ตนเองเป็นศิษย์โดยตรงของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดากลับไม่ได้รับความสนใจจากหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน สตรีผู้นี้มีคุณสมบัติอะไรกัน ?

แต่เมื่อเขาสังเกตมันอย่างจริงจัง เขาก็ได้เห็นถึงทักษะการปรุงยาที่งดงามนั่น ใบหน้าของหญิงสาวชุดม่วงถูกเคลือบไปด้วยแสงที่ทําให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้ในขณะที่นางกําลังหลอมยาด้วยพลังที่ลึกลับ

ช่างสมบูรณ์แบบ!

อวี้เหลียนชิงได้สติกลับมา “วิธีการงดงามจะมีประโยชน์อะไร! มันเป็นเพียงความงามภายนอกเท่านั้น สิ่งที่สําคัญคือการปรุงเม็ดยาออกมา!”

ปัง! มู่เฉียนซีทำเตาระเบิดอีกครั้งแล้ว

มุมปากของอวี้เหลียนชิงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในที่สุดก็เป็นอย่างที่ใจคิด เพียงแค่สวยแต่รูปเท่านั้น

ไม่ว่าจะล้มเหลวกี่ครั้ง มู่เฉียนซีก็ยังคงสงบดั่งสายน้ำ เพราะนางได้ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อศึกษาสูตรเม็ดยาจินหยางสูตรใหม่นี้

การที่จะสกัดกลั่นยาที่ดีกว่ายาเม็ดจินหยางและประสิทธิภาพยาออกมาเหมือนกันได้นั้นไม่ยาก แต่นี่ก็ไม่นับว่าผ่านด่าน

ปัง ปัง ปัง!

ความเร็วของมู่เฉียนซีในการทดสอบแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงล้มเหลว

ดอกบัวทองใช้ไม่ได้ มู่เฉียนซีเริ่มลดส่วนประกอบเดิมลง

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “สถานการณ์เช่นนี้ยังลดสมุนไพรวิญญาณเดิมลงอีก นางจะทําอะไรกันแน่ ?”

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังคงมีบางคนที่สกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางออกมาได้สําเร็จ และเดินลงมาจากลานประลอง

บางคนก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นเดียวกับมู่เฉียนซี แต่ความล้มเหลวของพวกเขาไม่มีเตาระเบิด เพียงแค่พลังจิตของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนพวกเขาในการปรุงเม็ดยาระดับแปด ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงยืนอย่างเศร้าโศก

แท่นปรุงยาที่คนสามพันคนร่วมปรุงยาด้วยกัน ตอนนี้เหลือเพียงแค่หลายสิบคน และมู่เฉียนซีก็เป็นหนึ่งในนั้น

“เดี๋ยวก่อน!” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินพลันตระหนักได้ถึงเรื่องที่น่ากลัว

“สาวน้อยผู้นี้ใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วยามในการปรุงยาไปแล้วกว่ายี่สิบรอบ แม้ว่าจะยังไม่สําเร็จ แต่นางจะต้องสูญเสียพลังจิตไปเป็นจํานวนมาก แต่พลังจิตของนางกลับยังใช้ไม่หมด”

เพราะติดตามมานานจนมองข้ามเรื่องนี้ไป ตอนนี้พอมาคิด ๆ ดูแล้วรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก

อวี้เหลียนชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้!

การปรุงยามากกว่ายี่สิบรอบติดต่อกัน แม้ว่ายาที่ทำจะไม่สําเร็จ แต่หากเป็นเขาก็ยากที่จะทำได้

แต่สตรีผู้นี้กลับทำได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!

ทักษะการปรุงยาของนางนั้นคล่องแคล่วและพลังจิตของนางก็แข็งแกร่งมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวน้อยผู้นี้จะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินรู้สึกเสียดายมาก เขาเดินไปหาอาจารย์ใหญ่หวงฝู่และกล่าวขึ้นว่า “อาจารย์ใหญ่หวงฝู่!”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินได้มาหาพวกเขาด้วยตัวเอง ซึ่งทําให้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน!”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “มู่เฉียนซีจากสํานักศึกษาซวนเสียของพวกเจ้าเป็นต้นกล้าชั้นดี ต้องโทษข้าที่ตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมาทําให้เป็นปัญหาต่อสาวน้อยนั่น”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเป็นฝ่ายเริ่มขอโทษเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทําให้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวขึ้น “นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน แต่เป็นเพราะสํานักศึกษาซวนเสียของเราไม่ได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ”

“สาวน้อยนั่นอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีกระมัง! การคัดเลือกในรอบต่อไป ข้าจะมอบสิทธิ์ให้กับสํานักซวนเสียสามสิทธิ์” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว

ในทุก ๆ ครั้งสำนักศึกษาของพวกเขาจะได้รับสิทธิ์หนึ่งสิทธิ์ แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับสามสิทธิ์ นี่ทําให้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่เห็นถึงความจริงใจของหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “สาวน้อยผู้นั้นอายุพึ่งจะแค่สิบหกปีเท่านั้น นางยังมีคุณสมบัติเข้าร่วมการประลองในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน”

ครั้งหน้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็เป็นไปได้ที่นางจะเอาชนะทุกคนได้ในพริบตา

