ตอนที่ 2560 การรุกรานจากโลกแห่งความมืด และการมาถึงของสภาสิบแปดปีก

ไม่นานหลังจากที่หยวนเทียนซินอ่านข้อความจากลูกน้องของเขา ประตูห้องที่ปิดสนิทของเขาก็ถูกเปิดออก และมันก็มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ก่อนที่พวกเขาจะตั้งแถวกันและเปิดทางให้ชายครึ่งเอลฟ์ที่ร่างถูกปกคลุมไปด้วยประกายไฟสีฟ้าเดินเข้ามา

เมื่อชายครึ่งเอลฟ์ผู้นี้เดินเข้ามาในห้อง มานาธาตุไฟก็เริ่มไปรวมตัวกันรอบๆเขาราวกับถูกเรียกไป เป็นผลให้อุณภูมิของห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ไชน์ ? คุณมาทำอะไรที่นี่กัน ?” หยวนเทียนซินนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นชายครึ่งเอลฟ์ที่ชื่อ สกอร์ชชิ่งไชน์เดินเข้ามา

มันมีไม่กี่คนในศาลาลับที่รู้จักชื่อของสกอร์ชชิ่งไชน์ และคนที่รู้ก็มักเป็นสมาชิกรุ่นเก่าของกิลทั้งหมด ในขณะที่การปรากฎตัวในปัจจุบันของเขานั้นดูเหมือนกับว่าเขาอยู่ในวัยสามสิบ แต่จริงๆเขาอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว ชายคนนี้ถอนตัวจากแนวหน้าของศาลาลับ เมื่อหลายปีก่อน และทำงานอยู่เบื้องหลังเท่านั้น

ก่อนที่สกอร์ชชิ่งไชน์จะถอนตัว เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่สมบูรณ์แบบของศาลาลับ และเขายังสามารถต่อกรกับผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้ยุ่งกับกิจการของกิลอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงมุ่นเน้นไปที่การปรับปรุงตัวเองอยู่ และแม้แต่หยวนเทียนซินซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสกอร์ชชิ่งไชน์ก็ยังไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่าตอนนี้ชายครึ่งเอลฟ์ตรงหน้าเขาทรงพลังมากขนาดไหน

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของสกอร์ชชิ่งไชน์นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขาเป็นดั่งตำนานของศาลาลับ แต่มันเป็นเพราะกองกำลังสกอร์ชซึ่งอยู่ใต้คำสั่งของเขาต่างหาก !!!

กองกำลังสกอร์ชนั้นเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของศาลาลับ และสกอร์ชชิ่งไชน์ก็ได้ทำการฝึกฝนกับดูแลผู้เชี่ยวชาญทุกคนในกองกำลังนี้เป็นการส่วนตัว และแม้ว่ากองกำลังจะมีสมาชิกเพียงสองร้อยคน แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สกอร์ชชิ่งไชน์คัดมาด้วยตัวเองจากการรับสมัครพวกหน้าใหม่ของศาลาลับทั้งหมด

ในตอนแรกชายคนนี้ก็ได้เล็งเป้ามาที่เพอเพิ้ลเจดเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เธอชอบดาบมือเดียว และความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของเขาก็มีจำกัด ดังนั้นในท้ายที่สุดเธอจึงไม่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังสกอร์ชของเขา

กองกำลังสกอร์ชนั้นยังถูกมองว่าเป็นกองกำลังลึกลับที่ต่อสู้อยู้อย่างลับๆในแนวหน้าของ God domain ด้วย และสำหรับศาลาลับมันก็มีไว้สำรวจแผนที่ใหม่เท่านั้น และแทบไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของกิลเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้สกอร์ชชิ่งไชน์และกองกำลังของเขากับเดินทางมาที่เมืองป่าหิน ซึ่งนี่มันก็ทำให้หยวนเทียนซินรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เราได้รับคำสั่งมาจากรองหัวหน้ากิลดอร์น ตอนนี้ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้เปิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอจึงส่งฉันมาเพื่อเจรจากับมหาอำนาจต่างๆที่กำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหินโดยเฉพาะ” สกอร์ชชิ่งไชน์อธิบายอย่างนุ่มนวล

“รองหัวหน้ากิลดอร์น ส่งคุณมารับผิดชอบสถานการณ์งั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินข่าวนี้หยวนเทียนซินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ดีจริงๆ เมื่อคุณมาอยู่ที่นี่ ฉันก็แน่ใจว่ามหาอำนาจเหล่านั้นจะแสดงความยับยั้งชั่งใจแน่นอน และในโอกาสนี้สภาสิบแปดปีกก็อาจมีโอกาสป้องกันการโจมตีที่ร่วมมือกันของพวกเขาได้”

หยวนเทียนซินนั้นกังวลว่าดอร์นเจดจะยอมแพ้กับเมืองป่าหินแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อสกอร์ชชิ่งไชน์และกองกำลังของเขาได้มาที่นี่ มันก็เท่ากับว่าเมืองมีการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้นแล้ว

