ตอนที่ 188-1 เสนออนุภรรยาอีกครั้ง

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

อนุภรรยางั้นหรือ เขากำลังจะเข้าพิธีสมรสแล้ว ฝั่งนางก็หาอนุภรรยามาให้เขา อีกทั้งยังเป็นหลานสาวบ้านฝั่งมารดาของนาง ต้องการหาคนมาอยู่ข้างกายเขาหรือ คิดจริงๆ หรือว่าเขายังเป็นเด็กไม่กี่ขวบที่จะถูกนางทำอะไรก็ได้ผู้นั้น มุมปากของสวีโย่วปรากฎความเหยียดหยาม เดิมเขาคิดจะอยู่ในจวนอย่างสันติ จะทำอย่างไรเมื่อต้นไม้อยากอยู่นิ่งแต่ลมกลับไม่หยุดพัด คนบางคนไม่คู่ควรเขาเองก็ไร้หนทาง

 

 

บางทีความเหยียดหยามในแววตาของสวีโย่วอาจจะชัดเจนเกินไป พระชายาจิ้นอ๋องที่ปั้นหน้ารักใคร่แทบจะแสร้งทำต่อไปไม่ได้แล้ว “สุขภาพของเจ้าแม่เป็นห่วงมาโดยตลอด อี๋ฮุ่ยนิสัยอ่อนโยน มีนางอยู่รับใช้ข้างกายเจ้าแม่ก็วางใจ” นางทำท่าทางว่าข้าล้วนแต่หวังดีกับเจ้า

 

 

ทว่าสวีโย่วกลับไม่แยแส ดวงตาที่สงบนิ่งไร้คลื่นลมก็ยิ่งลุ่มลึก “เดือนหน้าลูกก็จะเข้าพิธีสมรสแล้ว เสด็จแม่รับอนุภรรยาเข้ามา เพราะไม่พอใจต่อการสมรสพระราชทานของจักรพรรดิ หรือว่าเรือนหลังของลูกยังวุ่นวายไม่พอจึงอยากจะสุมไฟเพิ่มหรือ”

 

 

คาดว่าคงใช่ทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวสร้างคุณงามความดีกลับมา อำนาจของจวนจงอู่โหวก็ยิ่งสูงขึ้นอีกขั้น พระชายาไม่ยอมให้ตนมีตระกูลของภรรยาที่มีอำนาจเพียงนี้ นางอยากจะให้ตนแต่งงานกับตระกูลตกต่ำจึงจะดีกว่า

 

 

ได้ยินสวีโย่วถามกลับตรงๆ เช่นนี้ อย่าว่าแต่พระชายาจิ้นอ๋อง แม้แต่จิ้นอ๋องบิดาเขายังขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “โย่วเกอเอ๋อร์อย่าพูดจาเหลวไหล เสด็จแม่ของเจ้ามีเจตนาดี อี๋ฮุ่ยเด็กคนนั้นพ่อก็เคยเห็นแล้ว เป็นคนดี เสด็จแม่เจ้าหวังดีต่อเจ้าทั้งนั้น เจ้าไม่รู้จักขอบคุณซ้ำยังตั้งข้อสงสัย หมายความว่าอย่างไรกัน” ลูกชายคนโตคนนี้อายุยี่สิบกว่าปีแล้วยังพูดจายุแหย่คนเช่นนี้อีก

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตีหน้าเสียใจขึ้นมาทันเวลา

 

 

ดีหรือ เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูเรือนชายอื่น จะเป็นสตรีที่ดีอะไรได้ ตาบอดใช้ได้แล้วจริงๆ หากเป็นคนดี น้องสี่ของเขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน เหตุใดพระชายาถึงไม่แต่งนางเป็นภรรยาเอกของน้องสี่เล่า

 

 

สีหน้าสวีโย่วเย็นชายิ่งขึ้น ขอบคุณหรือ หากเขาต้องขอบคุณยอมตายเสียยังดีกว่า

 

 

