ตอนที่ 987 ศึกตัดสิน โดย Ink Stone_Fantasy
อสูรสยองยักษ์ตัวนั้นเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย เมื่อเห็นเจ้านายล้มลง มันจึงรีบกางปีกเพื่อจะบินหนีไปทันที
เพื่อนๆ ของมันที่คอยช่วงดึงความสนใจจากปืนกลในตอนแรกต่างก็ถูกยิงตายไปจนหมดแล้ว ตัวมันเองก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนตอนที่ลงมาจากฟ้า ร่างกายอันใหญ่โตของมันกลายเป็นสิ่งที่ถ่วงให้มันบินขึ้นไปบนฟ้าได้ช้าลง ถ้ามันยังอยู่บนพื้น บางทีพวกหน่วยปืนกลอาจจะไม่กล้ายิงมันเพราะกลัวกระสุนจะถูกพวกเดียวกันก็ได้ แต่พอมันบินขึ้นไปบนฟ้า พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้อีก
ทันใดนั้นเอง ปืนกลที่ใช้ยิงพวกอสูรสยองกว่าครึ่งต่างก็เล็งไปที่อสุรกายยักษ์
ม่านกระสุนที่สาดมาจากทั่วทุกทิศทุกทางเป็นเหมือนกับแส้ที่หวดเข้าไปที่อสูรสยอง ร่างกายตรงส่วนไหนที่มีเกราะก็จะมีประกายไฟแลบออกมา ร่างกายส่วนไหนที่เปลือยเปล่าก็จะถูกยิงจนเปื่อยยุ่ย ครั้งนี้มันถูกยิงร่วงตกลงมาที่พื้นโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ เลือดที่ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไหลทะลักออกมาจากรูกระสุนเหมือนรังผึ้ง ไม่นานบนร่างกายของมันก็มีแอ่งน้ำเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
อกาธาถอนใจออกมา
ดูเหมือนโซอี้จะพูดถูก แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นไพ่ตายที่เอาไว้ใช้จัดการกับปีศาจระดับสูงจริงๆ แล้วก็เป็นเหตุผลที่ทำให้แม่มดระดับสูงจำนวนมากในสมาพันธ์ต่างเห็นด้วยกับราชินีสตาร์ฟอล
พวกเธอสามารถสลายเวทมนตร์ได้ทุกเมื่อ แล้วก็ทำให้ข้อได้เปรียบของปีศาจระดับสูงที่มีพลังเวทมนตร์แตกต่างกันไปนั้นใช้ไม่ได้ผล อีกทั้งความแข็งแกร่งของร่างกายก็ไม่ได้เป็นรองแม่มดอมนุษย์ ไม่เพียงแต่จะกำจัดจุดอ่อนของแม่มดในเรื่องที่พลังความสามารถไม่นิ่งได้แล้ว พวกเธอยังทำลายความได้เปรียบของศัตรูในเรื่องของจำนวนลงด้วย สำหรับสมาพันธ์ที่พ่ายแพ้จนต้องถอยร่นมาตลอดแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็นแสงสว่างที่อยู่ปลายอุโมงค์อันมืดมิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตามความคิดที่ท่านอควาเรียสคิดเอาไว้ในตอนแรก ขอเพียงมีแม่มดสายสนับสนุนครึ่งหนึ่งทำการเปลี่ยนร่าง เช่นนั้นก็หมายความว่าสมาชิกแม่มดที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้นับพันๆ คนจะกลายเป็นสุดยอดนักรบ พวกแม่มดสายต่อสู้จะเป็นคนจัดการกับกองทัพปีศาจ แม่มดอาญาสิทธิ์จัดการปีศาจระดับสูง ส่วนพวกที่รับมือได้ยากที่สุดก็จะให้สุดยอดอมนุษย์เป็นคนจัดการ นี่คือศึกที่อาณาจักรแม่มดพยายามทำให้มันเกิดขึ้น
เมื่อคิดถึงว่าเดิมแม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นนักฆ่าที่เอาไว้จำกัดปีศาจอยู่แล้ว การที่พวกเธอสามารถจัดการปีศาจระดับสูงได้รวดเร็วขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พูดอีกอย่างคือถ้าพวกเธอสิบกว่าคนไม่สามารถจัดการปีศาจระดับสูงเพียงตัวเดียวได้ ราชินีสตาร์ฟอลก็ต้องไม่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับแผนการนี้แน่นอน
แต่ทุกอย่างมันก็ยังสายไป
อกาธามองไปยังโซอี้ที่ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ภายในใจของเธออดรู้สึกทอดถอนใจออกมาไม่ได้
ถ้าสมาพันธ์ผลักดันแผนการนี้ตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มก่อตั้ง ไม่แน่ผลการรบในสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สองอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิมก็ได้ ในตอนนั้นถึงแม้มนุษย์จะแพ้จนต้องหนีออกมาจากดินแดนรุ่งอรุณ แต่บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ยังมีเมืองอยู่อีกหลายเมือง มีประชาชนอยู่อีกนับสิบล้านคน ด้วยพื้นฐานเหล่านี้อาจจะทำให้สมาพันธ์สามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งไม่เป็นรองปีศาจขึ้นมาได้
