บทที่ 1207 รับบรรพบุรุษพวกคุณสิ / บทที่ 1208 เอาใจผู้หญิงเก่ง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1207 รับบรรพบุรุษพวกคุณสิ

“อยู่ดีไม่ว่าดีขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้?”

เยี่ยหวันหวั่นยังพูดไม่ทันจบ ก็มีคนกระโดดตามลงมาจากบนต้นไม้ติดๆ กันอีกสามคน

สามคนนั้นก็คืออี้จือฮวา นักพรตใจบริสุทธิ์ กับหนุ่มกรรมกรต่างชาตินั่นเอง…

อี้จือฮวายังคงเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่นบาน เกาะไหล่เนี่ยอู๋หมิงเหมือนไร้กระดูก แล้วโบกมือให้เธอ “ไฮ เถ้าแก่โหย่วหมิง!เจอกันอีกแล้วนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นจ้องหน้าคนพวกนี้อย่างพูดไม่ออก

เป็นจริงเหมือนที่ว่าไว้ว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์

เจ้านายเป็นแบบไหน ลูกน้องก็เป็นแบบนั้น

ไปเบียดกันอยู่บนต้นไม้ถึงสี่คน ไม่อึดอัดบ้างหรือไง…

ใช่สิ ต้องมีห้าคนไม่ใช่เหรอ…ทำไมเหมือนจะมีแค่สี่คนล่ะ?

“หายไปไหนคนหนึ่ง?” เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง ถามอย่างไม่ใส่ใจ

ดูเหมือนวันนี้หนุ่มภูเขาน้ำแข็งที่แบกโลงศพคนนั้นจะไม่อยู่ด้วย?

“เจ้าคนตาย ตื่นได้แล้ว!” เนี่ยอู๋หมิงผลักอี้จือฮวาที่พิงไหล่เขาออกไป จากนั้นยกเท้าเตะต้นไม้ใหญ่ข้างๆ หนึ่งที

ต่อมามีเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้นมา

เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งร่วงไถลลงมาจากบนต้นไม้

เขาก็คือผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายจอมขี้เกียจนั่นเอง

หนุ่มภูเขาน้ำแข็งร่วงตกลงมาบนพื้นที่ปูด้วยใบไม้ร่วงจนกลายเป็นรูปร่างตัวเขา ก่อนจะค่อยๆ ตะเกียกตะกายขึ้นมา และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ขี้เกียจแม้แต่จะปัดเศษใบไม้หรือฝุ่นบนตัว

เยี่ยหวันหวั่นแทบทนมองสภาพพิลึกพิลั่นของทั้งห้าคนไม่ได้

เวลานี้เอง นักพรตใจบริสุทธิ์เบียดตัวเข้ามาตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น ถูฝ่ามือไปมา พูดอย่างประจบประแจงว่า “เถ้าแก่โหย่วหมิง! ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอเธอ! ไม่ทราบว่า…ที่บ้านเธอมี…”

เยี่ยหวันหวั่นถาม “มีอะไร?”

หนุ่มกรรมกรต่างชาติเอ่ย “เถ้าแก่โหย่วหมิง บ้านนี้มีอึไหม?”

เยี่ยหวันหวั่นงงงัน “อะไรนะ?”

นักพรตใจบริสุทธิ์ผลักหัวหนุ่มกรรมกรต่างชาติออก แล้วบอกว่า “ไม่ใช่ๆ…พวกเราจะถามว่า…บ้านเถ้าแก่มีข้าวไหม?”

เยี่ยหวันหวั่นอึ้งอีกครั้ง “หา? ข้าว?”

นักพรตใจบริสุทธิ์พยักหน้าถี่ๆ “ใช่ๆ บอกตามตรง พวกเราไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว…”

หลังจากโดนเนี่ยอู๋หมิงผลักออก อี้จือฮวาก็กลับไปเกาะไหล่เขาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยอาการหายใจรวยริน “สามวันสองชั่วโมงกับอีกสิบแปดนาทีต่างหาก!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

ทำไมทุกครั้งที่เจอกัน พวกเขาถึงมีสภาพน่าอนาถใจตลอดเลย? ใช้ชีวิตยังไงกันเนี่ย…

เห็นแก่เบบี๋ถังถัง เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยอย่างใจกว้าง “พวกคุณเข้ามาก่อนแล้วกัน!”

