ไม่กี่วันหลังจากที่ฉันได้รับรายงานจากเซบาส

 

ฉันก็ถูกท่านพ่อเรียกตัว ครั้งนี้มีแค่ฉันคนเดียวที่ถูกเรียก ไม่ได้มาด้วยกันกับลีโอ

 

“อาร์โนลด์ รู้ไหมว่าทำไมวันนี้เจ้าถึงถูกเรียกมาที่นี่?”

 

“ผมก็กำลังสงสัยอยู่ครับ ช่วงนี้ผมก็รักษาสัญญาดีไม่ใช่หรอ?”

 

ฉันไม่ได้ต่อต้านคำสั่งของเขาที่ไม่ให้ลดชื่อเสียงของตัวเองดังนั้นมันไม่น่าจะใช่เรื่องนั้น

 

นี่น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสนธิสัญญานกนางนวลที่เซบาสบอกฉัน ระบุให้ชัดกว่านี้ มันน่าจะเป็นเรื่องมาร์ควิสไวท์โทลิ่ง

 

“ข้าไม่มีอะไรจะติในเรื่องนั้น เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เกี่ยวกับเรื่องของฟีเน่”

 

“เกี่ยวกับฟีเน่หรอครับ? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

 

“เจ้ารู้เหตุผลที่ขุนนางในเมืองหลวงไม่มาขอแต่งงานกับฟีเน่ไหม?”

 

“ฟีเน่เป็นที่ชื่นชอบของท่านพ่อใช่ไหมหล่ะครับ มันไม่ใช่เพราะพวกเขาระวังเรื่องนั้นหรอ?”

 

“นั่นก็เป็นเหตุผลนึงแต่เหตุผลหลักก็คือพวกขุนนางได้ทำข้อตกลงไม่รุกรานกัน สำหรับเรื่องนั้น ข้อตกลงที่ว่านี้ได้ถูกยุบไปแล้วเมื่อวันก่อน”

 

“พวกเราได้รับคำขอแต่งงานของเธอมากกว่า 20 คนแล้วครับองค์ชาย”

 

ฉันขมวดคิ้วให้กับรายงานของฟรานซ์ เพราะมีเจ้าโง่กว่า 20 คนที่ขอเธอแต่งงานในทันที

 

ขุนนางในเมืองหลวงเป็นพวกโง่กันหมดเลยรึไงนะ?

 

“ถ้าท่านพ่อบอกว่าท่านยังไม่คิดจะให้เธอแต่งงานปัญหาก็น่าจะคลี่คลายแล้วไม่ใช่หรอครับ?”

 

“ฟีเน่เป็นเหมือนกับลูกสาวของข้าแต่ข้าไม่สามารถจำกัดอิสรภาพของเธอได้ถึงขนาดนั้น”

 

“จะจำกัดหรือไม่ ถ้าฟีเน่ไม่ต้องการ ปฏิเสธพวกเขาไปให้หมดมันก็เป็นการทำเพื่อเธอนะครับ”

 

“นั่นก็จริงแต่ว่า…..”

 

ท่านพ่อมองฟรานซ์เหมือนกับว่าเขาลำบากใจที่จะพูด

 

ฟรานซ์ที่ถูกขอความช่วยเหลือมองตรงมาที่ฉันแล้วถอนหายใจเล็กน้อย

 

“อย่างที่องค์ชายพูด ข้าได้ปฏิเสธคำขอไปหมดแล้วครับ แต่เมื่อพวกเขาได้รับคำตอบ คิดว่าพวกเขาคิดยังไงหล่ะครับ? จะบอกว่าพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพราะฝ่าบาทวางแผนจะให้ท่านฟีเน่แต่งงานกับเจ้าชายซักคนก็ไม่ผิดครับ องค์ชาย”

 

“ปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้าตัวคิดเองก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่หรอ?”