“แค่สิบหกปีเท่านั้น พรสวรรค์ของสาวน้อยผู้นี้ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ!” ใบหน้าของหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

อวี้เหลียนชิงได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ในครั้งหน้าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้คัดเลือกจากหุบเขาโอสถแล้ว แต่สตรีผู้นี้กลับทำได้

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินจงใจใช้เส้นสายเพิ่มอีกสองสิทธิ์ให้กับสํานักเล็ก ๆ อย่างสำนักซวนเสียเพื่อนาง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่พอคิดถึงว่าสตรีผู้นั้นจะต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้ อวี้เหลียนชิงก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

เหลือเวลาอีกเพียงสิบห้านาทีแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ทำเตาระเบิดอีกครั้ง ในสมองของนางรีบสะสางประสบการณ์ที่ล้มเหลวหลายสิบครั้งนี้และหยิบยาออกมาชุดหนึ่ง

เดิมหญ้าใบทองในสูตรยาถูกแทนด้วยดอกบัวทอง จํานวนของดอกบัวทองมีไม่มากนัก จึงใช้เพียงครึ่งเดียวของกลีบดอก

มู่เฉียนซีลดสมุนไพรวิญญาณลงสองชนิด หลังจากนั้นก็เพิ่มหญ้าปิงหลิงเข้าไป

การปรุงเช่นนี้ทําให้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินและคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจ

“มีเวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้น ต่อให้การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะสําเร็จ ก็ไม่ทันเวลาอยู่ดี!” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินถอนหายใจ

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่และผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “ครั้งนี้ ต้องประสบความสําเร็จอย่างแน่นอน!”

พวกเขาเคยเห็นการกลั่นยาโดยใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย

เมื่ออวี้เหลียนชิงเห็นท่าทางไม่ยอมแพ้เช่นนี้ของพวกเขา มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา เขาจะรอดูสตรีผู้นี้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดออกมาและโยนมันลงไปในหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวว่า “การสกัดด้วยกัน มันยากเกินไป!”

แต่ผลลัพธ์กลับสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินตกตะลึง อวี้เหลียนชิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน มันต้องใช้การควบคุมที่สมบูรณ์แบบขนาดไหนกันถึงจะสามารถทําเช่นนี้ได้ และเขาเองก็ความสามารถไม่ถึง

เขามีความรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะนางไม่มีหญ้าใบทอง สตรีผู้นี้คงจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้

ตุ๊งตุ๊ง! ในตอนนั้นเอง เสียงระฆังของหอโอสถก็ดังขึ้น

หัวหน้าเวินเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “หมดเวลาแล้ว!”

เงาร่างสีม่วงลงสู่เสาหยกราวกับสายฟ้าฟาดแล้ววางเม็ดยาสีทองเม็ดหนึ่งลงในเสาหยกนั่น

ทุกคนตะลึงงัน “นางหลอมสําเร็จแล้วหรือ ?”

“สกัดกลั่นเม็ดยาออกมาได้ในนาทีสุดท้าย”

“แม้ว่านางจะปรุงยาออกมาได้หนึ่งเม็ด แต่นั่นก็ไม่ใช่เม็ดยาจินหยางที่หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินต้องการ ก็ถือว่าไม่ผ่านอยู่ดี!”

“ใช่! ขาดหญ้าใบทองไปแล้วจะปรุงยาจินหยางออกมาได้อย่างไร”

ไม่เพียงแค่ผู้เข้าประลองเหล่านี้เท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แม้แต่หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเองก็คิดเช่นเดียวกัน

ทุกคนเดินลงจากแท่นหลอมยา และอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็กล่าวขึ้นว่า “สาวน้อยซี เจ้าทํางานหนักมาก แล้วมันไม่สําคัญว่าเจ้าจะล้มเหลวในครั้งนี้ อย่างมากก็เข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถครั้งต่อไปได้ อย่างไรเสียเจ้าก็ยังเด็กมาก”

จ้าวซือเดินเข้ามาและกล่าวว่า “ต้องบอกเลยว่านักศึกษาผู้นี้ของเจ้าช่างเด็ดเดี่ยวจริง ๆ! ทั้งที่มีสมุนไพรวิญญาณไม่ครบแต่ก็ยังสามารถดิ้นรนอยู่ในแท่นกลั่นยาได้นานขนาดนั้น แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ และต้องล้มเหลวอยู่ดี!”

เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าอย่างไร ความมุ่งมั่นของเจ้าก็ทําให้ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก ครั้งหน้าสู้ ๆ ล่ะ! น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถประลองกับเจ้าได้” ปีนี้นางอายุยี่สิบสามปี ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถอีกต่อไปแล้ว

อวี้เหลียนชิงกล่าว “แม่นางมู่ ความแข็งแกร่งของเจ้ามันคุ้มค่าอย่างแน่นอน การคัดเลือกครั้งนี้ ช่างน่าเลื่อมใสเสียจริง โปรดอย่าเสียใจไปเลย! คราวหน้าสู้ ๆ!”

มู่เฉียนซีมองพวกเขาพลางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ใครบอกว่าข้าจะตกรอบในครั้งนี้ ?”