บทที่ 1542 เพียงเท่านี้

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1542 เพียงเท่านี้

แปลโดย iPAT

 

ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา การต่อสู้อันดุเดือดกำลังปะทุขึ้น

 

ผู้อมตะภาคกลางได้รับคำสั่งให้กระจายกันไปจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ ตราบเท่าที่มันถูกสร้างขึ้น พวกเขาจะสามารถนำกำลังเสริมเดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดเวลา

 

สำหรับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา นี่เป็นข่าวร้าย เรื่องนี้ต้องถูกหยุด

 

‘ฟงจิวเก้อผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อบังคับยักษ์สวรรค์ที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาต้องการลดกำลังของข้า’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเย้ยหยันอยู่ในใจ

 

หากนี่เป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อน เขาจะตื่นตระหนกและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์

 

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ เขามองเห็นแผนการของฟงจิวเก้อ

 

‘ข้าไม่สามารถแยกกองกำลัง ในกรณีนี้ข้าก็จะฆ่าผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆก่อน เราจะแข่งกันด้วยความเร็ว แล้วมาดูกันว่าผู้ใดจะเร็วกว่า’

 

ดวงตาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น

 

ยักษ์สวรรค์ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า

 

“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนแปลงไปเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเส้นทางแห่งห้วงมิติ

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ!

 

ฟงจิวเก้อต้องการหยุดยักษ์สวรรค์ด้วยท่าไม้ตายอมตะขยายเสียงสามเท่า แต่ยักษ์สวรรค์ไม่สนใจการโจมตีเหล่านี้

 

เมื่อเท้าขวาของยักษ์สวรรค์สัมผัสพื้น มันก็เคลื่อนที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้เรียบร้อยแล้ว

 

ผู้อมตะภาคกลางที่กำลังบินอยู่บนก้อนเมฆรู้สึกถึงเงาดำขนาดใหญ่ เมื่อเขาหันหลังกลับ รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง

 

มือยักษพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

 

เขากัดฟันและพยายามหลบหนี แต่ท่าไม้ตายของเขากลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย

 

“ช่วยข้าเร็วเข้า!” ผู้อมตะภาคกลางกรีดร้องขอความช่วยเหลือ

 

ในเวลาต่อมามือทั้งสองข้างของยักษ์สวรรค์ก็มาถึง

 

“ช่วยข้า!” เขากรีดร้องอย่างไม่สามารถสงบสติอารมณ์

 

“กรุบ!”

 

หลังจากนั้นเขาก็ถูกมือยักษ์ตบจนกลายเป็นเนื้อบดอยู่ในฝ่ามือของยักษ์สวรรค์อย่างน่าสมเพช

 

“ดี!” ภายในยักษ์สวรรค์ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างเต็มที่ “เราจะดำเนินการต่อไป ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขารับมือได้ยาก เราจะเพิกเฉยต่อเขาและสังหารผู้อ่อนแอเหล่านี้ก่อน ข้าจะคอยดูว่าหลังจากนี้ผู้ใดยังจะกล้าบุกรุกแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าอีก!”

 

ยักษ์สวรรค์เป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณอันดับสองของโลกใบนี้ มันมีพลังการต่อสู้ระดับแปดและเป็นจุดสูงสุดในอดีต ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรับมือการบุกรุกของนิกายเงา

 

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป นิกายหลางหยาถูกก่อตั้งขึ้นและด้วยคำแนะนำของฟางหยวน พลังการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ด้วยวิธีนี้ยักษ์สวรรค์จึงสามารถแสดงพลังการต่อสู้ระดับแปดที่แท้จริงออกมาได้ในที่สุด

 

ภาคใต้ เขาวงกตโคลนทราย

 

ชีวิตธรรมดายังดำเนินต่อไป

 

“ดูเหมือนข้าจะสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ” ภายใต้แสงจันทร์ ฟางหยวนถอนหายใจ

 

เขาสวมเสื้อบางๆขณะเดินไปรอบสวนเล็กๆที่แห้งแล้ง

 