 

“เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินคือหนึ่งในสัญลักษณ์ของจักรวรรดิครับ การปล่อยให้คนระดับนั้นแต่งงานกับคนที่ไม่คู่ควรอาจส่งผลกับภาพลักษณ์ของจักรวรรดิได้”

 

ท่านพ่อดูค่อนข้างอึดอัดใจ มีขุนนางหลายคนเกี่ยวข้องด้วยเพราะฉะนั้นเขาคงจะไม่สามารถปิดปากพวกเขาทุกคนได้

 

จักรพรรดิมีหน้าที่ต้องฟังเสียงของพวกเขา โดยเฉพาะในตอนที่มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของจักรวรรดิ

 

“ท่านรัฐมนตรีกำลังบอกว่ามันคงจะดูไม่ดีถ้ามีข่าวลือว่าเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินแต่งงานกับเจ้าชายไร้ค่าสินะครับ?”

 

“สรุปสั้นๆก็ใช่ครับ”

 

“เห้อ….ข้ากับฟีเน่ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นซักหน่อย”

 

“แต่ท่านก็ยังเป็นผู้ชายที่สนิทกับเธอมากที่สุด ท่านน่าจะสนิทกับเธอมากกว่าท่านลีโอนาร์ดด้วยซ้ำ”

 

“พวกเราแค่บังเอิญเข้ากันได้ดีก็เท่านั้นแหล่ะ”

 

“ที่ขุนนางบ่นมามันไม่ใช่แบบนั้นหน่ะสิครับ”

 

“แล้วจะให้ข้าทำยังไงหล่ะ?”

 

แค่เพราะขุนนางบ่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถแทรกแซงการกระทำของพวกเราได้

 

ฉันไม่มีปัญหาอะไรถ้าคนที่บ่นสามารถทำสิ่งที่ฟีเน่ทำได้แต่ต่อให้พวกเขารวมตัวกัน พวกเขาก็ยังแทนที่เธอไม่ได้

 

“ข้าอยากให้ท่านเว้นระยะห่างจากเธอซักพักนึง”

 

“….ท่านรัฐมนตรีจะบอกว่าพวกขุนนางจะพอใจถ้าข้าทำแบบนั้นสินะครับ? ว่าแต่ท่านคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ? นายกรัฐมนตรี?”

 

“…….”

 

“พวกเขาก็แค่อยากกำจัดผู้ชายทุกคนที่ใกล้ชิดกับฟีเน่ เมื่อตัวรำคาญหายไปแล้ว พวกเขาจะเข้าหาเธออย่างแน่นอน ถ้าฟีเน่โอเคข้าก็ไม่ติดขัดอะไรแต่จากความเห็นส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่านั่นคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

 

“เจ้าคิดจะทำตัวเป็นกันชนให้เธอหรอ?”

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้าเป็นตัวรำคาญสำหรับพวกเขา ถ้าท่านคิดถึงฟีเน่จริงๆการให้เธออยู่ใกล้ตัวข้าไว้คือวิธีที่ดีที่สุด”

 

ในตอนที่ฉันแนะนำท่านพ่อ เขาก็ขมวดคิ้วอยู่พักนึง

 

ตอนนี้มันใกล้จะถึงวันครบรอบ 25 ปีแล้ว ฉันไม่อยากยั่วโมโหพวกขุนนาง อย่างไรก็ตาม ถ้าข้ามองข้ามพวกเขาไปตอนนี้ สถานการณ์จะต้องเลวร้ายกว่าเดิมแน่

 

ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าพวกที่ขอเธอแต่งงานในทันทีนั้นจะเข้าหาเธออย่างมีมารยาทและเป็นสุภาพบุรุษ

 

“แล้ว….เจ้าจะโอเคกับมันหรอ?”

 

“หมายความว่ายังไงครับ?”

 

“ข้าก็หมายความตามนั้นจริงๆ ถ้าเจ้าอยู่ใกล้ฟีเน่ เจ้าก็จะตกเป็นเป้าความเกลียดชังของขุนนาง เจ้าจะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ของพวกเขาอย่างแน่นอนรู้ตัวใช่ไหม?”

 

“นั่นมันก็เป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ”

 

“การโดนดูถูกกับถูกมองเป็นศัตรูมันแตกต่างกันนะ ปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงมันยุ่งยากนะรู้ใช่ไหม?”

