ตอนที่ 913 ข้าศึกประชิดเมือง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ทหารอู่เว่ยรู้สึกคาดหวังกับการเรียนในตอนแรกมาก เพราะจักรวาลนี้มีการกระจายการศึกษาค่อนข้างต่ำแต่มีความศรัทธา ดังนั้นเมื่อพวกเขาเป็นทาส พวกเขาจึงอิจฉาทาสที่ได้รับการศึกษาเป็นพิเศษ

 

 

ทาสที่มีการศึกษาสามารถเป็นอาจารย์ได้จะมีฐานะสูงมาก แทบไม่ถูกนายทาสบีบให้ทำอะไร

 

 

ความเคารพในวัฒนธรรมนี้ยังคงดำเนินมาตั้งแต่ยุคสังคมทาสจนถึงปัจจุบัน แต่ก็จบลงด้วยสิ่งมหัศจรรย์เช่นการบ้านของหลี่ว์ซู่ …

 

 

หนุ่มใหญ่ถือปากกาที่ทำจากถ่านแล้วเขียนๆ วาดๆ ลงบนสมุด ตัวอักษรก็เขียนคดๆ เคี้ยวๆ เช่นกัน หลี่เฮยทั่นเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด ตอนที่เขาเป็นทาส เขาไม่นับถือทาสที่มีการศึกษา เขามักจะรู้สึกว่าคนที่รู้หนังสือเหล่านั้นไม่ชอบพูดจาภาษาคน มีเล่ห์เหลี่ยม ด่าคนก็ไม่ใช่คำหยาบ

 

 

ครั้งหนึ่ง หลี่เฮยทั่นเห็นอาจารย์ซีสีของนายทาสตระกูลหนึ่งกำลังดุด่าคนอื่นๆ ด่าไปด่ามา หลี่เฮยทั่นก็ทนดูต่อไปไม่ไหว การด่ด่าคนมันเหมือนชักช้าจริงๆ ฟันอีกฝ่ายไปซะก็สิ้นเรื่อง

 

 

หลี่ว์ซู่ไปฝึกกระบี่แล้ว ตอนนี้เขาอาจจะสามารถปะทุระดับที่สามได้ภายในหนึ่งเดือน เขาเริ่มกังวลบ้างเมื่อเห็นทุกคนต่างปะทุพลังกัน

 

 

ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย จะให้มีพลังน้อยกว่าลูกน้องได้อย่างไร

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น แต้มอารมณ์มากมายขนาดนั้น หลี่ว์ซู่อยากจะรีบพัฒนาถึงระดับหนึ่งและทลายโซ่ตรวนนั้นและกินผลดวงดาว

 

 

ในตอนนี้เอง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีความสุขที่ได้เห็นหลี่เฮยทั่นทำการบ้านด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เธอคิดมาตลอดว่าการบ้านเป็นภาระของนักเรียน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำการบ้านเลยเมื่อตอนเธอเรียน

 

 

ตอนนี้เห็นหลี่เฮยทั่นแสนซื่อถูกหลี่ว์ซู่ทรมานแบบนี้ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยิ้มและเดินไปที่หลี่เฮยทั่นแล้วดึงสมุดออกมาและฉีกทิ้ง “ไม่ต้องทำการบ้านแล้ว ถ้ามีคนถามบอกว่าฉันเป็นคนฉีกทิ้งเอง! “

 

 

หลี่เฮยทั่นมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างตกใจ จากนั้นก็มองไปที่หนังสือที่ฉีกขาด “ฉัน …เขียนเสร็จแล้ว …”

 

 

[ได้แต้มจากหลี่เฮยทั่น +999!]