“นี่คือบ้านของข้า” ฟางหยวนมองไปรอบๆและถอนหายใจอีกครั้ง

 

เขามองไปยังห้องที่หญิงชรานอนอยู่ มันทรุดโทรมยิ่งกว่าห้องของเขา หน้าต่างเต็มไปด้วยรูมากมาย เมื่อเห็นสิ่งนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกสลดใจ

 

เมื่อคิดถึงซิ่วเหนียง ความรักก็ปรากฎขึ้นในหัวใจของเขา

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสองคนนี้เป็นผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของเขา

 

หลังจากพักฟื้นเป็นเวลาหลายเดือน อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาก็หายเป็นปกติ เขาสามารถเดินได้อีกครั้ง

 

ในช่วงเวลานี้ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของฟางหยวน แสงจันทร์ส่องลงบนคิ้วที่ขมวดแน่น เขากำลังคิดถึงสถานการณ์ของเขาขณะนอนอยู่บนเตียง

 

‘ซิ่วเหนียงรักข้าจริงๆ ข้าต้องแต่งงานกับนาง ข้าจะไม่ทำให้นางผิดหวัง!’

 

‘ท่านแม่ชอบซิ่วเหนียงมาก แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางต้องยอมแพ้อย่างเจ็บปวด’

 

‘เพื่อแต่งงานกับซิ่วเหนียง มีสองอุปสรรค หนึ่งคือตระกูลชูมีกองกำลังขนาดใหญ่ สองคือพ่อแม่ของซิ่วเหนียงเป็นผู้ใช้วิญญาณ พวกเขาดูถูกมนุษย์ธรรมดาเช่นข้า’

 

‘สาเหตุที่แท้จริงยังคงเป็นพรสวรรค์ที่ต่ำต้อยของข้า ข้าไม่สามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณ หากข้าสามารถปลุกทะเลวิญญาณและกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม พ่อแม่ของนางจะยอมรับข้า’

 

‘เห้อ…’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ถอนหายใจยาว

 

นี่เป็นปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ไข

 

แม้ข่าวลือจะกล่าวว่ามีวิธีเพิ่มพรสวรรค์ แต่ฟางหยวนเป็นเด็กที่ไม่มีสิ่งใดเลย แล้วผู้ใดจะช่วยเขา?

 

แม้ซิ่วเหนียงจะสามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณแต่นางก็มีพรสวรรค์นภาที่สามเท่านั้น หากนางมีอนาคตที่สดใสและสามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม นางจะสามารถตัดสินชะตากรรมของตัวนางเอง

 

‘แล้วข้าต้องทำอย่างไร?’

 

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความกังวลขณะมองดวงจันทร์

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงพิณดังขึ้น

 

‘หือ เหตุใดถึงมีเสียงเพลง?’ ฟางหยวนตั้งใจฟัง นอกจากเสียงพิณยังมีเสียงขลุ่ยและเครื่องดนตรีอื่นๆ

 

เขาตั้งใจฟังและพยายามหาที่มาของเสียงดนตรี

 

‘แปลก เสียงเพลงมาจากบ่อน้ำในบ้านของข้า?’ ฟางหยวนเดินไปที่บ่อน้ำและมองลงไปเพียงเพื่อพบกับเงาของดวงจันทร์ที่สว่างไสว

 

ฟางหยวนมองกำแพงบ่อน้ำ มีอิฐหลายสิบก้อนที่ดูเหมือนประตู มันกำลังส่องแสงสีขาวออกมา

 

เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาผูกเชือกกับถังน้ำและปีนลงไป

 

เมื่อเขาลงไปถึงกลางบ่อ เขาผลักอิฐที่ดูเหมือนประตู

 

เขาใช้กำลังเพียงเล็กน้อยแต่ประตูแสงกลับดูดฟางหยวนเข้าไป

 

คืนต่อมา

 

ฟางหยวนลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาของเขาส่องประกายเจิดจ้า เขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