“หากหวังดีต่อลูกจริงๆ เหตุใดถึงไม่ทำให้เร็วกว่านี้ ปีนี้ลูกอายุยี่สิบสองแล้ว ตอนที่ลูกอายุสิบสี่สิบห้าเหตุใดพระชายาถึงไม่สรรหาคนเอาใจมาคอยรับใช้บ้างเล่า คงกลัวว่าลูกมีทายาทแล้วจวนจิ้นอ๋องนี้จะตกไม่ถึงมือน้องรองใช่หรือไม่” ดวงตาสวีโย่วปรากฎสายตาที่เข้าใจ เสมือนมองไม่เห็นความตกใจและอึดอัดที่แวบผ่านใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋อง พูดต่อ “รักบุตรชายแท้ของตนมากกว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา ลูกเองก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่หรือ ไม่เพียงแต่ไม่ถกเถียง ซ้ำยังมอบตำแหน่งซื่อจื่อจวนจิ้นอ๋องให้น้องรองด้วยตัวเอง พระชายาอย่าอ้างว่าลูกสุขภาพไม่ดี ต่อให้ลูกนอนอยู่บนเตียงเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ขอเพียงแค่ลูกไม่ยอมยื่นสาส์นกราบทูลปฏิเสธด้วยตัวเอง ตำแหน่งซื่อจื่อจวนจิ้นอ๋องนี้ก็จะต้องเป็นของลูกอยู่ดี”

 

 

เสด็จพ่อชักช้าไม่ยอมยื่นสาส์นกราบทูลขอพระราชทานตำแหน่งซื่อจื่อให้เขา เสด็จลุงก็โมโหแล้ว เตรียมออกพระราชโองการลงมาโดยตรง แต่ถูกเขาขัดไว้ ตอนนั้นเขาไม่อยากได้ตำแหน่งซื่อจื่อนี้จริงๆ กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าในจวนนี้เขาก็ไม่อยากได้

 

 

บนใบหน้าของสวีโย่วปรากฎรอยยิ้มบางๆ แต่ในสายตาของพระชายาจิ้นอ๋องกลับบาดตาเพียงนั้น นางสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งคราเงียบๆ เค้นรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา กล่าวด้วยความเสียใจ “ดูคุณชายใหญ่พูดเข้า เจ้ากับพวกเยี่ยเกอเอ๋อร์ก็เป็นลูกแม่เหมือนกัน แม่จะไม่รักเจ้าได้อย่างไร เพียงแค่เจ้ารักษาตัวอยู่บนเขามาโดยตลอด แม่อยากดูแลเจ้าให้มากกว่านี้ก็ไม่ได้ พวกเจ้าต่างก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ตำแหน่งซื่อจื่อนี้มอบให้ใครก็เหมือนกันหมดมิใช่หรือ เจ้าลูกคนนี้ หากวันนี้เจ้าไม่พูด แม่ก็ยังไม่รู้ว่าในใจเจ้าไม่พอใจมากเพียงนี้ ซ้ำยังไม่พอใจที่แม่ละเลยเจ้า ขอเพียงคุณชายใหญ่สวีมีความสุข แม่ก็จะไปบอกเยี่ยเกอเอ๋อร์ ให้เขาคืนตำแหน่งซื่อจื่อให้เจ้าเสีย”

 

 

“เหลวไหล จะคืนอย่างไร เป็นลูกข้าทั้งหมด ข้าอยากให้ใครก็ให้คนนั้น” สายตาที่จิ้นอ๋องมองลูกชายคนโตไม่พอใจขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่ที่กลับจวนมาก็ไม่ได้อยู่เป็นสุข ไม่สู้อยู่ข้างนอกตลอดกาลไม่ต้องกลับมาอีกเลยจึงจะดี

 

 

สวีโย่วไม่สนใจคำพูดของพ่อเขา แต่กลับมองพระชายาจิ้นอ๋องด้วยความน่ากลัวยิ่งขึ้น หญิงผู้นี้ใช้ได้จริงๆ รู้ดีว่าตำแหน่งซื่อจื่อของน้องรองไม่อาจแตะต้องได้ แต่กลับยังพูดว่าจะคืนให้เขา ในเมื่อมีความคิดว่าจะคืน แล้วเหตุใดหลายปีก่อนหน้านี้ถึงรับไว้ล่า

 

 

