EG บทที่ 730 กลยุทธ์ “168”
เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาไม่เคยเขียนข้อเสนออะไรสักอย่าง แต่เขาอาศัยจากการอ่านข้อเสนอมากมายบนอินเทอร์เน็ต เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลประกาศแผนการใดๆ พนักงานรัฐจะต้องจัดทำข้อเสนอที่คล้ายกันตามมา ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้สนับสนุนรัฐบาลกลางหากพวกเขาไม่ได้จัดทำข้อเสนอที่คล้ายกันขึ้นมา
ตัวอย่างเช่นโครงการเส้นทางสายไหม หรือที่รู้จักกันในนามว่าเส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การกระตุ้นจีนผ่านวิทยาศาสตร์และการศึกษา แผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจีน กลยุทธ์การพัฒนาพื้นที่ภาคาตะวันตก แผนการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลยุทธ์อุตสาหกรรมใหม่ กลยุทธ์การสร้างเมืองใหญ่ กลยุทธ์การกระตุ้นจีนผ่านทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
ในบรรดากลยุทธ์ทั้งหมดนี้ เฝิงหยู่ประทับใจแผนยุทธศาสตร์ 168 มากที่สุด นี่คือสโลแกนของแผนการของรัฐบาล ซึ่งแผนนี้ประกอบด้วย 1 เป้าหมาย 6 การสนับสนุนหลัก และ 8 โครงการสำคัญ รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งคอยพูดสโลแกนนี้ซ้ำๆ อยู่ตลอด ขนาดหมู่บ้านก็มีแผนที่คล้ายคลึงกัน
แต่ในตอนนี้ แผนนี้ยังไม่เกิดขึ้น
“จังหวัดหลงเจียงของเราเสนอให้จัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางหลังจากผ่านการพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว เราได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 168 เพื่อให้บริษัทนี้ประสบความสำเร็จ”
“ห้ะ? แผนอะไรนะ? แผนยุทธศาสตร์ 168 หรอ?” จางรุ่ยเฉียงขัดจังหวะ นี่มันแผนการอะไรกัน? เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ใครเป็นคนคิดแผนนี้?
เฝิงหยู่มองหน้าจางรุ่ยเฉียงอย่างไม่พอใจ “คุณยังอยากให้ผมพูดต่อหรือเปล่า?”
“โอเคๆ……พูดต่อเลย คุณพูดจบแล้วเดี๋ยวผมค่อยถามทีเดียว”
“แผนยุทธศาสตร์ 168 ประกอบด้วย 1 เป้าหมาย 6 การสนับสนุนหลัก และ 8 โครงการสำคัญ”
จางรุ่ยเฉียงขมวดคิ้ว ทำไมฟังดูเหมือนเป็นสโลแกนเลยล่ะ? เขาเป็นคนที่ทำงานจริงและเกลียดพวกสโลแกนที่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ เขาเกลียดพวกลูกน้องของเขาที่ชอบคิดคำขวัญสวยหรู แต่กลับไม่เห็นผลงานอะไรเลย
เมื่อจางรุ่ยเฉียงเขียนรายงานของรัฐบาล เขาแทบจะไม่ใช้สโลแกนเลย เขาแค่ตั้งเป้าหมายแล้วก็ทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น หลายครั้งที่เขาทำมากกว่าเป้าหมายเสียอีก นี่คือวิธีการทำงานของเขา
“แผนยุทธศาสตร์ 168” ของเฝิงหยู่เป็นเพียงแค่สัญญาลมๆ แล้งๆ หรือเปล่า? ตอนนี้พวกเขาอายุเท่าไหร่กันแล้ว? ผู้นำระดับสูงไม่สนใจสโลแกนพวกนี้หรอก!
“เป้าหมายของแผนนี้คือการค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนากลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางให้เป็น บริษัทที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ภายใน 10 ปี เรามุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทแบบอย่างในอุตสาหกรรมการเกษตรสมัยใหม่ของจีนและมีอิทธิพลต่อตลาดต่างประเทศด้วย!”
เอ๊ะ? จางรุ่ยเฉียงก็ยังคงรู้สึกว่าแผนนี้เป็นแค่สโลแกน แต่สโลแกนนี้ก็ฟังดูเหมือนจะเป็นไปได้ หากจัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางขึ้นเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะมีการแข่งขันสูงและแข็งแกร่งมาก ในบรรดาอุตสาหกรรมเกษตรกรรมสมัยใหม่ทั้งประเทศ พวกเขาจะเป็นบริษัทแบบอย่างได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังลังเลเรื่องการมีอิทธิพลในตลาดต่างประเทศ
ไม่ใช่เพราะเขาไม่มั่นใจมากพอ จางรุ่ยเฉียงก็เคยไปประเทศอื่นเพื่อศึกษาดูงาน การพัฒนาด้านเกษตรกรรมของจีนยังห่างไกลจากประเทศอื่นๆ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น
แต่จางรุ่ยเฉียงคิดเกี่ยวกับข้อความนี้ซักพัก ฟังดูแล้วก็น่าจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติจากผู้นำระดับสูง
“การสนับสนุนหลักหกประการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ก็คือ ฐานการเลี้ยงโคนมและสัตว์ปีก ฐานการผลิตข้าว ฐานการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร ฐานการวิจัยการเกษตร” เฝิงหยู่หยุดกะทันหัน
“การสนับสนุนหลักหกประการไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมมีแค่ 4 ล่ะครับ?” เลขาหลิวเงยหน้าขึ้นและถาม “อีกสองประการคืออะไรหรอครับ?”