ปรากฏว่าบ่อน้ำนี้มีมรดกอมตะที่เรียกว่ามรดกที่แท้จริงแห่งคุณธรรมซ่อนอยู่ เนื่องจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน มันจึงไม่สมบูรณ์นัก

 

ฟางหยวนรับสืบทอดมรดกที่ไม่สมบูรณ์นี้ เขาปลุกทะเลวิญญาณในคืนนั้นและกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง เขาได้รับวิญญาณระดับมนุษย์หลายดวง นั่นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

‘สวรรค์สงสารข้า ข้าได้รับโชคลาภโดยบังเอิญ ตอนนี้ข้ามีโอกาสที่จะได้แต่งงานกับซิ่วเหนียงแล้ว!’

 

ฟางหยวนมีความสุขมาก

 

แต่เขายังสามารถควบคุมตนเองและปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ การเผชิญหน้าโดยบังเอิญเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เกินไป หากเขาเปิดเผย เขาจะถูกฆ่าตาย

 

‘ข้าต้องฝึกฝนอย่างหนัก ข้าจะสะสมรากฐานและเปิดเผยความแข็งแกร่งในเวลาที่เหมาะสม’

 

มรดกที่แท้จริงแห่งคุณธรรม!

 

ฟางหยวนตัดสินใจแต่เขายังขมวดคิ้ว

 

‘แต่มรดกที่แท้จริงนี้มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างแปลก มันต้องการให้ผู้สืบทอดรักษาหัวใจที่มีคุณธรรมเอาไว้ ยิ่งมีคุณธรรมมากเท่าใด การบ่มเพาะก็จะยิ่งง่ายมากเท่านั้น’

 

‘คุณธรรม?’ ฟางหยวนลังเล

 

เขามีความรู้สึกดูแคลนคำนี้อยู่ในใจ แต่หลังจากได้รับมรดกนี้แล้ว ความรู้สึกดังกล่าวก็ค่อยๆหายไป

 

หลายวันต่อมาฟางหยวนทำงานอย่างหนัก

 

หญิงชราแนะนำไม่ให้เขาเข้าใกล้ซิ่วเหนียง เขาตกลงแต่ลอบตัดสินใจอยู่ภายใน

 

ซิ่วเหนียงมาหาเขาและพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ยากลำบากของทั้งสอง แต่ฟางหยวนบอกให้นางอดทน เขาจะหาวิธีแก้ปัญหานี้

 

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนดีใจก็คือซิ่วเหนียงเชื่อคำกล่าวของเขาโดยปราศจากข้อสงสัย

 

ในช่วงเวลาที่เขาฝึกฝน วันหนึ่งหญิงชราเริ่มล้มป่วยและไม่สามารถรักษา

 

ฟางหยวนรู้สึกเจ็บปวดมาก ยาทั่วไปไม่มีประสิทธิภาพ หัวใจของฟางหยวนถูกเผ่าไหม้ด้วยความวิตกกังวล

 

เขาขอให้ผู้ใช้วิญญาณระดับสองมารักษาหญิงชราแต่ผู้ใช้วิญญาณระดับสองเย้ยหยันค่าตอบแทนที่น่าสมเพชของเขาและไม่ยินดีให้ความช่วยเหลือ

 

ฟางหยวนได้ยินว่าผู้ใช้วิญญาณผู้นี้ชอบกินปลา เขาจึงเดินทางหลายสิบลี้เพื่อไปยังทะเลสาบ

 

ฟางหยวนก่อกองไฟเพื่อละลายชั้นน้ำแข็งบนผิวทะเลสาบก่อนจะดำลงไปในน้ำเย็นเพื่อจับปลามามองให้ผู้ใช้วิญญาณ

 

ผู้ใช้วิญญาณรู้สึกประทับใจมากกับความกตัญญูของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจช่วยเหลือหญิงชรา

 

หญิงชราได้รับการรักษา ฟางหยวนมีความสุขมาก ความสุขของเขาเพิ่มขึ้นเมื่อเขาพบว่ามีวิญญาณคุณธรรมระดับสองเกิดขึ้นในทะเลวิญญาณของเขา