 

“นั่นเป็นคำแนะนำในฐานะพ่อหรอครับ?”

 

“อา ใช่แล้ว ฟีเน่เป็นเป้าหมายที่ทุกคนในจักรวรรดิปราถนาเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครบ่นที่เธออยู่ข้างเจ้า ถึงยังไงพวกเขาก็คิดว่าพวกเจ้าสองคนไม่เหมาะสมกันเลย แต่ข้าพึ่งจะเพิ่มชื่อเสียงของเจ้า นับจากนี้ไปเจ้าจะตกเป็นเป้าความมุ่งร้ายของพวกเขา”

 

“นั่นก็จริงครับ ซึ่งมันเป็นความผิดของท่านพ่อแทบจะเต็มๆเลยสินะครับ”

 

“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยรู้สึกขอบคุณกับข้อเสนอของเจ้า ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าได้เปลี่ยนให้ขุนนางทุกคนในจักรวรรดิเป็นศัตรูกับเจ้าแน่รู้ไหม? มีขุนนางทีมีอำนาจอยู่ในกลุ่มพวกเขาหลายคนด้วย การคิดเป็นศัตรูกับพวกเขาง่ายๆมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ”

 

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ว่า….ท่านพ่อเป็นคนบอกให้ข้ารักษาชื่อเสียงของตัวเองไม่ใช่หรอครับ การกลัวพวกเขาและถูกพวกเขาบังคับง่ายๆมันก็มีแต่จะทำให้ข้าเป็นของเล่นของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าไม่ชอบการกระทำของพวกเขาเป็นการส่วนตัวด้วย”

 

“โฮ่ว?”

 

ท่านพ่อชำเลืองมองด้วยความประหลาดใจ เขาคงคิดว่ามันเป็นเรื่องหายากที่ฉันจะเสนอตัวจัดการเรื่องยุ่งยากแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

 

ถ้าฉันทำตามที่พวกเขาต้องการพวกเขาก็จะยิ่งทะนงตัว พวกเขาสามารถแสดงความเป็นศัตรูได้ตามที่ต้องการ ถ้าฉันทิ้งเธอไป ชีวิตประจำวันของฟีเน่ได้พังแน่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยง

 

“หลังจากที่ข้าได้รู้จักกับดยุคไรน์เฟลด์ ข้าคิดว่าการกระทำของขุนนางที่พยายามมาจีบฟีเน่มันเด็กน้อยจริงๆ ข้ามั่นใจว่าพวกเขาคงบอกว่ารักฟีเน่แต่สำหรับข้า นั่นไม่ใช่ความรักหรอก ข้าคิดว่ามันเป็นการดูถูกดยุคไรน์เฟลด์ถ้าพวกเขากล่าวอ้างการกระทำของตัวเองแบบนั้น”

 

“ถ้าเจ้าเปรียบเทียบพวกเขาแบบนั้นมันก็คงจะจริง…..”

 

“ถ้าพวกเขาต้องการตัวเธอพวกเขาก็ไม่สามารถเลือกวิธีนี้ได้ ท่านคิดว่าคนที่สามารถกำจัดได้แม้กระทั่งเจ้าชายไร้ค่าเหมาะสมกับเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินหรอครับ?”

 

ฟีเน่คือเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน หนึ่งในสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ

 

อีกฝ่ายต้องคู่ควรกับเธอ ในแง่นี้ ฉันอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะกับพวกเขาก็ได้ ถ้าพวกเขาจัดการฉันยังไม่ได้พวกเขาก็ไม่มีสิทธิมาจีบเธอ

 

“แต่นั่นจะเป็นภาระกับองค์ชายไม่ใช่หรอครับ?”

 

“มันก็ยังดีกว่าไปจำกัดอิสระของฟีเน่นั่นแหล่ะ อย่างน้อยฟีเน่ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ในขณะที่พวกขุนนางพยายามกำจัดข้า”

 

“แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรบ้างเจ้าเข้าใจใช่ไหม?”