แต่หลังจากที่พ่ายแพ้ในสงครามแห่งโชคชะตา สิ่งที่เหลือให้กับราชีนีสตาร์ฟอลนั้นมีเพียงดินแดนเล็กๆ กับคนอีกไม่ถึงหนึ่งล้านคน เกรงว่าตอนที่เธอทำการตัดสินใจอันนี้ออกมาในตอนนั้น ภายในใจเธอคงคิดเพียงแต่ว่าจะทำมันให้ดีที่สุดก็พอ
“เจ้าไม่ฆ่ามันเหรอ?” อกาธาเดินไปข้างโซอี้
ปีศาจระดับสูงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่ตาย ศัตรูที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ตายยากกว่าสุดยอดอมนุษย์เสียอีก ต่อให้ไม่ต้องตรวจสอบดูพลังเวทมนตร์ อกาธาก็รู้ว่าพลังเวทมนตร์ที่หลงเหลืออยู่ไม่เท่าไรของศัตรูกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่งเพื่อจะพยายามรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักนี้
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าปีศาจจะสามารถรอดจากการบาดเจ็บขนาดนี้ไปได้ ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายนั้นมีขีดจำกัดอยู่ ต่อให้ปล่อยมันทิ้งเอาไว้แบบนี้ไม่ทำอะไร สุดท้ายมันก็ต้องตายเพราะพลังเวทมนตร์ไหลออกไปจากร่างจนหมดอยู่ดี
นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอกแดงที่ถูกใช้ไปเรื่อยๆ อยู่ทุกวินาทีเลย
น่าจะเป็นเพราะโซอี้อยากจะเป็นมันเจ็บปวดแบบนี้มากกว่าที่จะจัดการมันให้ตายไปในทีเดียว
“ข้าอยากจะไว้ชีวิตมันก่อน” แต่ว่าคำตอบของอีกฝ่ายกลับทำให้อกาธารู้สึกแปลกใจอย่างมาก “ปีศาจที่บุกมาโจมตีครั้งมีจำนวนเยอะมาก เราน่าจะยึดเอาถังหมอกแดงมาได้ไม่น้อย ถ้าเรารักษาบาดแผลกับคอยเติมหมอกแดงให้มัน มันน่าจะอยู่รอดไปได้อีกหลายวัน”
“เจ้าอยากจะทำอะไร?” แม่มดน้ำแข็งขมวดคิ้วขึ้นมา
“วางใจได้ ถึงแม้ตัวข้าอยากจะทำให้มันทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต แต่นั่นมันยังไม่ถึงเวลา” โซอี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ในแม่มดอีกกลุ่มหนึ่งเหมือนจะมีแม่มดที่สามารถเชื่อมต่อจิตใจได้อยู่ใช่ไหม?”
“เจ้าอยากจะให้นางเชื่อมต่อกับปีศาจเหรอ?” อกาธาถามอย่างตกใจ
โซอี้พยักหน้า “ข้ารู้ว่านี่มันจะต้องมีความเสี่ยงอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำได้ พวกเราก็จะมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับปีศาจแบบตรงๆ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา ในหัวมันจะต้องมีสิ่งที่คุ้มค่าแก่การที่เราจะเสี่ยงอยู่แน่นอน!”
อกาธาคิดในใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อน นี่จะต้องเป็นความเย้ายวนที่แม่มดระดับสูงไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ยุคสมัยของสมาพันธ์อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่าบาทโรแลนด์หรือว่าทิลลี วิมเบิลดันก็ล้วนแต่ไม่มีทางบีบบังคับแม่มดเพื่อความเป็นไปได้อย่างหนึ่งแน่นอน
นอกเสียจากคามิล่า แดริลจะยอมสมัครใจเอง
ในขณะที่เธอกำลังลังเล อีกด้านหนึ่งของสนามรบพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาหลายครั้ง!
เมื่อมองดูจากตรงนี้ จะเห็นว่าตรงแนวหน้าทางเหนือมีฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นมาเหมือนถูกอะไรบางอย่างกวาดผ่านไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาเลยแม้แต่นัดเดียว
หรือว่าศัตรูจะยังมีสัตว์อสูรเหลืออยู่อีก? หรือว่า…แนวป้องกันจะถูกปีศาจบุกเข้ามาแล้ว?
อกาธารีบกระตุ้นรูนสดับขึ้นมา “ซิลเวีย แนวหน้าเป็นยังไงบ้าง?”
“มีสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเจอชนิดหนึ่งกำลังโจมตีใส่พวกเรา” เสียงของซิลเวียฟังดูร้อนใจ “แนวหน้าต้องการความช่วยเหลือจากปืนใหญ่!”