 

ตามมรดกที่แท้จริงแห่งคุณธรรม วิญญาณคุณธรรมจะปรากฏขึ้นด้วยตัวมันเองเมื่อฟางหยวนทำความดีและแสดงความเมตตา ยิ่งเขาสะสมความดีมากเท่าใด วิญญาณคุณธรรมก็จะยกระดับขึ้นเท่านั้น วิญญาณดวงนี้มีประโยชน์หลายอย่าง หนึ่งในความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของมันคือการเปลี่ยนพรสวรรค์ของฟางหยวน มันจะทำให้ฟางหยวนได้รับกายาแห่งคุณธรรม

 

ตามคำอธิบายที่คลุมเครือของมรดกที่แท้จริงนี้ กายาแห่งคุณธรรมด้อยกว่าสุดยอดกายาทั้งสิบเท่านั้น แต่มันไม่มีข้อบกพร่องเหมือนสิบสุดยอดกายา มันแสดงถึงอนาคตและศักยภาพที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเสมอเหมือน

 

ฟางหยวนค่อยๆสะสมความดีอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ในไม่ช้าชื่อเสียงที่ดีงามของเขาก็แพร่กระจายออกไป

 

ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สองปีต่อมาเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง

 

ระหว่างกระบวนการนี้ เขาได้ช่วยเด็กที่ตกลงไปในน้ำและเปิดเผยตัวตนผู้ใช้วิญญาณของเขาออกมา

 

ขณะที่ผู้อาวุโสจากตระกูลชูบังเอิญเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นความลับของฟางหยวนจึงถูกเปิดเผย

 

ผู้อาวุโสตระกูลชูคิดว่าฟางหยวนต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงโจมตีฟางหยวน

 

ฟางหยวนต่อสู้กับเขาอย่างดุเดือด ในที่สุดเขาก็ก้าวข้ามขีดจำกัดและสามารถใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ยอมจำนนต่อคุณธรรม!

 

ท่าไม้ตายนี้ใช้คุณธรรมที่เขาสะสมมาทั้งหมด

 

ผู้อาวุโสตระกูลชูถูกโจมตีแต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขาเริ่มร้องไห้และคุกเข่าลงพร้อมกับตบหน้าของตนเอง “ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้ามีความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ากล้าโจมตีผู้มีคุณธรรมเช่นท่านได้อย่างไร? ข้าเป็นเดรัจฉาน ข้าไม่ใช่มนุษย์ โปรดอภัยให้ข้าด้วย โปรดให้โอกาสข้าได้ชดใช้ความผิดของข้าด้วย!”

 

ฟางหยวนมึนงง เขาไม่คิดว่าท่าไม้ตายนี้จะทรงพลังถึงเพียงนี้

 

หลังจากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลสำคัญมากมายเกี่ยวกับนายน้อยตระกูลชู

 

ในขณะเดียวกันเขายังทำงานหนัก ชื่อเสียงที่ดีงามของเขาแพร่กระจายออกไป กระทั่งผู้ใช้วิญญาณหลายคนก็เคยได้ยินเรื่องราวของเขา

 

หลายปีต่อมาความจริงก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป ตัวตนผู้ใช้วิญญาณของฟางหยวนถูกเปิดเผย

 

แต่เขาใช้วิญญาณดวงอื่นเพื่อปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา พ่อแม่ของซิ่วเหนียงเริ่มเปลี่ยนความคิด แต่พวกเขายังไม่ต้องการให้บุตรสาวแต่งงานกับคนยากจนเช่นฟางหยวน

 

หากเปรียบเทียบ นายน้อยตระกูลชูเหนือกว่าฟางหยวนมาก

 

แต่ซิ่วเหนียงรักฟางหยวนเพียงผู้เดียว เรื่องนี้ทำให้นายน้อยตระกูลชูไม่พอใจและพยายามสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน

 

ชีวิตของฟางหยวนเต็มไปด้วยอุปสรรค เขาถูกใส่ร้ายและกล่าวหาตลอดเวลา แต่เขายังมีซิ่วเหนียงเป็นจุดหมาย