 

 

ถ้าเป็นคนอื่น หลี่เฮยทั่นฟันตัวขาดไปแล้วแต่ไม่กล้าทำกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋

 

 

หลี่เฮยทั่นเป็นคนตรงไปตรงมาแต่ไม่โง่ เขารู้ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นคนใกล้ชิดหลี่ว์ซู่ที่สุดแล้วเขายังรู้สึกได้ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีความจริงใจกับเขา

 

 

บางครั้งคนโง่ก็มีลาภของคนโง่ คนที่ซื่อสัตย์ ซื่อตรงมักจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่เข้าไปล่าสัตว์ หลี่เฮยทั่นจะคุ้มครองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างจริงจัง ติดตามไม่ห่าง เป็นเพราะเขาสัมผัสถึงความดีของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้เย็นชาแต่กำเนิด เธอรู้สึกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยการหลอกลวง มีเพียงหลี่ว์ซู่เท่านั้นที่ไว้วางใจได้ ต่อมาเธอก็พบว่ายังมีคนดีอีกมากมายบนโลกนี้

 

 

เธอมองสมุดที่ฉีกขาดนั้นเงียบๆ “…นายอยากจะเขียนมันอีกครั้งไหม”

 

 

[ได้แต้มจากหลี่เฮยทั่น +666!]

 

 

ขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังฝึกกระบี่ เขาเห็นแต้มจากหลี่เฮยทั่นก็คิดในใจว่าตอนที่เขาพาหลี่เสี่ยวอวี๋ไปจากจักรวาลนี้ จะให้ผลชำระกระดูกกับคนอื่นซักเท่าไรก็ได้ หลี่เฮยทั่นคงต้องให้มากหน่อย…

 

 

เธอตะโกนเรียนพวกจางเว่ยอวี่มาที่ถ้ำด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่สถานที่ฝึกกระบี่ของหลี่ว์ซู่ ตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่บนผนังถ้ำ น้ำมันพวกนี้ทำจากน้ำมันสัตว์ ปกติหลี่เฮยทั่นเป็นคนคอยเติมน้ำมัน คนอื่นๆ ห้ามเข้า

 

 

จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่เรียกพวกเขามาทำไม แต่เมื่อพวกเขาเห็นรอยกระบี่จำนวนมากบนกำแพงต่างมีสีกน้าเคร่งขรึมกัน รอยกระบี่พวกนั้นแฝงไว้ด้วยปราณพลังอันเข้มข้น

 

 

เหมือนพอมองนานเข้า รอยพวกนั้นเหมือนจะหลุดออกมาจากกำแพง พุ่งเข้าใส่พวกเขา

 

 

“เลิกมองเถอะ” จางเว่ยอวี่กระซิบ เขาพบว่าตัวเองรู้สึกอึดอัด

 

 

จางเว่ยอวี่และพรรคพวกต่างมีประสบการณ์สูงแต่ถึงประสบการณ์สูงแต่ก็จะประมาทหลี่ว์ซู่ไม่ได้

 

 

รอยกระบี่เกิดจากผู้บำเพ็ญระดับสี่ตัวเล็กๆ กลับสร้างแรงกดดันอย่างมากภายในการมองไม่กี่ครั้ง นั่นแสดงถึงปราณระดับไหน

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นพวกเขาเข้ามาก็เก็บกระบี่และพูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า “บอกสถานการณ์ให้พวกเขาฟังเถอะ ทุกคนจะได้เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกไปข้างนอกเพราะเธอเป็นคนที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในการไปสืบข่าวข้างนอก การไปครั้งนี้เพื่อหาสมุดการบ้านให้หลี่ว์ซู่ อีกเรื่องคือสำรวจสถานการณ์ข้างนอกเพื่อนำมาเป็นข้อมูลการประเมินอย่างแม่นยำ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดด้วยเสียงราบเรียบ “ฉันได้ไปด่านหลีหยางเพราะมันไกลเกินไป ตอนนี้มีทหารประชิดด่านเว่ยเป่ย ทัพเฮยอวี่รวบกำลังอยู่ที่ด่านเว่ยเป่ย เกรงว่าพวกเขาต้องการบุกโจมตี ฉันได้ข่าวว่าจอมทัพสวรรค์ประจิมตวนมู่หวงฉี่เอ่ยปากสัญญา ถ้าทัพเฮยอวี่บุกยึดได้สิบเมือง ก็จะให้เลือกผู้บัญชาการจากภายในมาเป็นเจ้าเมือง”

 

 

