บทที่ 622 แต่งงานกับนางซะก็สิ้นเรื่อง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที 622 แต่งงานกับนางซะก็สิ้นเรื่อง
เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดอยากจะไปเยี่ยมจวนเฉิงเซี่ยงสักหน่อย คิดแล้วก็ช่างเหอะ กู้ชูหยุนคนเดียว ไม่คู่ควรให้ต้องนางดำเนินการใหญ่โต

ให้ฮ่องเต้เรียกคืนพระราชโองการจะเป็นการดีกว่า รวบรวมมุกมังกรทั้งเจ็ดให้ครบ แก้คำสาปโลหิต และค่อยช่วยแคว้นคนแคระล้างแค้นที่ถูกทำลายล้างแผ่นดิน

คิดพลาง กู้ชูหน่วนก็ตรงไปที่พระราชวัง

เพราะนางคือพระชายาหาน ตลอดทางที่ผ่านก็ไม่มีใครกล้าขวาง กู้ชูหน่วนไปถึงพระราชวังด้วยความรวดเร็ว

“ไป ไปบอกฮ่องเต้ บอกว่าข้ากู้ชูหน่วนมาแล้ว”

“คารวะพระชายาหาน พระชายาหารอายุพันปีพันปีพันพันปี เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ดึกแล้ว ฮ่องเต้ก็ทรงบรรทมแล้ว หากว่าพระชายาหานไม่ได้มีธุระสำคัญ พรุ่งนี้ค่อยมาได้หรือไม่……”

“ข้ามาหาฮ่องเต้ที่วังกลางดึก เจ้าคิดว่าธุระของข้าไม่สำคัญหรือ?”

“นี่…….” ขันทีเสียวหลี่จือสีหน้าลำบากใจ

ที่สำคัญคือว่าตอนนี้ฮ่องเต้บรรทมไปแล้ว ใครจะกล้าไปรบกวนฝันหวานของฮ่องเต้

“ดูท่าแล้ว ข้าพระชายาหานผู้นี้พูดจาไม่มีน้ำหนัก ช่างเถอะ ข้าให้ท่านอ๋องของข้ามาเองละกัน หมู่นี้บรรดาเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋องก็นอนไม่หลับอยู่ทุกคืน จะได้ให้พวกเขาเข้ามาชมความน่าเกรงขามของพระราชวังสักหน่อยพอดี”

“ตื้ด……”

ไม่เพียงแค่เสียวหลี่จือสีเท่านั้น แม้แต่คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจไม่เบา

พระชายาหานกำลังข่มขู่พวกเขาอยู่

ถ้าอ๋องหานนำกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชามาที่พระราชวังจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เป็นการบีบบังคับให้สละราชย์หรือ?

ตอนนี้อำนาจทางการทหารนอกจากจะอยู่ในมือของแม่ทัพใหญ่เซียวส่วนหนึ่งแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในมือของอ๋องหานเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าบุ่มบ่ามได้อย่างไร

“พระชายาหานพูดจาน่าขันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไปทูลรายงานฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ พระชายาหานโปรดรอสักครู่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

เสียวหลี่จือถอยไปอย่างสั่นเทาเพื่อทูลรายงาน กู้ชูหน่วนก็ถูกเชิญไปที่อุทยานหลวง

ไม่นาน เย่หวงก็มาพร้อมกับขบวนของบรรดานางกำนัลและขันที

เขาไม่ได้ไม่พอพระทัยอย่างที่คิดไว้ แต่กลับเป็นสีหน้าที่ยินดี เมื่อมาถึงก็รีบกล่าวว่า “ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวแล้ว รีบบอกข้า นิยายที่เจ้าเล่าในครั้งก่อนนั้น จบอย่างไร? สุดท้ายหยางฉู่ลั่วอยู่กับผู้ใดกัน?”

“หยางฉู่ลั่วเสียชีวิตด้วยโรคห่า ฉู่หยู่เฉินฆ่าตัวตายเพื่อความรัก เฟิงหลิงไม่ได้ด้อยไปกว่า ลับคมมีดฆ่าตัวตายเพื่อความรักไปด้วยเช่นกัน”

“ปึง……”

เย่หวงแทบจะหกคะเมน มองดูกู้ชูหน่วนด้วยความเหลือเชื่อ “ก็เป็นเช่นนี้….ตายหมดแล้ว? ตอนแรกเขียนซะดีขนาดนั้น ทำไมตอนหลังถึงได้คลุมเครือเช่นนี้?”

