เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเหยี่ยน หวังปั๋วซึ่งกำลังโศกเศร้าสิ้นหวังก็กลับหน้าแดงก่ำด้วยความเดือดดาล เขาพยายามสะบัดให้หลุดจาการจับกุมเพื่อวิ่งเข้ามาหาหนิงเหยี่ยน “แก! หนิงเหยี่ยน! แกเองที่จัดฉากใส่ร้ายฉัน!”
ตำรวจที่คุมตัวเขาอยู่พยายามห้ามเขา โดยตะโกนขึ้นอย่างเฉียบขาด “อยู่นิ่งๆ!”
เมื่อเห็นหวังปั๋วมีอาการเช่นนั้น หนิงเหยี่ยนก็ยิ้มมุมปาก ประกายตาวาววาบขึ้นอย่างเลือดเย็น “คุณพูดเรื่องอะไร คุณมีค่าพอจะให้ผมเสียเวลาจัดฉากใส่ความคุณอย่างนั้นเหรอ ไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยหรือไง ที่ถูกจับได้ตอนกำลังเล่นสนุกอยู่ในปาร์ตี้เซ็กส์หมู่”
หวังปั๋วเดือดดาลอย่างหนัก พยายามสลัดให้หลุดจากการควบคุมของตำรวจ จะเข้าไปทำร้ายหนิงเหยี่ยน แต่หนิงเหยี่ยนเพียงแค่มองดูเขาด้วยท่าทีสบายใจ กล่าวว่า “อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ ไม่อย่างนั้นโดนกระทืบปางตายแน่”
หลังจากหวังปั๋วโดนตำรวจควบคุมตัวออกไปแล้ว หนิงเหยี่ยนก็กลับเข้ามาที่ห้อง ตระกูลหนิงเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมือง A และตัวหนิงเหยี่ยนเองก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีไม่กี่คนหรอกที่กล้ามีเรื่องกับคนอย่างหนิงเหยี่ยน คนส่วนใหญ่ไม่มีใครโง่เง่าอย่างหวังปั๋ว
หวังปั๋วต้องการทำลายชื่อเสียงหนิงเหยี่ยน เพราะเขาเป็นคู่แข่งในอาชีพของหนิงเหยี่ยน หากทำให้หนิงเหยี่ยนเสียชื่อเสียงด้วยข่าวลืออื้อฉาวได้ เขาก็จะได้รับประโยชน์เต็มๆ อย่างไรก็ตามเขาต้องผิดหวังอย่างมากที่แผนการของเขาถูกขัดขวางโดยถังซี ผู้มีเฉียวเหลียงคอยหนุนหลัง แผนการกุข่าวอื้อฉาวโดยให้หนิงเหยี่ยนเป็นตัวละครเอกจึงต้องล้มเหลว
เห็นได้ชัดว่าหนิงเหยี่ยนอารมณ์ดี เขาร่วมดื่มเหล้ากับคนอื่นๆ ไปสองแก้ว และร้องเพลงคาราโอเกะสองเพลง เมื่อเห็นท่าทางหนิงเหยี่ยน ถังซีก็หันไปถามเซียวจิ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอว่า “ทำไมหนิงเหยี่ยนถึงมีความสุขนักล่ะ ไม่เห็นต้องตื่นเต้นมากขนาดนี้กับการได้จับตัวหวังปั๋วส่งตำรวจ จริงไหมคะ”
“เขาต้องแกล้งทำเป็นคนดีอยู่นาน แล้วในที่สุดก็ได้ทำเรื่องร้ายๆ บ้าง ก็เลยมีความสุขไง” เซียวจิ่งมองหนิงเหยี่ยนแล้วยิ้มมุมปาก “ไม่ใช่มีความสุขแค่ได้แก้แค้นหวังปั๋วหรอก”
ถังซีรู้สึกสับสน “พี่พูดเหมือนหนิงเหยี่ยนเป็นคนไม่ดี”
“ก็ใช่น่ะสิ” เซียวจิ่งหลิ่วตาให้ถังซี “หนิงเหยี่ยนเบื่อกับการแสดงตัวเป็นคนดีจะแย่แล้ว และหวังปั๋ว ก็มากวนประสาทเขาพอดี ก็เลย…”
เท่าที่เขารู้จักหนิงเหยี่ยนมา เขารู้ว่าหนิงเหยี่ยนจะไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ แต่ครั้งนี้เขาเกือบทำลายชื่อเสียงคนในกองถ่ายภาพยนตร์ของหวังปั๋วแทบทั้งกอง บางทีอาจเป็นเพราะเขาต้องเก็บกดธรรมชาติความเป็นตัวตนที่แท้จริงมานานเกินไป
ถังซียักไหล่ ในตอนนั้นนั่นเองหนิงเหยี่ยนก็เดินเข้ามาหาพวกเขา ถามถังซีว่า “คนในตระกูลเธอตัดสินใจจะปล่อยตัวคนพวกนั้นแล้วเหรอ เมื่อคืนตอนกลับถึงบ้านฉันบังเอิญได้ยินคุณลุงฉันพูดกับพ่อฉันว่า มีใครบางคนต้องการให้ปล่อยตัวเถาเยี่ยนกับสมาชิกครอบครัว คุณพ่อคุณแม่เธอหรือเปล่าที่ต้องการให้ปล่อยตัวพวกเขา”
ถังซีขมวดคิ้ว หันไปหาเซียวเจี่ยน “พี่เจี่ยน พี่ได้ยินคุณพ่อคุณแม่พูดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า”
เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “พี่คิดว่าไม่นะ คุณแม่เกลียดคนพวกนั้นจะตาย”
ถังซีขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดของหลินรั่วจื้อขึ้นมาได้ มีผู้ทรงอิทธิพลคนไหนคอยหนุนหลังเถาเยี่ยนอยู่โดยที่พวกเธอไม่รู้อย่างนั้นหรือ
“นั่นสิ ฉันก็คิดอย่างนั้น คุณลองถามคุณลุงคุณได้ไหมคะ ว่าใครที่ต้องการให้ปล่อยตัวพวกเขา” ถังซีมีลางสังหรณ์ว่าหากตามติดเบาะแสนี้ไป จะต้องค้นพบว่าใครคือคนที่คอยสนับสนุนเถาเยี่ยน!