 

ในที่สุดความขัดแย้งก็ถึงขีดสุด นายน้อยตระกูลขอให้ฟางหยวนต่อสู้กับเขาในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย

 

ฟางหยวนตกลงรับคำท้าทาย

 

ก่อนถึงวันต่อสู้ ในยามดึกฟางหยวนถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้ใช้วิญญาณของตระกูลชู

 

ฟางหยวนหลบหนีไปที่ภูเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เขาเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง

 

เพราะเขารู้ว่าด้วยการอาการบาดเจ็บเหล่านี้เขาไม่สามารถแข่งขันกับนายน้อยตระกูลชู หากเขาไปต่อสู้ เขาจะต้องตาย แต่หากเขาไม่ไป เขาจะแพ้การแข่งขัน ขณะที่ซิ่วเหนียงจะไม่เหลือทางเลือกและต้องแต่งงานกับนายน้อยตระกูลชู

 

“ข้าจะยอมให้ซิ่วเหนียงแต่งงานกับคนชั่วผู้นี้ได้อย่างไร? ต่อให้ข้าตายข้าก็จะ…เสียงนั่น?” ฟางหยวนตกใจ เขาหันหลังกลับและเห็นคลื่นสัตว์อสูรกำลังใกล้เข้ามา

 

“ดี สวรรค์ไม่ได้ตาบอด คลื่นสัตว์อสูรกำลังจะบุกโจมตีเมือง ตระกูลชูไม่ได้เตรียมตัวสำหรับสิ่งนี้ พวกเขาจะพ่ายแพ้ ข้าจะสามารถแก้แค้น!”

 

ฟางหยวนดีใจมากแต่รอยยิ้มของเขาก็จางหายไปทันที

 

เขาคิดถึงมารดาของเขา เขาคิดถึงซิ่วเหนียง เขาคิดถึงสหายของเขา ใบหน้าอันเป็นที่รักของผู้คนเหล่านี้ผุดขึ้นในจิตใจของเขา

 

หากเขาปล่อยให้คลื่นสัตว์อสูรบุกเข้าไปในเมือง จะมีคนตายกี่คน?

 

แม้เขาจะพยายามช่วยคนเหล่านั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาจะสามารถช่วยได้กี่คน?

 

‘แม้ข้าจะสามารถช่วยซิ่วเหนียงและท่านแม่ แล้วคนอื่นๆ? พวกเขาไม่มีลูกหรือคนรักงั้นหรือ? พวกเขามีพ่อแม่ของตนเอง! หากไม่ช่วยพวกเขาเมื่อข้ารู้ถึงภัยพิบัตินี้ มันก็เหมือนกับข้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!’

 

‘นอกจากนี้ไม่ว่านายน้อยตระกูลชูจะเลวร้ายเพียงใดหรือคนตระกูลชูกี่คนจะเป็นเหมือนเขา แต่ยังมีคนที่น่าชื่นชมอยู่ในเมือง เหตุใดข้าต้องให้พวกเขารับเคราะห์ไปด้วย พวกเขาสมควรตายงั้นหรือ?’

 

‘ข้าอาศัยอยู่ในเมืองนี้มายี่สิบปีแล้ว ข้าเป็นหนึ้บุญคุณเมืองนี้ หากไม่ได้รับการปกป้องจากมัน ข้าคงถูกสัตว์ป่าฆ่าตายไปนานแล้ว เช่นนี้แล้วข้ายังสามารถปล่อยให้คลื่นสัตว์อสูรทำลายเมืองได้อีกงั้นหรือ? ที่นี่คือบ้านของข้า!’

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็วิ่งกลับไปที่เมือง

 

แม้เขาจะรู้ว่าการกลับไปอาจทำให้เขาถูกสังหารโดยผู้ใช้วิญญาณของตระกูชู แต่เขาก็ต้องไป!