เมืองอวิ๋นอาน เมืองหนานเกิงและเมืองกว่างเหลียว ทั้งสามเมืองนี้เปรียบเสมือนสามเหลี่ยมที่คั่นกลางระหว่างด่านเว่ยเป่ยและด่านหลีหยาง ตอนนี้ด่านเว่ยเป่ยกลายเป็นเส่นทางสำคัญที่จะขึ้นเหนือของทัพเฮยอวี่ ถ้าทัพเฮยอวี่หมายจะยึดทั้งสิบเมืองละก็ จะต้องตีด่านเว่ยเป่ยด้วย

 

 

“ว่าอย่างไรบ้าง พวกเราอยู่ที่นี่ปลอดภัยไหม” หลี่ว์ซู่ถาม พวกเขาอยู่ห่างจากด่านเว่ยเป่ยเพียงร้อยกว่าลี้ จึงฟันธงไม่ได้ว่าทัพเฮยอวี่จะมาที่นี่หรือไม่

 

 

เดิมทีตอนที่หลี่ว์ซู่อยู่ที่เมืองเถียนเกิ่ง เขารู้สึกว่าโลกใบนี้เล็กนิดเดียว แต่ต่อมาเขาก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าจากเมืองเถียนเกิ่งไปเมืองหนานตูต้องเดินทางถึงหนึ่งหมื่นสองพันกว่าลี้ เมืองหนานตูตั้งอยู่ใจกลางหนานโจว และถ้าจะไปเมืองหลวงก็ต้องเดินทางต่ออีกหนึ่งหมื่นลี้

 

 

ความยาวรวมจากเหนือ – ใต้ของจีนมีเพียงประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันกว่าลี้ หนานโจวที่เดียวมีขนาดเท่ากับประเทศจีนสองเมือง? เมื่อคำนวณโดยละเอียดเขาก็เพิ่งจะรู้ว่าจักรวาลหลี่ว์ไม่เล็กเลย…

 

 

จางเว่ยอวี่วิเคราะห์ “ตอนนี้ทัพเฮยอวี่ต้องการโจมตีด่านเว่ยเป่ยเต็มกำลัง จึงไม่สนใจพวกเราแน่นอน พวกเราจึงปลอดภัยช่วงขณะ น่าจะปลอดภัยประมาณครึ่งปีหรือหนึ่งปี หากทัพเฮยอวี่คิดจะยึดด่านเว่ยเป่ยลงให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทัพเฮยอวี่มีทหารจำนวนมากเพราะซีโจวมีกองทัพอยู่สองกองทัพและรวมคนทั้งหมดไว้ด้วยกันแล้ว แต่ด่านเว่ยเป่ยตระเตรียมกองกำลังเอาไว้นานแล้ว ด่านจึงมั่นคงดังหินผา”

 

 

ตงเยี่ยส่ายหน้า “แต่จะประมาทไม่ได้ โลกนี้ไม่มีด่านที่ทำลายไม่ได้ ฉันคิดว่าทัพเฮยอวี่บุกด่านเว่ยเป่ยครั้งนี้มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อด่านนี้ถูกยึดได้แล้ว ทัพเฮยอวี่จะต้องทำอย่างแรกคือการคุ้มกันเมืองให้ดีก่อน จากนั้นก็จัดการพื้นที่ที่อยู่ระหว่างด่านหลีหยางและด่านเว่ยเป่ยให้เรียบร้อยก่อน เมื่อจัดการเรื่องตรงนี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาถึงจะวางใจขึ้นเหนือไปต่อ”

 

 

“ดังนั้นเวลาที่เหลือสำหรับพวกเราก็คือประมาณครึ่งปี” หลี่ว์ซู่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น ต้องรีบดำเนินการทุกอย่าง ต้องฝึกทหารอู่เว่ยก่อนที่ทัพเฮยอวี่จะมา ฉันไม่เชื่อว่าทัพเฮยอวี่จะทุ่มกำลังกวาดล้างทั้งเทือกเขานี้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเรามีพลังกล้าแกร่งขึ้นพอจะรับมือ”