 

“ถ้าพวกเขาลงทุนทำถึงขนาดนั้นมันก็เข้าทางเลยไม่ใช่หรอครับ? แบบนั้นก็จะมีเหตุผลให้ท่านพ่อบอกให้พวกเขาตัดใจด้วย”

 

“….เจ้าวางแผนจะยั่วยุพวกเขาหรอ?”

 

“พวกเขาแค่คิดวิธีกำจัดข้าโดยไม่ให้ถูกลงโทษก็ได้นี่ครับ ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้มันก็ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะเหมาะสมกับเธออยู่แล้ว”

 

ฉันสงสัยว่าจะมีซักกี่คนที่สามารถรักษาสมดุลนั้นได้

 

คงจะแทบไม่มีเลยมั้ง ถึงยังไงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสูญเสียความยากเย็นเมื่อเป็นเรื่องของฟีเน่มันก็มีสูงมาก

 

“แบบนั้นจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยขององค์ชายนะครับ”

 

“ข้ามีเซบาสอยู่ด้วยไม่เป็นไรหรอก”

 

“แล้วองค์ชายจะทำยังไงถ้าเซบาสอยู่ในสภาพที่เข้าไปแทรกแซงไม่ได้?

 

“ถ้าเวลานั้นมาถึงข้าจะคิดดูอีกที ข้าจะทำในสิ่งที่ข้าทำได้”

 

ฉันคิดถึงสถานการณ์ที่เซบาสไม่สามารถแทรกแซงได้อาไว้แล้ว ถ้าพวกเขาจะทำแบบนั้นฉัจก็จะจัดการพวกเขาซะ

 

“….เจ้าดูเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้จนน่าประหลาดใจเลยไม่ใช่หรอ?”

 

“มันแปลกหรอครับที่ข้าจะเอาจริงเอาจัง?”

 

“มันก็ไม่แปลกหรอกแต่ว่า….เจ้าคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับฟีเน่ซะเองงจริงๆใช่ไหม?”

 

“ไม่หรอกครับ ข้าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดีพอที่จะแต่งงานกับคนอื่น มันก็แค่เพราะ….ฟีเน่ทำอะไรให้พวกเรามามากก็เท่านั้นเอง เธอไม่ได้แค่ช่วยเหลือข้ากับลีโอแต่ยังรวมถึงจักรวรรดิด้วย พอคิดถึงความพยายามทั้งหมดที่เธอทำมาแล้ว ข้าคงยอมให้คนที่แย่กว่าข้าอยู่เคียงข้างเธอไม่ได้หรอก”

 

“ต่อให้เจ้าต้องเป็นศัตรูกับขุนนางโสดทุกคนในจักรวรรดิหน่ะหรอ?”

 

“นั่นแหล่ะครับที่ข้าต้องการ ข้าจะทดสอบพวกเขาก่อนแล้วดูว่าพวกเขาเหมาะสมพอที่จะแตะต้องสัญลักษณ์ของจักรวรรดิรึเปล่า….ข้าจะตัดสินพวกเขาทุกคนเอง”

 

ในตอนที่พูดจบ ฉันก็โค้งทำความเคารพแล้วเดินออกไป

 

ในขณะที่เห็นฉันเดินออกไป ฟรานซ์ก็พึมพำ

 

“ขุนนางที่ร่วมสนธิสัญญานกนางนวลอาจจะมองว่าเหยื่อเป็นนกอ่อนแอแต่จริงๆแล้วพวกเขาพึ่งจะหาเรื่องนกอินทรีย์สินะ”

 

คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ้ม

 

แน่นอนการถูกดูถูกเป็นเรื่องที่ดี วิธีนี้มันจะทำให้ฉันเคลื่อนไหวได้ง่าย

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ร่วมแบ่งปันความลับของฉันอยู่ในอันตราย ฉันก็คงจะอยู่เฉยๆไม่ได้

 

ถ้าพวกเขาจะโจมตีฉันพวกเขาก็ต้องเข้ามาหาฉันด้วยทุกอย่างที่มี และฉันจะคืนทุกอย่างนั่นกลับไปให้คนที่ส่งมาเอง

 

ด้วยความมุ่งมั่นนี้ฉันก็เดินหน้าออกไปรับศึกใหม่