กองกำลังสกอร์ชชิ่งนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากองกำลังนรกของจักรวรรดิโลกใต้พิภพเลย ในความเป็นจริงในการต่อสู้ขนาดใหญ่ กองกำลังสกอร์ชชิ่งจะทำได้ดีกว่ากองกำลังนรกด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีสมาชิกคนใดในหมู่พวกเขาที่เป็นมนุษย์

นอกเหนือจากพวกครึ่งเอลฟ์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์แล้ว กองกำลังนี้ยังมีสมาชิกเป็ยพวกครึ่งออร์ค ซึ่งเป็นนักสู้ระยะประชิดที่น่าเกรงขามด้วย และพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นก็มากกว่าผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ในขั้นและเลเวลเดียวกัน

แน่นอนว่าศาลาลับนั้นได้จ่ายอย่างมหาศาลเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนของกองกำลังสกอร์ชนั้นจะมาถึงขั้นสามโดยเร็วที่สุด

“อย่าพึ่งรีบตื่นเต้นไป การอัพเกรดครั้งล่าสุดของเมืองป่าหินทำให้มหาอำนาจต่างๆที่เล็งเป้ามายังเมืองยิ่งอยากได้มัน และแม้ว่ากองกำลังของฉันจะอยู่ที่นี่ แต่เราก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าสภาสิบแปดปีกจะรักษาสิทธิ์ในการปกครองเมืองป่าหินได้ อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีกยินดีที่จะส่งมอบหุ้นบางส่วนให้กับมหาอำนาจเหล่านี้ ฉันเชื่อว่าการเจรจาหลายสิ่งจะไม่เป็นปัญหาแน่นอน” สกอร์ชชิ่งไชน์กล่าวอย่างใจเย็น “อย่ามัวมาเสียเวลากันอีกต่อไปเลย ผู้เล่นของโลกแห่งความมืดกำลังเดินทัพกันเข้ามายังป่าใบไม้ผลิแล้ว เราจำเป็นต้องเตรียมทุกอย่างให้เร็วที่สุด ฉันไม่ได้คุ้นเคยกับแบล๊คเฟรม วานคุณติดต่อเขาให้ที”

“นั่นไม่เป็นปัญหา ฉันจะรีบแจ้งสภาสิบแปดปีกทันที” หยวนเทียนซินกล่าวเห็นด้วยพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็ติดต่อแบล๊คเฟรมผ่านคอนเนคชั่นของสภาสิบแปดปีกที่เขามีทันที

การรวมพลังกันของมหาอำนาจต่างๆไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะกองกำลังจากโลกแห่งความมืดนั้นน่ากังวลมากกว่า แม้แต่ศาลาลับก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าโลกแห่งความมืดจะทรงพลังมากขนาดนี้

กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดนั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากกว่าห้าล้านคน และมากกว่าสามหมื่นคนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แถมกองทัพยังมีอะเม้าท์บินได้อีกมากกว่าห้าสิบตัว และเพื่อให้เรื่องแย่ลง ตัวเลขเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

หากกองทัพนี้หลั่งไหลเข้ามาที่ป่าใบไม้ผลิได้เมื่อไหร่ ผลที่ตามมามันจะแทบจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว

“หยวน มีอะไรเกิดขึ้นกับสภาสิบแปดปีกรึปล่าว ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อเขาเห็นสีหน้าตกตะลึงของเพื่อนเก่าแก่ของเขา

“ไม่นานมานี้ แบล๊คเฟรมได้นำทีมไปยังประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด เขาวางแผนที่จะไปเจรจากับผู้เล่นของโลกแห่งความมืด” หยวนเทียนซินอธิบายอย่างเคร่งขรึม

“เจรจากับผู้เล่นของโลกแห่งความมืด ?” ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงให้กับสกอร์ชชิ่งไชน์เช่นกัน เขามองไปที่หยวนเทียนซินและถามว่า “แน่ใจนะว่าแบล๊คเฟรมไม่ได้บ้าไปแล้ว ?”
นี่มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ !!!

เมื่อประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดถูกเปิดขึ้น ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นก็เป็นเหมือนกับหมาป่าที่มองเห็นเนื้อสดๆ พวกเขาจะเข้ามาจัดการใครก็ตามที่พวกเขาพบ โดยไม่มีการเจรจาแน่นอน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆสั่งให้สมาชิกของพวกเขาอยู่ห่างจากประตูอย่างน้อยหนึ่งหมื่นหลา เพราะเกรงว่าพวกเขาจะสูญเสียคนของตัวเองให้กับหมาป่าที่หิวโหยพวกนี้

อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แทนที่เขาจะรีบเสริมโครงสร้างการป้องกันของเมืองป่าหิน เขากับริเริ่มจะติดต่อกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเป็นการส่วนตัว และเขาก็มุ่งตรงไปยังประตูทันที ซึ่งเขาทำราวกับว่าเอาตัวเองห่อของขวัญส่งให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด

แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังตกตะลึง เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้จากสายลับของพวกเขาในสภาสิบแปดปีก นี่สภาสิบแปดปีกจะทำอะไรกัน ?