 

เนื่องจากเขาบ่มเพาะด้วยมรดกที่แท้จริงแห่งคุณธรรมมาหลายปี คุณธรรมจึงฝังแน่นอยู่ในตัวเขา ความคิดของเขาเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าเขามีภาระหน้าที่และต้องรับผิดชอบเรื่องนี้

 

ฟางหยวนกลับมาที่เมืองและแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับคลื่นสัตว์อสูร

 

คลื่นสัตว์อสูรมาอย่างกะทันหันแต่ต้องขอบคุณฟางหยวนที่ทำให้ผู้ใช้วิญญาณมีเวลาเตรียมตัว

 

เจ้าเมืองยกย่องฟางหยวนเป็นอย่างมากที่เขาเสี่ยงอันตรายมาแจ้งเตือนพวกเขา

 

ด้วยการสนับสนุนจากเจ้าเมือง ฟางหยวนก็ไม่ต้องกลัวตระกูลชูอีกต่อไป การต่อสู้ของเขากับนายน้อยตระกูลชูถูกเลี่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

 

ในการต่อสู้กับคลื่นสัตว์อสูร ฟางหยวนได้ช่วยชีวิตมนุษย์และผู้ใช้วิญญาณนับไม่ถ้วนโดยไม่แสวงหารางวัล ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากขณะที่ผู้คนต่างยกย่องเขา

 

เมื่อคลื่นสัตว์อสูรสิ้นสุดลง ความแข็งแกร่งของฟางหยวนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ

 

เขาต่อสู้กับนายน้อยตระกูลชูที่ลานกว้างของเมือง

 

ในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายนี้ ฟางหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

 

แต่เขาไว้ชีวิตนายน้อยตระกูลชู

 

“โอ้ เฉินซาน เจ้าตอบแทนความเกลียดชังด้วยความเมตตา ข้าซาบซึ้งใจนัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะติดตามเจ้า!” หลังกล่าวจบคำ นายน้อยตระกูลชูก็คุกเข่าลง

 

ผู้คนในเมืองต่างชื่นชมฟางหยวนอย่างลึกซึ้ง

 

สามปีต่อมา เจ้าเมืองที่แก่ชราก็ส่งมอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้ฟางหยวน

 

ฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าแล้ว เขาเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ วันรับตำแหน่งของเขาเป็นวันเดียวกับวันที่เขาแต่งงานกับซิ่วเหนียง

 

งานเลี้ยงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

ซิ่วเหนียงนั่งข้างเตียงและมองฟางหยวนด้วยความรักอันสุดซึ้ง “ที่รัก ในที่สุดเราก็ได้แต่งงานกัน ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้รักคนผิด”

 

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “แน่นอน แต่…”

 

เขาจับหน้าอกของตนเอง

 

ซิ่วเหนียงกังวล “แต่อันใด? เจ้ารู้สึกไม่สบายงั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ข้ารู้สึกว่างเปล่าอยู่ภายใน”

 

ซิ่วเหนียงยิ้ม รอยยิ้มของนางเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน “เหตุใดเจ้าถึงรู้สึกว่างเปล่า ที่รัก เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีผู้คนชื่นชมเจ้ามากเพียงใด?”

 

ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ “พวกเขาเพียงชื่นชมโชคชะตา อำนาจ ความแข็งแกร่ง และความรักของข้า”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขาก็เริ่มเย็นชา ดวงตากลายเป็นคมกริบ

 

การแสดงออกของซิ่วเหนียงเปลี่ยนไป “ที่รัก เกิดสิ่งใดขึ้น? คำกล่าวของเจ้าทำให้ข้าไม่สบายใจ”

 

ฟางหยวนมองนางอย่างจริงจัง เขามองใบหน้าที่เขาคิดถึงทั้งวันทั้งคืน เขาไม่สามารถหยุดรักหญิงงามผู้นี้ได้เลย

 

สายตาของเขาดูจริงจังมากแต่ซิ่วเหนียงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังจากนั้นซิ่วเหนียงก็เห็นฟางหยวนส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น…ก็เพียงเท่านี้”

 

วินาทีต่อมา ทุกอย่างก็พังทลายลง!