มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 555
เมื่อเจ้าตระกูลเหยียนได้ยินแบบนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากสำนักใหญ่เผ่าหงส์อยู่ด้านหลัง ดังนั้นเขาจึงสงบสติอารมณ์และพูดเสียงเรียบว่า “ผู้คุมกฎเกาพูดผิดแล้ว เพียงแต่พาแขกผู้มีเกียรติจากเผ่าหงส์มาเยี่ยมเจ้าสำนักหลัวเท่านั้นเอง แต่เจ้าสำนักหลัวกลับไม่ยอมออกมาพบ หมายความว่าอย่างไร?”

“เจ้ากล้าดียังไง! เจ้าสำนักออกเดินทางไปข้างนอกปีกว่าแล้ว ไม่ได้อยู่ในสำนักเขา จะพบเจ้าได้อย่างไร?” เกาเหลียนพูดอย่างเย็นชา เขายังรู้ว่าเจ้าตระกูลเหยียนไม่มีความกล้าหาญที่จะมาสร้างปัญหาที่ไท่เสวียน ดังนั้นเขาจึงหันความสนใจไปที่เผ่าหงส์ทั้งสามคน “เมื่อสักครู่นี้ผู้ใดโจมตีค่ายกลคุ้มเขาของสำนักไท่เสวียน?”

“ข้าเป็นผู้ที่โจมตีเอง เจ้าจะทำอย่างไร?” เฟิ่งหงเสว่ยืนออกมาขึ้นและเยาะเย้ยเสียงเย็น

“คำที่ว่าผู้ที่มาจากแดนไกลก็คือแขก เจ้าโจมตีค่ายกลคุ้มเขา เป็นการยั่วยุสำนักไท่เสวียนของเราหรือ ?” เกาเหลียนหงขมวดคิ้วเมื่อเห็นการดูถูกจากอีกฝ่าย

เขาคาดเดาได้ตั้งนานแล้วว่าพวกที่มาจากกองกำลังใหญ่เหล่านี้ ต่างหยิ่งผยอง จองหองมากนัก ตอนนี้ดูแล้วเป็นไปตามที่คาดจริงๆ

แต่เกาเหลียนหงก็รู้เช่นกันว่าแม้ว่าเผ่าหงส์จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหลัวซิวอยู่ที่นี่ เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายมาโจมตีถึงหนน้าประตูแล้วไม่ออกเสียงใดๆ

ดังนั้นเมื่อเกาเหลียนหงพูด มือขวาซึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยาว ได้จับตราขลังมังกรเขียวไว้ในมือแล้ว

“ยั่วยุสำนักไท่เสวียนของพวกเจ้า? เป็นเพียงกองกำลังขนาดเล็กระดับสามเท่านั้น มีสิทธิ์ให้ข้ามายั่วยุหรือ?” เฟิ่งหงเสว่เยาะเย้ย “แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ยั่วยุก่อน เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

“ทำอะไรได้บ้าง?”

เมื่อเกาเหลียนหงได้ยิน มุมปากก็ยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นโบกมือขวาทันที โยนตราขลังมังกรเขียวออกไป

โฮก!

เสียงคำรามของมังกรดังก้องไปทั่วท้องฟ้า แสงระยิบระยับปกคลุมท้องฟ้า ตราขลังต้านลมแล้วใหญ่ขึ้นขนาดเท่าภูเขาในชั่วพริบตา

“กล้าดียังไง!”

ใบหน้าของเฟิ่งหงเสว่แสดงโทสะออกมา แม้แต่เฟิ่งหลิงและเฟิ่งเยียนหรานที่อยู่ข้างๆก็คาดไม่ถึงว่า คนจากสำนักไท่เสวียนจะกล้าโจมตีโดยตรงแบบนี้

เห็นเพียงเปลวไฟพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา กลายเป็นหงส์เพลิง และต่อสู้กับมังกรเขียวที่ทะยานจากตราขลัง

หลังจากนั้น เขายกมือขึ้นตบออกไป คำรามด้วยโทสะ และกระแทกเข้าไปตราขลังที่ทุบลงมา

บูม!

หลังจากเกิดเสียงอู้อี้ สีหน้าของเฟิ่งหงเสว่เปลี่ยนไป ร่างของเขาบินถอยหลังออกไป มีเลือดออกจากมุมปาก

“ระวัง นี่เป็นสมบัติโบราณ!”

สีหน้าของเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เปลวเพลิงพุ่งขึ้นมาระหว่างฝ่ามือของเขา ตบตราขลังมังกรเขียวด้วยฝ่ามือจนถอยไป

ในขณะที่เฟิ่งหลิงโจมตี พลังจิตแท้พลานุภาพ ได้ทำให้สีหน้าของเกาเหลียนหงเปลี่ยนไปในทันที

“มกุฎยุทธ์ขั้น 9 !”

เกาเหลียนหงตระหนักดีถึงพลังของตราขลังมังกรเขียว ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่โจมตีจนเฟิ่งหงเสว่ที่มีผลการฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ขั้น 5 กระอักเลือด แต่ชายชราชุดเขียว สามารถรับการโจมตีตราขลังมังกรเขียวได้อย่างง่ายดาย ชายชราของเผ่าหงส์ผ1นี้ แข็งแกร่งไม่ธรรมดา

หากผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ขั้น 9 โจมตีด้วยพลังทั้งหมด ค่ายพิทักษ์เขาขั้น 7 จะไม่สามารถต้านทานได้นานนัก

เกาเหลียนหงเอื้อมมือเรียกตราขลังมังกรเขียวกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

เขารู้ว่าตอนนี้มันปัญหาใหญ่แล้ว คนสามคนจากเผ่าหงส์ มีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ขั้น 9 อยู่ด้วย

“เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ?”

เฟิ่งหงเสว่เช็ดมุมปาก เมื่อเห็นเลือดที่ปลายนิ้ว ในดวงตามีเจตนาฆ่าพุ่งขึ้น เผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม

“หุบปาก!”

เฟิ่งหลิงถลึงตาใส่เขาพร้อมตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเขาไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาให้มาก แต่ก็ถูกเฟิ่งหงเสว่สร้างปัญหาขึ้นมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกโมโหเล็กน้อย

ถูกเฟิ่งหลิงตำหนิ เฟิ่งหงเสว่ไม่กล้าเถียง แต่สังเกตเห็นว่าเฟิ่งเยียนหรานซึ่งมักจะขัดแย้งกับเขาเสมอ มองดูเขาแล้วเผยรอยยิ้มที่เกือบจะมองไม่เห็นออกมา ความโกรธและเจตนาการฆ่าในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น และยิ่งทนไม่ได้

“ไม่ได้เรื่อง!” เฟิ่งหลิงมองเฟิ่งหงเสว่อย่างเย็นชาและต่อว่าในใจ

จากการบรรยายของหัวหน้าตระกูลเหยียน เขาได้รู้มาว่า เหยียนเยว่เอ๋อร์ผู้มีเลือดหงส์โบราณ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเจ้าสำนักไท่เสวียนนี้