หนิงเหยี่ยนพยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา แต่ไม่แน่ใจนะว่าจะได้คำตอบจากคุณลุงหรือเปล่า เพราะคุณลุงฉันไม่ได้รับผิดชอบคดีนี้ ท่านเพียงแค่บังเอิญได้ยินมาเท่านั้น แล้วเธอก็รู้ว่าคุณลุงฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องแบบนี้”
ถังซีเหลือบมองเฉียวเหลียงซึ่งกำลังมองมาที่เธออย่างให้ความมั่นใจ ถังซียิ้มให้ แต่ตอนนี้อารมณ์เธอเริ่มไม่ค่อยดีนัก เธอสงสัยมาตลอดว่าทุกๆ เดือนเถาเยี่ยนเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่านางเกิดมาในตระกูลร่ำรวย นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจน
เมื่อปัญหาเรื่องหวังปั๋วถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนถังซีกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว พวกเขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ แต่กลับมาที่บ้านพักในเมือง
เช้าวันรุ่งขึ้นคนอื่นๆ ออกไปทำงานกันหมด ถังซีบอกทุกคนว่าอยากทำงานออกแบบที่สเก็ตช์ไว้ให้ออกมาเป็นเสื้อผ้า เธอจึงขอทำงานอยู่ที่บ้าน เซียวเหยาทำอาหารเช้าไว้ให้เธอ แล้วกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อจะได้ไม่รบกวนการทำงานของเธอ เมื่อเห็นว่าทุกคนออกจากบ้านไปกันหมดแล้ว ถังซีก็หยิบกุญแจรถมาจะออกไปข้างนอก
ทันทีที่ถังซีก้าวออกจากบ้านก็เห็นอาหกยืนอยู่ เธอชะงัก เดินเข้าไปถามเขาว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม”
“นายน้อยสั่งให้ผมมาขับรถพาคุณไปส่งครับ” อาหกยิ้มให้เธอ “เขาบอกว่าคุณขับรถเองไม่ได้เพราะไม่มีใบขับขี่”
ถังซีอึ้ง “…” ฉันไม่จำเป็นต้องไปสอบใบขับขี่หรอกย่ะ เข้าใจไหม! ฉันเคยมีใบขับขี่ประเภทที่หนึ่ง! และยังเคยเป็นนักแข่งรถสมัครเล่นมาแล้วด้วย!
“คุณจะพาฉันไปส่งที่ไหน ฉันไม่ไปหาเขานะ!” ถังซีคำรามอยู่ในลำคอ ปากุญแจรถใส่อาหก แล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
ถึงแม้เธอจะพึมพำอยู่ในคอ แต่อาหกก็ได้ยิน เขาเลิกคิ้วถามว่า “คุณไม่ได้กำลังจะไปเรือนจำหรอกหรือครับ”
ถังซีชะงัก หันกลับมามอง เธอเกือบจะระแวงเลยล่ะว่า เฉียวเหลียงอาจติดตั้งระบบติดตามตรวจสอบเธอไว้ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังจะไปเรือนจำ!
อาหกพาเธอไปที่เรือนจำ รออยู่ไม่นานถังซีก็ได้พบเถาเยี่ยน ทันทีที่เถาเยี่ยนเห็นถังซี สีหน้านางก็ถมึงทึงในฉับพลัน นางหรี่ตาลงมองถังซีด้วยสายตารังเกียจ ถามเสียงเย็นชาว่า “แกต้องการอะไร!”
ใบหน้านี้ช่างน่ารังเกียจ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น! ทำไมนังเด็กคนนี้ถึงไม่อันตรธานไปจากโลกนี้เสียที หล่อนตายไปแล้วไม่ใช่หรือ
เมื่อสังเกตเห็นสายตาเถาเยี่ยน ถังซีก็แสยะยิ้ม “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะ ว่าแกมีความลับสำคัญซ่อนอยู่”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เถาเยี่ยนก็เริ่มมีท่าทางหวาดระแวง นางหรี่ตาลงจ้องหน้าถังซี “แกรู้แล้วเหรอ”
“แน่นอน! สืบง่ายจะตาย” ถังซีกำมือแน่น ตราบใดที่เธอทำให้เถาเยี่ยนพูดต่อไปได้เรื่อยๆ เธอก็จะพบความจริงได้อย่างแน่นอน ว่าใครเป็นผู้คอยหนุนหลังนางอยู่!
“แกจะพยายามหลอกล่อให้ฉันบอกความลับ ใช่ไหมล่ะ” ทันใดนั้นเถาเยี่ยนก็แสยะยิ้ม จ้องหน้าถังซี “นังเด็กน้อย คิดว่าจะทำได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
ถ้านังเด็กนี่รู้ความลับของนางแล้วจริงๆ ไม่มีทางที่จะยังมาคุยกับนางด้วยท่าทางสงบนิ่งแบบนี้เป็นแน่