“แล้วอย่างไร” เสียงของสวีโย่วเย็นเยียบราวกับเกล็ดน้ำแข็ง “ตำแหน่งซื่อจื่อจวนจิ้นอ๋องสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับของเด็กเล่นได้ด้วยหรือ เสด็จแม่จะให้คนนอกมองลูกอย่างไร ตระบัดสัตย์งั้นหรือ ไม่รักพี่น้องงั้นหรือ นี่คงเป็นเป้าหมายของพระชายาสินะ เสด็จแม่ล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ ลูกเป็นจวิ้นอ๋องแล้ว ไม่ต้องการตำแหน่งซื่อจื่อนี้อีกแล้ว เกรงว่าพระชายาก็รู้อยู่แก่ใจจึงกล้าเสนอขึ้นมาเช่นนี้สินะ”

 

 

“คุณชายใหญ่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” พระชายาจิ้นอ๋องเห็นจิ้นอ๋องมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกันจึงลนลานอย่างอดไม่ได้ นางจะมีเจตนานี้หรือไม่ไม่สำคัญ นางเองก็ไม่กลัวว่าจะถูกลูกหลานสังเกตเห็นเจตนาที่ไม่ดีของนาง แต่นางไม่อาจปล่อยให้จิ้นอ๋องรู้ความคิดแท้จริงที่อยู่ในใจนางได้ หลายปีมานี้นางกุมอำนาจใหญ่ในเรือนด้านในจวนจิ้นอ๋องมาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะว่าจิ้นอ๋องไว้ใจนางหรือไร

 

 

“คุณชายใหญ่เจ้าเข้าใจแม่ผิดแล้วจริงๆ หากจวนจิ้นอ๋องของพวกเรามีข่าวลือไม่ดีว่าพี่น้องแก่งแย่งชิงดีกันออกไป แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เจ้าพูดเช่นนี้ไม่เหมือนเอามีดมาแทงอกแม่หรือ” พระชายาจิ้นอ๋องพูดไปพลาง น้ำตานั่นก็ไหลรินออกมาราวกับเปิดน้ำ

 

 

จิ้นอ๋องเห็นพระชายาร้องไห้อย่างเศร้าใจ ทั้งยังคิดถึงคำพูดของนางอย่างละเอียด รู้สึกว่าพระชายาไม่ใช่คนแบบนั้นจึงกล่าวกับลูกชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตั้งแต่เล็กเจ้าก็มีนิสัยแปลกๆ เห็นๆ อยู่ว่าแม่เจ้ามีเจตนาดี แต่ดันถูกเจ้าคิดว่าเป็นเจตนาร้าย มองข้ามความหวังดีผู้อื่น”

 

 

เบื้องลึกในจิตใจของสวีโย่วไม่มีแม้แต่ความโกรธเพียงน้อยนิด คำพูดเช่นนี้เขาได้ยินมาเยอะแล้ว คนที่ถูกเขาเรียกว่าเสด็จพ่อผู้นี้เขาเลิกคาดหวังมานานแล้ว

 

 

“จะคิดว่าลูกมองข้ามความหวังดีก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียอนุภรรยาผู้นี้ลูกก็ไม่ต้องการ ลูกจำได้ว่าพิธีสมรสน้องรองน้องสามก่อนหน้านี้ไม่มีอนุภรรยาอะไร ไม่เพียงแต่ไม่มี บ่าวหลายคนที่รับใช้ในเรือนยังถูกไล่ออกไปทั้งหมด ไม่ใช่กลัวว่าเจ้าสาวเข้าบ้านมาแล้วสามีภรรยาจะเกิดความบาดหมางกันหรอกหรือ เหตุใดพอถึงตาลูกแล้วจึงกลับกันเล่า นี่เท่ากันว่าเป็นการไม่ให้เกียรติคุณหนูสี่จวนจงอู่โหว ซ้ำยังหวังให้ความสัมพันธ์สามีภรรยาของลูกสั่นคลอนด้วยงั้นหรือ” สวีโย่ววกกลับมาเรื่องหลักทันที เขาไม่อ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว หากเขากล้าแต่งอนุภรรยาคนนี้ ต่อให้จะไม่แตะตัว น้องสี่แซ่เสิ่นเด็กน้อยที่นิสัยดุดันผู้นั้นก็คงจะก่อเรื่องอะไรอีกเป็นแน่