หลายวันมานี้ เขาไปหานักเล่านิยายมานับไม่ถ้วน ให้นักเล่านิยายแต่งเรื่องในตอนหลังต่อ แต่สิ่งที่นักเล่านิยายทุกคนแต่ง เขาล้วนไม่พอใจ มักจะรู้สึกว่าไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือนตอนแรก

เขาส่งคนไปหากู้ชูหน่วนอยู่ตลอด อยากจะรู้คำตอบตอนท้ายของหนังสือเล่มนั้น แต่บังเอิญกู้ชูหน่วนเหมือนกับได้ระเหยออกไปจากโลกมนุษย์เช่นนั้น หาไม่เจออยู่นาน

พอหาพบแล้ว คนที่ถูกส่งไปก็ยังถูกเสด็จอาไล่กลับมาอีก

“ทำไมถึงคลุมเครือล่ะเพคะ? เดิมทีนี่ก็คือจุดจบของนิยายเรื่องนี้ หากว่าท่านรับไม่ได้ ข้าก็จนปัญญาเพคะ”

กู้ชูหน่วนผายมือออก

ครั้งที่แล้วเล่านิยายถึงไหน ตัวนางเองนางก็ลืมไปหมดรึเปล่า

หากว่าเขาไม่ได้เอ่ยถึง นางก็ลืมไปแล้วว่านางเคยเล่านิยายไว้เรื่องหนึ่ง

“พวกเขาไม่ใช่ตัวละครหลักหรือ? ตัวละครหลักจะตายได้อย่างไร”

“พระองค์เป็นฮ่องเต้ คนอื่นมักจะตะโกนเสียงดังว่าพระองค์อายุยืนนานหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี พระองค์มีชีวิตได้ถึงหมื่นปีจริงๆหรือเพคะ? หลังจากร้อยปี ก็ยังคงต้องถูกกลบในกองดิน”

“บังอาจ ท่านกล้าสาปแช่งฮ่องเต้”

“เจ้าถึงจะบังอาจ ข้าสนทนากับฮ่องเต้ เจ้าเป็นขันทีตัวเล็กๆคนหนึ่งพูดแทรกอะไรกัน ไสหัวไป”

เสียงของกู้ชูหน่วนเฉียบคม เสียวหลี่จือไม่สบอารมณ์ แต่กลับไม่กล้าเถียง ทำได้เพียงถอยไปด้านข้าง ไม่กล้ายั่วโมโหพระชายาหาน

เย่หวงสีหน้าบึ้งตึง ไร้ชีวิตชีวา

“ข้ายังคิดว่าเรื่องตอนท้ายจะน่าสนุกมากซะอีกน่ะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้……เจ้าว่าอยู่ดีๆทำไมหยางฉู่ลั่วถึงได้เป็นโรคห่าตายได้ล่ะ?”

“พระองค์อยากรู้หรือเพคะ?”

“อยาก”

“เช่นนั้นพระองค์รับปากข้าหนึ่งเงื่อนไข ข้าจะบอกสาเหตุกับพระองค์เพคะ”

“เงื่อนไขอะไร?” เย่หวงมีลางสังหรณ์ว่าท่าจะไม่ดี

สามีของนางเป็นเทพสงคราม พลิกฝ่ามือเป็นเมฆคว่ำฝ่ามือเป็นฝนเอาแน่เอานอนไม่ได้ มีอำนาจอิทธิพลมากกว่าฮ่องเต้เช่นเขาคนนี้ซะอีก นางต้องการขอความช่วยเหลืออะไรจากเขา

“ถอนคืนพระราชโองการพระราชทานงานสมรสของเซียวหยู่เซวียนและกู้ชูหยุนเพคะ”

“นี่จะทำได้เยี่ยงใดกันล่ะ คำพูดกษัตริย์ไม่ใช่ของเล่น ข้าได้ประกาศพระราชโองการพระราชทานการสมรสไปทั้งแคว้นแล้ว หากว่าถอนคืน หน้าตาของข้าจะเอาไปไว้ที่ไหน”

“แน่นอนว่าก็อยู่บนหน้าสิเพคะ หรือว่าพระองค์ไม่อยากฟังนิยายเช่นนั้นหรือเพคะ?”

อยากสิ เขาจะไม่อยากได้ยังไง

เขาแทบอยากจะให้กู้ชูหน่วนมาเล่านิยายให้เขาฟังทุกวัน

แต่…….

“ก็ยังไม่ได้ ข้ารับปากคนผู้หนึ่งไว้ ถอนพระราชโองการกลับคืนไม่ได้เด็ดขาด”

“อ๋อ……รับปากผู้ใดเพคะ”

“เจ้าวิ่งมาหาข้าตอนเที่ยงคืนดึกดื่น ก็เพื่อเรื่องนี้?”

“ไม่เช่นนั้นพระองค์คิดว่าข้ามาหาพระองค์เพื่ออะไรหรือเพคะ?”

“เจ้าผู้หญิงคนนี้ เจ้าชอบพอเซียวหยู่เซวียนเข้าแล้วสินะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าคือ…..”