…..
หลังเสาหินระเบิดออก กระสุนปืนครกก็ตกลงไปในกองทัพปีศาจเหมือนกัน
สำหรับปีศาจที่มีแต่กระดูกกับหนังสัตว์ห่อหุ้มร่างกายแล้ว ปืนใหญ่ 152 มม.กับปืนครกนั้นแทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย ในทางกลับกัน ปืนครกนั้นกลับมีความได้เปรียบในเรื่องจำนวนและความเร็วในการยิงมากกว่า ทำให้มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามาได้มากกว่า
บนสนามรบที่มีสะเก็ดระเบิดปลิวว่อน ปีศาจที่วิ่งดาหน้าเข้ามาโดยไม่มีอะไรคอยคุ้มกันร่างกายยิ่งทำให้อาณุภาพทำลายล้างของกระสุนปืนครกนั้นรุนแรงมากขึ้นไปอีก ภาพที่มีหมอกแดงฟุ้งกระจายขึ้นมาหลังการระเบิดในแต่ละนัดกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อต้องเจอกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่หยุด สุดท้ายพวกปีศาจเหมือนจะถูกหยุดเอาไว้ไม่ให้บุกเข้ามาต่อ
แต่ซิลเวียไม่มีสมาธิจะไปนั่งดูผลลัพธ์ของปืนครกว่าเป็นอย่างไร
นอกจากจะคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวบนท้องฟ้าแล้ว ในสายตาของเธอตอนนี้เหลือแค่เพียงอสุรกายที่น่าเกลียดน่ากลัว 4 ตัวนั้นเท่านั้น
เสียดายที่อีกฝ่ายเป็นแมลงประหลาดที่สร้างขึ้นมาจากหินสีดำและเหล็ก ปืนครกจึงใช้กับมันไม่ค่อยได้ผลเท่าไร
ถ้าไม่ยิงถูกมันตรงๆ สะเก็ดระเบิดก็ยากจะทะลุเปลือกนอกจากมันเข้าไปได้
ในเวลานี้ด้านหลังสัตว์ประหลาดยักษ์มีเสาหินสีดำงอกออกมาอีกครั้ง ซิลเวียพบว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้าสัตว์ประหลาดจริงๆ อย่างที่เธอคิดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นหินหรือว่าหลอดเลือดต่างๆ ล้วนแต่ค่อยๆ ลอกออกมาจากร่างกายของมัน จากนั้นจับตัวกันเป็นเสาทรงกลม
เธอรู้ว่าจำเป็นต้องรีบจัดการเจ้าประหลาดที่สามารถโจมตีระยะไกลได้พวกนี้ให้เร็วที่สุด
การโจมตีของมันเมื่อครู่นี้ได้สร้างความเสียหายให้กับกองทัพที่หนึ่งไม่น้อย เนื่องจากไม่มีการป้องกันใดๆ เลย ทำให้แนวหน้ามีทหารที่ได้รับบาดเจ็บทีเดียวร้อยกว่าคน ทหารบางส่วนที่อยู่ในหลุมเพลาะถูกยิงทะลุแขนกับหน้าอก ที่สำคัญกว่านั้นก็คือการโจมตีที่ไม่เคยเจอมาก่อนและไม่มีแผนที่จะรับมือแบบนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารอย่างมาก
แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ เพราะว่า ‘การงอกอาวุธ’ ของพวกศัตรูนั้นช้ากว่าการเติมกระสุนมาก
“กองพันปืนใหญ่จะรีบทำให้ปืนใหญ่กลับมายิงได้อีกครั้ง” น้ำเสียงสุขุมของอกาธาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นไม่น้อย “ข้าจะให้หัวหน้ากองพันคุยกับเจ้า”
“สะ สวัสดีขอรับ…คุณหนูซิลเสีย” น้ำเสียงที่ฟังดูระมัดระวังดังขึ้นมา “ข้าคือหัวหน้ากองพันแวนนา….เราต้องใช้เวลานิดหน่อยในการทำให้ปืนใหญ่กลับมายิงได้อีกครั้ง แต่ที่โชคดีคือมีปืนใหญ่กระบอกหนึ่งที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ถ้าคุณหนูบอกพิกัดในการยิงได้ เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าทำการยิงสนับสนุนไปตอนนี้เลยขอรับ”
ซิลเวียกำหมัดแน่น เธอพยายามสะดความตื่นเต้นภายในใจ เธอเหลือบมองดูเข็มทิศที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะรายงานพิกัดออกมาแบบช้าๆ ชัดๆ “ทางเหนือ 11 องศา 17 ลิปดา ระยะ 2,310 เมตร — ยิงได้!”
“รับทราบ ทางเหนือ 11 องศา 17 ลิปดา ระยะ 2,310 เมตร!” แวนนาพูดทวน “หมู่ 6…. ยิงได้!”
………………………………………………………………
← ตอนก่อน