นักพรตใจบริสุทธิ์ซาบซึ้งใจ “เถ้าแก่โหย่วหมิง เธอนี่เหมือนพระโพธิสัตว์มาโปรดแท้ๆ! ตายแล้วจะต้องได้ขึ้นสวรรค์แดนสุขาวดีแน่ๆ!”

เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา

ถ้าชมใครไม่เป็นก็อย่าชมจะดีกว่า…

เยี่ยหวันหวั่นพาทั้งห้าคนเดินเข้าไปในบ้าน พลางถามว่า “ใช่สิ ลืมถามไปเลย วันนี้พวกคุณมาทำอะไรกัน ทำไมมากันครบเลย?”

คนพวกนี้เป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง หายหน้าหายตาไปหลายเดือนแล้ว

หนุ่มกรรมกรต่างชาติตอบตามตรง “เถ้าแก่โหย่วหมิง พวกเรามารับนายน้อยถังถังกลับบ้าน”

สิ้นเสียงของหนุ่มกรรมกรต่างชาติ รอบกายก็เงียบกริบไปทันที

วินาทีถัดมา เสียงปังดังสนั่น

“รับบรรพบุรุษพวกคุณสิ!” เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าบ้านโดยไม่ลังเล กระแทกประตูปิดอย่างแรง

ให้ตาย! คิดจะมาพาถังถังไปงั้นเหรอ!

เวลานี้ ชายหนุ่มทั้งห้าคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอก ซ้ำยังถูกตวาดจนน้ำลายกระเด็นใส่เต็มหน้าได้แต่งงงวย

ก็…ก็ใช่น่ะสิ…

พวกเขามารับพ่อบรรพบุรุษของพวกเขานี่ไง…

พ่อทูนหัวตัวน้อยคนนั้นก็เป็นต้นกระกูลของพวกเขาไม่ใช่เหรอไง…

หนุ่มกรรมกรต่างชาติทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว “ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ…”

นักพรตใจบริสุทธิ์จ้องประตูที่ปิดสนิท เอ่ยอย่างปวดร้าวว่า “เสี่ยวเถียนเถียน นายโง่รึเปล่า! นายน่าจะรอให้พวกเราได้กินข้าวก่อนแล้วค่อยบอกเธอสิ!”

————————————————————————-

บทที่ 1208 เอาใจผู้หญิงเก่ง

เนี่ยอู๋หมิงสับสน “เอ๊ะ? พวกเรามารับจอมมารน้อย ทำไมน้องสาวโหย่วหมิงต้องโกรธด้วยล่ะ?”

นักพรตใจบริสุทธิ์อึ้งไป บอกว่า “นั่นสิ เถ้าแก่โหย่วหมิงโกรธทำไม?”

อี้จือฮวากรีดกรายนิ้วมือ ลูบไล้ใบหน้าของเนี่ยอู๋หมิง “ผู้ชายไม่ได้เรื่องอย่างพวกนายนี่มัน ไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงเอาซะเลย เถ้าแก่โหย่วหมิงไม่อยากจากจอมมารน้อยไปน่ะสิ…”

นักพรตใจบริสุทธิ์กล่าว “เถ้าแก่โหย่วหมิงไม่อยากจากจอมมารน้อย? หัวใจของหญิงสาว…ยากแท้หยั่งถึงแท้ๆ…”

เนี่ยอู๋หมิงปัดมืออี้จือฮวาออกแล้วลูบคาง “นั่นมัน…ไม่ใช่มั้ง?”

อี้จือฮวามองค้อนเขา เลิกคิ้วบอกว่า “ทำไมจะไม่ใช่? จอมมารน้อยของคุณเวลาอยู่ต่อหน้าน้องโหย่วหมิงไม่ได้เหมือนอยู่กับพวกเรานะ เอาใจผู้หญิงเก่งเชียวล่ะ!”

นักพรตใจบริสุทธิ์ว่าอย่างหงุดหงิด “อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระอยู่เลย! แล้วข้าวล่ะ! ไหนบอกว่ามาถึงนี่ก็จะมีข้าวกินไง? ฉันไม่สน เสี่ยวเถียนเถียน นายนั่นแหละผิด นายไปเกลี้ยกล่อมเธอเลย!”