 

 

“ลูกไม่ขอให้พระชายาดูแลลูกเป็นพิเศษ ขอเพียงเบื้องหน้าปฏิบัติเหมือนกันกับน้องรองน้องสามน้องสี่ได้ก็พอแล้ว” สวีโย่วประสานมือจากนั้นก็ถอยออกไป

 

 

ออกจากเรือนพระชายาจิ้นอ๋องแล้วเขาก็ถอนหายใจหนึ่งครา นึกภาพน้องสี่แซ่เสิ่นแต่งเข้ามาแล้วต้องเจอเรื่องกวนใจเช่นนี้ ในใจเขาก็รู้สึกเจ็บปวด เด็กน้อยของเขาเป็นเหยี่ยวที่โบยบินอยู่บนฟากฟ้า แต่เขากลับลากนางเข้ามาในกรงเช่นนี้ โชคดีที่จวนจวิ้นอ๋องกำลังซ่อมแซมแล้ว ปรับสร้างตามโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมของสวนชิงหยวนเล็กน้อยก็ได้แล้ว ลดปัญหากว่าการสร้างจวนบนที่ดินเปล่าไปได้มาก พวกเขาเพียงแค่ต้องอยู่ในจวนจิ้นอ๋องช่วงหนึ่งก็สามารถย้ายไปได้แล้ว หากต้องอยู่ระยะยาว เขายังเป็นห่วงจริงๆ ว่าเด็กน้อยอาจจะพังจวนจิ้นอ๋องทิ้ง

 

 

สวีโย่วถอนหายใจในใจอีกครั้ง เจ้าว่าจะไปหาลูกหลานที่รอบคอบใส่ใจเช่นเขาได้อีกที่ไหน เขาเองก็คิดแทนพวกนางไม่ใช่หรือ อีกทั้งยังคิดคำนวณแทนน้องสี่แซ่นเสิ่น คนหนึ่งกลุ่มมัดรวมกันยังไม่เท่าน้องสี่แซ่เสิ่นจัดการคนเดียว หากเขาไม่ได้กลัวว่าเด็กน้อยของเขาจะเผยด้านดุร้ายเร็วเกินไป เขาก็ขี้เกียจจะยุ่งเหมือนกัน

 

 

แต่เหตุใดเบื้องลึกในใจเขาถึงแอบหวังว่าน้องสี่แซ่นเสิ่นจะเปิดฉากฆ่าทั่วสารทิศในจวนจิ้นอ๋องเล่า หึ

 

 

จะต้องเป็นเพราะอยู่ใกล้ใครก็ติดนิสัยคนนั้น แม้แต่คุณชายสูงส่งบริสุทธิ์เช่นเขายังถูกน้องสี่แซ่เสิ่นเด็กคนนั้นทำเสียคนแล้ว

 

 

“คุณชาย เรื่องนี้จะบอกคุณหนูสี่หรือไม่” เจียงไป๋ถามเสียงเบา ในใจเขาคิดเช่นนี้ บอกคุณหนูสี่ให้นางเตรียมตัวในใจ จะได้เห็นธาตุแท้พระชายาเร็วที่สุด เมื่อแต่งเข้ามาแล้วจะได้ไม่ถูกคำพูดสวยหรูของพระชายาลวงหลอก สองคือให้คุณหนูสี่เห็นว่าคุณชายยอมที่จะผิดใจท่านอ๋องกับพระชายาเพื่อนาง นี่เป็นจิตใจที่สูงส่งหาได้ยากเพียงใด

 

 

สวีโย่วไม่แม้แต่จะคิดก็ปฏิเสธแล้ว “ไม่ต้อง เรื่องนี้หยุดไว้เท่านี้ นอกจากเรือนเราก็อย่าให้มีข่าวลือรั่วหลุดออกไป” หากเด็กน้อยรู้เข้า คาดว่านางไม่เพียงแต่จะไม่ซาบซึ้ง แต่ยังรู้สึกยุ่งยาก นี่ก็ใกล้จะถึงวันสมรสแล้ว เขาไม่อยากให้เด็กน้อยเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นอีก