระหว่างคิ้วของหลิ่วหมิงเพียงแค่หมุนตัวติ้วๆ เมื่อผ้าแพรสีดำเข้ามาใกล้ ก็ถูกพลังแปลกประหลาดดูดเข้าไปอยู่ไม่หยุด

คิดไม่ถึงว่าไอปีศาจแท้จำนวนมากจะถูกดูดไปจนหมดสิ้น!

พริบตาที่ไอปีศาจถูกดูดเข้าไปนั้น ซินหยวนกับราชาปีศาจสมุทรก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา ซินหยวนจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยความประหลาดใจ และราชาปีศาจสมุทรก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เป็นไปไม่ได้!” หัวปีศาจยักษ์หลุดปากออกมาด้วยความตกใจ ดูเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น!

แต่ขณะนั้นเอง เงาฟองอากาศลึกลับก็สั่นสะท้าน และปล่อยแสงแวววาวออกไปปกคลุมหัวปีศาจยักษ์ไว้ จากนั้นแสงสีขาวก็ดึงเงาร่างสีเขียวเล็กๆ ออกจากหัวของมัน

ใบหน้าของเงาร่างนั้นเหมือนกับหัวปีศาจยักษ์ไม่มีผิด แต่บนตัวของมันมีโซ่อาญาสิทธิ์สีดำขนาดเล็กสิบกว่าเส้นรัดพันอยู่ มันพยามต่อต้านการฉุดลากของแสงสีขาว แต่ก็ยังถูกดึงเข้าไปหาฟองอากาศทีละนิดๆ

เงาร่างเล็กๆ สีเขียวนี้ กลายร่างมาจากจิตส่วนหนึ่งที่ปีศาจยักษ์ทิ้งไว้ในปีนั้น และผ่านการฝึกฝนมาหลายปี มันถึงค่อยๆ เติบโตมาจนถึงขั้นนี้ และยังมีความจำแค่ส่วนหนึ่งของปีศาจยักษ์โบราณเท่านั้น

และพอหัวปีศาจยักษ์สูญเสียจิตไป เปลวไฟสีเงินในเบ้าตาทั้งสองก็ดับลงทันที แม้ว่าสีหน้าจะยังดูน่าหวาดกลัว แต่สูญสิ้นพลังชีวิตอย่างสมบูรณ์

เงาร่างสีเขียวแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา ทันทีที่มันส่งเสียงคำราม ปีศาจหลานสี่ที่ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน ก็กระแทกแมงป่องกระดูกกับหัวบินในมือลงพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นมันกลายเป็นเงาและกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง

ประจักษ์ชัดชัดว่า หัวปีศาจยักษ์มองออกว่า เพียงแค่สังหารหลิ่วหมิง อันตรายของตนเองก็จะถูกจัดการไปกว่าครึ่งหนึ่ง

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เงาฟองอากาศลึกลับถึงดูเหมือนไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ต่อปีศาจหลานสี่ที่พุ่งเข้ามา มันยังคงดึงเงาร่างเล็กๆ อยู่ไม่หยุด

และหลิ่วหมิงเพียงแค่รู้สึกว่ามีพายุปีศาจก่อตัวขึ้นตรงหน้า จากนั้นปีศาจหลานสี่ก็มาถึงตรงหน้าสีหน้าดุร้าย มือข้างหนึ่งของมันพร่ามัวกลายเป็นคมมีดอันแหลมคม และแทงเข้าไปบนหน้าอกอย่างรวดเร็ว ทำให้หลิ่วหมิงไม่สามารถทำการรับมือใดๆ ได้ทัน

“ตุ๊บ!”

หลิ่วหมิงรู้สึกร้อนตรงอก จากนั้นร่างของเขาก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างชนอย่างรุนแรง และกระเด็นออกไปราวกับกระสอบทราย

…………………………………