……

ขณะที่ข้างนอกจ้อกแจ้กจอแจ ภายในบ้าน เยี่ยหวันหวั่นวางของพะรุงพะรังในมือลง แล้วนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี

ทำไมจู่ๆ ก็จะมารับถังถังกลับบ้านล่ะ?

หรือว่า…

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! เปิดประตูหน่อย!”

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! เสี่ยวเถียนเถียนพูดภาษาจีนไม่ค่อยเป็น อย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล!”

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! ผมมัดเสี่ยวเถียนเถียนไว้แล้ว! คุณมาอัดเขาได้ตามใจเลย! ขอร้องล่ะ ขอข้าวกินหน่อยเถอะ!”

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! งั้นพวกเราจะเอาเจ้าคนตายวางมัดจำไว้ก่อน ตกลงไหม?”

……

เยี่ยหวันหวั่นฟังคนห้าคนที่กำลังร้องขอข้าวกินอยู่นอกประตูอย่างเอือมระอา

“หุบปาก! ยังจะมาขอข้าวกินอีก? ไปกินขี้ไป๊!”

พอเยี่ยหวันหวั่นตะคอกเสียงดังเหมือนสิงโตคำราม นอกประตูก็เงียบกริบไปประมาณหนึ่งนาที

ข้างนอกเงียบสนิท เยี่ยหวันหวั่นจึงหันไปมองประตูตามจิตใต้สำนึก

หรือว่าไปกันแล้ว?

จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นเห็นของบางอย่างถูกสอดเข้ามาผ่านร่องประตูแคบๆ อย่างเงียบงัน

เยี่ยหวันหวั่นเพ่งมอง แล้วก็พบว่า…มันคือเงินเหรียญ…

ต่อมาก็สอดเข้ามาอีกหนึ่งเหรียญ…

จากนั้นราวกับทำใจลำบากมาก ผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยๆ สอดเหรียญที่สามเข้ามา…

เยี่ยหวันหวั่นจ้องเงินเหรียญที่ถูกหยอดเข้ามา หน้าดำเหมือนก้นหม้อ

แม่แกสิ! เห็นบ้านหลังนี้เป็นรถเมล์หรือไง? ถึงได้หยอดเหรียญกันแบบนี้!

คิดว่าหยอดเหรียญแค่ไม่กี่เหรียญแล้วจะเกลี้ยกล่อมเธอได้งั้นเหรอ?

“น้องโหย่วหมิง…นี่คือเงินทั้งหมดที่พวกเรามี!”

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! เปิดประตูหน่อยเถอะ!”

“เถ้าแก่โหย่วหมิง! ช่วยชีวิตคนได้บุญกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดยอดอีกนะ!”

คนบางคนเพียงเพื่อขอข้าวกิน ถึงขั้นเกือบลืมนิกายของตัวเองไปแล้ว…

พอนึกได้ว่าคนพวกนี้มารับถังถังไป เยี่ยหวันหวั่นที่ว้าวุ่นใจอยู่แล้วยิ่งปวดหัวเพราะเสียงดังโหวกเหวกด้านนอก

เวลานี้เอง เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังมาจากทางห้องครัว

เยี่ยหวันหวั่นมองตามเสียงไป เห็นพวกเจียวเจียวกับไฮดี้กำลังชะโงกหน้ามองมาทางนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เยี่ยหวันหวั่นออกคำสั่งเสียงเย็น “พวกคุณน่ะ! มัวทำอะไรกันอยู่! เสียงดังหนวกหูจะตายแล้ว! ลากตัวพวกที่อยู่หน้าประตูออกไปให้หมด!”

ทหารรับจ้างทั้งห้าคนอึ้งงัน

ทั้งห้าคนเผยอาการตกใจลนลาน พากันถอยหลังกรูดไปหลายก้าว

เพราะตอนอยู่ที่พม่า พวกเขาเคยเห็นฝีมือของห้าคนนั้นมากับตา โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าพวกเขา ฝีมือเหนือมนุษย์ชัดๆ…

ไฮดี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “จะ…เจ้านาย…มะ…ไม่ได้มั้งครับ…ให้พวกเรา…ลากตัวพวกเขาห้าคนไป?”

ถังปินเอ่ย “พวกเขาแค่คนเดียวก็ขยี้พวกเราห้าคนให้แหลกได้ง่ายๆ เลยนะครับ…”

ซ่งเฉียงกล่าวด้วย “นั่นสิๆ…”

………………………………….