“คือพระชายาหานที่พระองค์พระราชทาน”

เย่หวงสำลัก

คำพูดนี้ ทำไมเขาฟังแล้วถึงได้รู้สึกไม่ดีนะ

เย่หวงหน้าแดง พูดจาอ้ำๆอึ้งๆ “หากว่า…..หากว่าเจ้าไม่อยากอยู่กับเทพสงคราม บางทีข้าอาจจะสามารถ……สามารถหาวิธีให้พวกเจ้าหย่ากันได้”

“ไม่ต้องหรอกเพคะ หากว่าพระองค์อยากช่วยข้าจริงๆ ก็เรียกพระราชโองการพระราชทานการสมรสนั่นกลับคืน หากว่าทำไม่ได้ ก็ให้เหตุผลแก่ข้าสักอย่าง อย่าเอาคำพูดทางการมาพูดอย่างขอไปทีกับข้า ข้าไม่ใช่เด็กอายุสามขวบนะเพคะ”

คนข้างๆได้ยินคำพูดนั้น ขาทั้งสองข้างของแต่ละคนก็สั่นอยู่ตลอด

แม้ว่าพระชายาหานจะมีเทพสงครามคุ้มและหนุนหลังอยู่ ก็ไม่สามารถจะพูดเช่นนี้กับฮ่องเต้ได้

ในสายตาของนางยังมีฮ่องเต้อยู่หรือไม่?

“อันนี้……กู้เฉิงเซี่ยงมาขอร้องข้าหลายครั้ง ข้าก็รับปากเขาไปแล้ว”

“นี่ไม่ใช่เหตุผลเพคะ พระองค์ที่เป็นฮ่องเต้ตัวน้อยๆนี่เป็นคนยังไง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะเพคะ”

“เจ้าบังอาจ กู้ชูหน่วน เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนกินผลไม้บนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน มองดูเขาด้วยดวงตาโตๆเป็นประกายแวววาว

ในดวงตาคู่นั้นไม่มีความหวาดกลัว มีเพียงความเย้ยหยันและตรงไปตรงมา

เย่หวงทั้งโมโหทั้งโกรธ

ที่โกรธคือกู้ชูหน่วนไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ด้านข้างยังมีคนดูอยู่มากมายขนาดนั้นน่ะ

ที่โกรธคือ แคว้นเย่เพิ่งจะเผชิญกับสงครามใหญ่มาหมาดๆ หากว่าเย่จิ่งหานคิดจะเคลื่อนพลก่อกบฏจริง เขาก็ต้านทานไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธนี้ไว้แล้ว

เย่หวงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามเข้าใกล้ คืนนี้ข้าต้องการจะฟังพระชายาหานเล่านิยายให้ดีๆ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนล้วนรู้ดีว่านี่คือคำพูดผิวเผิน แต่ขนาดฮ่องเต้ยังไม่กล้าทำอะไรพระชายา พวกเขาจะกล้าได้อย่างไร ดูท่าแล้วนับจากนี้ไปพบพระชายา ก็ต้องหลบเลี่ยงสักหน่อย

“วันนั้น…..วันนั้นข้าบังเอิญเห็นกู้ชูหยุน……อาบ…..อาบ….”

“อาบน้ำ? ภาพคนงามอาบน้ำ? จากนั้นก็ทำให้นางมีมลทินหรือเพคะ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเห็นโดยบังเอิญ นางที่เป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง อาบน้ำกลางวันแสกๆ และยังไม่ปิดหน้าต่างอีกด้วย”

“ในจวนเฉิงเซี่ยงหรือเพคะ?”

“ใช่…..ใช่แล้ว…..”

เขาหากู้ชูหน่วนไม่พบมาตลอด จึงอยากไปดูว่าสถานที่ที่กู้ชูหน่วนเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆเป็นอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับฉากนั้น

“พระองค์ไม่ได้เป็นฮ่องเต้หรือเพคะ แต่งงานกับนางไปซะเลยก็ได้แล้วนี่เพคะ”

กู้ชูหน่วนกำลังหัวเราะ แต่ใบหน้ากลับเผยความคิดลึกๆออกมา

กู้ชูหยุนเป็นคนยังไง นางจะอาบน้ำตอนกลางวันแสกๆได้อย่างไร?

เย่หวงไปจวนเฉิงเซี่ยง ทั้งจวนเฉิงเซี่ยงก็ควรจะตกใจกันหมดแล้ว กู้ชูหยุนไม่ออกมาต้อนรับไม่ว่า ยังจะเปิดหน้าต่างอาบน้ำอีก? คิดว่าหน้าต่างนี่ก็คงจะตั้งใจเปิดไว้สินะ

“ข้าไม่ใช่พระราชาที่เหลวไหลมักมากในกาม สนมวังหลังวังของข้ามีมากพอแล้ว จะรับนางเข้ามาได้อย่างไร”

ที่สำคัญก็คือ พวกนางสองพี่น้องเข้ากันไม่ได้ หากว่าเขารับกู้ชูหยุนมาเป็นสนม อนาคตกู้ชูหน่วนยังจะมาในวังของเขาอีกหรือ?