สภาสิบแปดปีกกำลังจะยอมแพ้งั้นหรอ …?

ภายในห้องขั้นสูงอีกห้องหนึ่งของโรงแรมอิสระ ….

“อิลูซะรี่ ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะจบสิ้นแล้วแน่นอน แม้ว่าจะไม่มีการแทรกแซงของมหาอำนาจต่างๆก็ตาม” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรคริมสันกล่าว ขณะที่เขาอ่านรายงานที่ได้รับจากลูกน้องของเขา เขาส่ายหัวและพูดต่อว่า “เราไม่ต้องรอสองถึงสามวันก่อนที่สงครามจะจบลงแล้ว ทุกอย่างจะจบลงในวันนี้แน่นอน”

“นี่มันบ้าชัดๆ !!! เรากำลังพูดถึงกองทัพผู้เล่นมากกว่าห้าล้านคนจากโลกอื่น เขาทำบ้าอะไรกัน ?!!” อิลูซะรี่เวิร์ดแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ขณะที่เธออ่านรายงาน

ในตอนที่ซือเฟิงท้าทายเมืองทั้งเมืองด้วยผู้เล่นแค่หลักร้อยคน เธอก็แอบมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้ในครั้งนี้ แต่ตอนนี้เขากับพยายามจะขับไล่ผู้รุกรานจากโลกอื่นจำนวนหลายล้านคนโดยตรง นี่มันเป็นการกระทำของคนโง่ชัดๆ !!!

ในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ด และคนอื่นๆกำลังงุนงง และตกตะลึงเมื่อได้รับข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของซือเฟิง ฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งยุ่งอยู่กับการชักชวนผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน

“น่าสนใจจริงๆ !!! ดูเหมือนว่าแบล๊คเฟรมจะชอบการต่อสู้อย่างมาก !!! เขาต้องคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเหมือนกับที่เมืองปีศาจแน่นอน” ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะ ขณะที่อ่านรายงาน “หวังว่าเขาจะไม่หันหลังหนี หลังจากได้เห็นกองทัพของผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนะ ไม่งั้นเรื่องนี้มันจะน่าเบื่อเกินไป ….”

ฟิวเรียสฮาร์ทมองไปยังกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดที่ค่อยๆเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตเข้าสู่ป่าใบไม้ผลิด้วยรอยยิ้มบางๆ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพผู้เล่นสายความมืดหลายล้านคน แม้แต่อาณาจักรหนึ่งก็ยังจะต้องล่มสลาย ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย !!!

หลังจากนั้นฟิวเรียสฮาร์ทก็นำทีมของเขาผ่านประตูเทเลพอร์ตไปเช่นกัน ….

เมื่อผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดมาถึงป่าใบไม้ผลิ ความวุ่นวายในกองทัพก็บังเกิดขึ้น

“นี่คือทวีปหลักงั้นหรอ ?”

“อึก !! มันมีแร่และสมุนไพรหายากมากมายอยู่ใกล้ๆนี้ !!!”

“สถานที่แห่งนี้มันเป็นที่ควรค่าแก่การยึดครองสำหรับเรามากๆ !!!”

ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พวกเขามองไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามและน่าดื่มด่ำของป่าใบไม้ผลิ ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอ้างสิทเหนือพื้นที่โดยรอบในทันที

แม้แต่พวกระดับสูงของกิลต่างๆจากโลกแห่งความมืดเองก็คิดเช่นเดียวกัน ป่าใบไม้ผลินั้นมีดีกว่าแผนที่เลเวลหนึ่งร้อยในโลกแห่งความมืดของพวกเขามาก หากพวกเขาสามารถเข้ายึดครองมันได้ การพัฒนาของกิลของพวกเขาก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและไร้ปัญหาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามก่อนที่เหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดจะทันได้เฉลิมฉลอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล และเสียงที่กึกก้องนี้ก็ดังไปทั่วหุบเขาที่ประตูเทเลพอร์ตตั้งอยู่

ทุกคนนั้นมองหาต้นกำเนิดของเสียงทันที

จากนั้นผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดก็เห็นเงาร่างขนาดมหึมาห้าลำบินมาหาพวกเขา และเมื่อร่างเหล่านี้เข้ามาใกล้ขึ้น พวกเขาก็เริ่มแยกแยะรูปร่างของมันได้

“เรือเหาะงั้นหรอ ?”

เมื่อมองอย่างใกล้ชิดและได้ตระหนักว่าร่างนี้คืออะไร ทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เรือเหาะทั้งห้าลำนี้มีขนาดใหญ่เกินไป แม้แต่อะเม้าท์บินได้ที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นก็ยังเทียบกับเรือเหาะพวกนี้ไม่ติดเลย ในขณะที่ทั้งห้าลำบินแบบจัดรูปขบวน พวกมันก็แทบจะปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดเลย ….