ตอนที่ 2564 บ้า และการเริ่มเคลื่อนไหวของกองอัศวิน

นี่เขาวางแผนจะเริ่มสงครามกับโลกแห่งความมืดทั้งหมดจริงๆงั้นหรอ ? แม้แต่ฟิวเรียสฮาร์ที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการทำลายล้างสภาสิบแปดปีกและซือเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะสับสนกับการกระทำของนักดาบ เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินที่นักดาบพูดเมื่อครู่ผิดรึปล่าว ?

แทนที่จะยอมถอยเพื่อผลลัพธ์ที่สงบ แต่ซือเฟิงกับยังคงยืนยันว่าเขาจะต่อสู้เพื่อควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด และแม้ว่าจะรวมกลุ่มกัน แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าจะทำแบบนี้เลย ในความเป็นจริง การทำอะไรแบบนี้ไม่อยู่ในความคิดของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ

ประตูเทเลพอร์ตนั้นเป็นเส้นชีวิตของผู้เล่นจากโลกอื่น และหากมีกิลจากโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกของตัวเองเข้าควบคุมประตู ผู้อยู่อาศัยในโลกแห่งความมืดทั้งหมดก็จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิลๆนั้น ซึ่งเหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นจะไม่ยอมให้เกิดผลเช่นนั้นแน่นอน พวกเขาจะต่อสู้กับใครก็ตามที่ขู่ว่าจะควบคุมประตูเทเลพอร์ตแบบตายกันไปข้างหนึ่ง

นี่คือเหตุผลที่ทั้งหัวใจปีศาจและมหาอำนาจต่างๆไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ เพราะหากพวกเขาพยายาม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะล้มเหลว แต่มันยังจะเป็นการโยนชีวิตของตัวเองทิ้งด้วย หากพยายามจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ต

แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นแค่ตัวเลือกเท่านั้น เขาตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำมันจริงๆ ….

เมื่อซือเฟิงพูดจบ เหล่าผู้เล่นสายความมืดก็เริ่มปะทุขึ้นด้วยความโกลาหล ….

“นี่แบล๊คเฟรมบ้าไปแล้วงั้นหรอ ? เขาพยายามจะควบคุมเส้นชีวิตของโลกเรา !!”

“เรายอมแพ้ไปมากแล้ว ด้วยการยอมแพ้ในเมืองป่าหิน แต่แบล๊คเฟรมกับต้องการเพิ่มอีก หลังจากเรายอมแล้วแบบนี้ !!! นี่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าโจมตีสภาสิบแปดปีกจริงๆงั้นหรอ ?”

ความกลัวที่มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืด รวมทั้งผู้เล่นอิสระเคยรู้สึกเมื่อครู่นั้นหายไป ตอนนี้มีเพียงความโกรธเท่านั้นที่ฉายอยู่ในดวงตาของพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดตอนนี้ก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแสดงให้ซือเฟิงเห็นถึงผลที่ตามมาของการต้องการบางอย่างมากเกินไป ….

ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นเริ่มเข้าใกล้หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ตัดสินใจจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่ตอนนี้พวกเขานั้นเปลี่ยนใจแล้ว และอยากจะสอนบทเรียนให้กับนักดาบแทน

เจ็ดพัน… เก้าพัน… หนึ่งหมื่น…

ภายในเวลาไม่ถึงนาที ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสองหมื่นคนก็ได้เข้าล้อมซือเฟิง และพวกเขาทุกคนก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ และพวกเขาก็แผ่เจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นออกมาด้วย

“นี่หัวหน้ากิลไม่ได้พูดจริงใช่ไหม ?”อีฟเวนนิ่งโลตัส ถามบลูฟอร์สอย่างเป็นห่วง ขณะที่เธอเฝ้าดูผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขึ้นมารวมกันรอบๆตัวพวกเขา

ด้วยความแข็งแกร่งของอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีกบวกกับเรือเหาะมังกรสีเลือดห้าลำนั้น พวกเขาน่าจะสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้แบบสบายๆสูงสุดหนึ่งหมื่นคนต่อครั้ง เพราะหากเกินไปกว่านั้นมันจะมีปัจจัยความเสี่ยงหลายสิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของโลกแห่งความมืดทั้งหมดในคราวเดียว พวกเขาก็จะจบสิ้นแน่นอน เนื่องจากที่นี่พวกเขาไม่ได้รับการปกป้องจากเมืองป่าหิน

ยิ่งไปกว่านั้น NPC ก็ยังจัดว่ามีปัญหาในการฟื้นคืนชีพมากกว่าผู้เล่น และโดยปกติมหาอำนาจต่างๆจะใช้ NPC ของพวกเขาเพื่อเป็นตัวยับยั้งเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการส่งเข้าสู่สนามรบ เว้นแต่ว่าจะจำเป็นจริงๆ

“นี่คุณเอาจริงงั้นหรอ ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ..” ดอร์นโดมิแน้นซ์ถามหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา แม้ว่าเขาจะสามารถเพิกเฉยต่อเมืองป่าหินได้ แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำประกาศของซือเฟิงได้ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกิลเขา

“แน่นอน !!!” ซือเฟิงตอบอย่างมั่นใจ

ตอนแรกเขาไม่เคยคิดจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดมาก่อนเลย แต่อย่างไรก็ตามเวลาได้เปลี่ยนไป โดยเขาสามารถพัฒนากองอัศวินได้เร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก และตอนนี้มันก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด

ซือเฟิงจะไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ได้เลย หากประตูเทเลพอร์ตถูกเปิดที่อื่น แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันเปิดขึ้นในป่าใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองอัศวินของเขา ดังนั้นเขาจะโง่มาก หากไม่ยอมใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้

เนื่องจากธรรมชาติของโลกแห่งความมืด ทั้งมหาอำนาจและผู้เล่นอิสระจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการสร้างตัวเองขึ้นในโลกนี้ และแม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังแทบจะรับประกันความสำเร็จของตัวเองไม่ได้

แต่ถึงกระนั้นก็เป็นโชคดีที่โลกแห่งความมืดนั้นได้นำเสนอทรัพยากรพิเศษจำนวนมากเป็นการแลกเปลี่ยน และด้วยเหตุนี้มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อจะได้เป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืด อย่างไรก็ตามแม้หลังจากจ่ายไปเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว มหาอำนาจเหล่านั้นก็ได้รับทรัพยากรเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้ในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์

ดังนั้นถ้าเขาปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไป เขาก็คงจะไม่มีสิทได้รับมันอีก

“ดี !! ดูเหมือนว่าคุณจะพยายามทำให้โลกแห่งความมืดทั้งโลกเป็นศัตรูของคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!!”ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดด้วยรอยยิ้ม “เนื่องจากเป็นแบบนี้ก็แสดงให้เห็นหน่อยว่าคุณจะใช้การเคลื่อนไหวไหนที่คุณมั่นใจเพื่อหยุดพวกเรา !!”

ดอร์นโดมิแน้นซ์นั้นรู้สึกปวดหัวอย่างมากในตอนแรกที่ต้องยอมแพ้ในเรื่องเมืองป่าหิน เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนนั้นไม่เพียงพอจะต่อกรกับพลังต่อสู้ที่สภาสิบแปดปีกมีในปัจจุบัน เขาต้องการความแข็งแกร่งทั้งหมดของโลกแห่งความมืด

อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วการโน้มน้าวให้มหาอำนาจร่างๆในโลกของเขา รวมไปถึงพวกผู้เล่นอิสระอุทิศตนให้กับภารกิจฆ่าตัวตายนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่โชคดีที่ซือเฟิงนั้นพึ่งจะเปิดโอกาสให้เขาทำแบบนั้นโดยใช้ชิปอนาคตของโลกแห่งความมืด !!!

นี่มันเป็นเหตุผลที่มากเกินไปที่จะทำให้มวลชนของโลกแห่งความมืดรวมพลังกัน ตอนนี้แม้ว่ากองกำลังของซือเฟิงจะถอยกลับไปยังเมืองป่าหิน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งการรุกรานจากกองทัพของโลกแห่งความมืดได้อีกต่อไป
“ทำไมคุณยังมามัวเสียเวลากับเขาอยู่อีกล่ะ หัวหน้ากิลดอร์น ?!”

“ใช่แล้ว !!! เขามี NPC ขั้นสามอยู่ด้วยมากกว่าหนึ่งพันคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าเราจะตายและสูญเสียเลเวล แต่เราก็จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างรวดเร็ว และเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกครั้ง !! มาดูกันว่าแบล๊คเฟรมจะยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองได้อยู่ไหม เมื่อเรากำจัด NPC ของเขาไปแล้ว !!!”

ผู้เชี่ยวชาญจากมหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอิสระต่างเร่งพุ่งเข้าใส่กลุ่มของซือเฟิง ในขณะที่ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ

ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสองหมื่นคน และผู้เล่นขั้นสองอีกหลายแสนคนต่างก้าวเท้าไปข้างหน้า และทุกย่างก้าวของพวกเขานั้นมันก็ทำให้ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนได้เลย

แม้จะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย แต่สมาชิกของกองกำลังนรกก็เริ่มเต็มไปด้วยความกังวลใจ เมื่อเฝ้าดูกองทัพขนาดใหญ่นี้กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา การต่อสู้ครั้งนี้นั้นมันน่ากลัวกว่าการต่อสู้ครั้งใดที่พวกเขาเคยเข้าร่วมมาเลย

แม้ว่ากองทัพของโลกแห่งความมืดจะยังไม่มีใครใช้ไพ่ลับของตัวเอง แต่กองทัพที่บุกเข้ามานี้มันก็มากพอที่จะสามารถใช้ข่มขู่มหาอำนาจต่างๆของ God domain ในทวีปหลักได้ทุกกลุ่ม

ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นสายความมืดบางคนยังใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ป้องกันขั้นสาม เพื่อรับมือกับการโจมตีขั้นสี่ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ก็จำกัดประสิทธิภาพของเรือเหาะลงไปอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้

“ฮ่าๆๆ !!! ตาย !! คุณมี NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนพร้อมกับเรือเหาะห้าลำแล้วยังไงล่ะ ?! ไม่มีใครสามารถจะต่อกรกองทัพมากขนาดนี้ได้แน่นอนในหุบเขาที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่นี้ !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูผู้เล่นสายความมืดรุมเข้าหาซือเฟิง

ผู้เล่นสายความมืดทุกคนที่เข้าร่วมในกองทัพนี้นั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ และพวกเขาก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับการต่อสู้ขนาดใหญ่มากๆ และรู้วิธีลดความเสียหายจากการโจมตีแบบ AOE ของศัตรูเป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้นกองกำลังของสภาสิบแปดปีกก็ยังไม่ได้มีวงเวทย์ป้องกันซ่อนอยู่ด้านหลัง และเมื่อกองกำลังของสภาสิบแปดปีกกับกองทัพของโลกแห่งความมืดเข้าตะลุมบอนกัน พวกเรือเหาะมังกรสีเลือด และสกิล AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่นั้นก็แทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับไม่ได้ระดมเรือเหาะของเขาเข้ามา หรือสั่งให้ NPC นักเวทย์ขั้นสามของเขาร่ายเวทย์สกิล AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่อย่างที่ทุกคนคาดไว้ เขาเพียงแค่เฝ้าดูผู้เล่นสายความมืดพุ่งเข้ามาหาเขาและคนของเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น

“นี่พวกเขาลืมวิธีการโจมตี หรือกลัวจนโง่ไปหมดแล้ว ?”

“พวกเขาจะต้องไม่คิดแน่นอนว่าจะมีการต่อสู้ที่แท้จริงเกิดขึ้น !!! แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ !!!”

ผู้เล่นสายความมืดนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเห็นกองกำลังของสภาสิบแปดปีกยังคงไม่เคลื่อนไหว แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดพวกเขาในการย่นระยะเข้าหากองกำลังของสภาสิบแปดปีกใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งร้อยหลา … ห้าสิบหลา … สามสิบหลา …

“พวกโง่ !!” เมื่อเหลือระยะน้อยกว่าสามสิบหลาระหว่างกัน ซือเฟิงก็ชักดาบออกมา และชี้ดาบของเขาไปยังผู้เล่นสายความมืดด้านหน้าเขา พลางตะโกนว่า “โจมตี !!”

ทันใดนั้นออร์คที่สูงตระหง่านกว่าหนึ่งร้อยตนก็ก้าวออกมา โดยออร์คเหล่านี้นั้นล้วนสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคทั้งหมด และพวกเขาก็ได้ทำการระเบิดแนวหน้าของศัตรูในพริบตา พวกออร์คนั้นใช้ทั้งดาบและขวานของพวกเขาตัดผ่านแท๊งเกอร์ขั้นสามของศัตรูด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ

ซึ่งในทันทีที่อาวุธของพวกออร์คกระแทกเข้ากับโล่ของแท๊งเกอร์ขั้นสาม ผู้เล่นทุกคนที่โดนโจมตีก็ปลิวกระเด็นไปราวกับมีก้อนหินขนาดยักษ์กระแทกเข้าใส่พวกเขา ….

จากระยะไกลมันดูเหมือนว่ากองทัพของโลกแห่งความมืดได้ชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถจะผ่านไปได้ และไม่เพียงแต่การรุกคืบของกองทัพจะจบลงด้วยการหยุดชะงัก แต่ร่างบางร่างก็ปลิวกระเด็นกลับไปด้านหลังของกองทัพเช่นกัน

อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้เล่นเหล่านี้จะทันได้ปลิวกระเด็นมากระแทกลงกับพื้น วงเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นด้านบน และโจมตีเข้าใส่พวกเขาอีกชุดหนึ่ง โดยเหล่านักเวทย์นั้นแสดงพลังและการควบคุมเวทย์ของพวกเขาออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และทุกการโจมตีนี้ล้วนทรงพลังเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบ

และแม้จะมีเวทย์มนต์ป้องกันมากมาย แต่ผู้เล่นที่ตกเป็นเป้าหมายก็สูญเสีย HP ทั้งหมดไปในเวลาไม่นาน ผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนนั้นตายลงไปทันที ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที โดยไม่เหลืออะไรไว้เลยนอกจากช่องว่างท่ามกลางกองทัพผู้เล่นสายความมืด โดนที่ผู้เล่นสายความมืดซึ่งเป็นชาวโลกแห่งความมืดนั้นไม่ได้มีเวลาจะตอบโต้เลยด้วยซ้ำ ….