เฝิงหยู่กำลังคิดอยู่ในใจ อีกสองประการคืออะไรนะ? หากวิทยานิพนธ์สำเร็จการศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยของเขาไม่ใช่เรื่อง <การบริหารจัดการเกษตรกรรมสมัยใหม่> ล่ะก็ เขาก็คงนึกการสนับสนุน 4 ประการแรกไม่ออกเหมือนกัน
แต่ผมเป็นใครล่ะ? อย่าว่าแต่การสนับสนุนหลักอีกแค่ 2 ประการเลย ต่อให้อีก 20 ประการผมก็คิดออกเองได้ เพียงแต่ผมต้องใช้เวลาในการคิดก็เท่านั้นเอง
“ชาหมดแล้วครับ”
“ผู้จัดการเฝิงครับ กรุณาอย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องกลางคันได้มั้ยครับ? คุณพูดเรื่องการสนับสนุนหลัก 6 ประการให้จบก่อนไม่ได้หรอครับ? โอเคๆ…งั้นเดี๋ยวผมรีบไปเอาชามาให้ใหม่นะครับ” เลขาหลิวเดินออกไปจากห้องทำงานพร้อมถ้วยน้ำชาของเฝิงหยู่ และเฝิงหยู่ก็รีบคิดอย่างรวดเร็ว เขายังคงต้องคิดเรื่อง 8 โครงการสำคัญต่ออีกด้วย
“ผู้จัดการเฝิงครับ นี่ชาของคุณ แต่มันก็ยังร้อนมาก คุณพูดเรื่องการสนับสนุนหลัก 6 ประการต่อได้เลยนะครับ? พอคุณพูดจบ ชาคงหายร้อนพอดี” เลขาหลิวกลับมาอย่างรวดเร็ว เขานั่งลงและหยิบปากกาพร้อมจดอย่างกระตือรือร้น
“อีกสองประการก็คือฐานโลจิสติกส์ และฐานเกษตรเชิงนิเวศน์” เฝิงหยู่ประทับใจกับตัวเองที่คิดหาคำตอบได้ ผมนี่ฉลาดจริงๆ
“แล้วโครงการสำคัญ 8 โครงการล่ะครับ?” เลขาหลิวจดบันทึกและถาม
“8 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงอุตสาหกรรมป่าไม้ โครงการฝึกอบรมและการศึกษาของพลเรือนโครงการยกระดับเครื่องจักร……เอ่อ……โครงการยกระดับการแปรรูปอาหาร โครงการยกระดับเมืองขนาดเล็ก โครงการยกระดับโครงการรัฐวิสาหกิจ โครงการใช้ที่ดิน และโครงการเกษตรกรรมขนาดใหญ่ครับ”
เฝิงหยู่นับตัวเลขด้วยมือไปด้วยในขณะที่เขาพูดถึงโครงการสำคัญทั้ง 8 โครงการ ในที่สุดเขาก็นึกทั้ง 8 โครงการออก
“ผู้จัดการเฝิงครับ มีบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ โครงการปรับปรุงอุตสาหกรรมป่าไม้หมายความว่ายังไงครับ?” เลขาหลิวถาม
“ป่าไม้สามารถกลายเป็นอุตสาหกรรมได้ คุณสามารถหาถั่วสนหรือเห็ดจากป่าแล้วเอาไปขายได้ แล้วไม้ล่ะ? ไม้เป็นวัสดุก่อสร้างทั่วไปและยังสามารถนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ด้วย หากรัฐบาลระดับจังหวัดสามารถสร้างแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ได้ล่ะก็ ก็จะสร้างผลกำไรได้เช่นกัน”
เลขาหลิวจดเรื่องวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ลงไปในบันทึกของเขาและถามต่อ “โครงการเกี่ยวกับการฝึกอบรมและการศึกษาของพลเรือนคืออะไรหรอครับ? มันเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางยังไงครับ?”
“เรื่องนี้สำคัญมาก หากพวกคุณกำลังจะปล่อยให้ฟาร์มของรัฐทั้งหมดเข้ามาในบริษัท คุณจำเป็นต้องให้ความรู้แก่เกษตรกร บริษัทควรดูแลเรื่องการให้ความรู้แก่พวกเขา การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาชน ยังมีเกษตรกรหลายคนที่ไม่รู้หนังสือ นอกจากนี้ ยังเป็นนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มระดับการศึกษาของประชาชนด้วย กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบ การดำเนินการทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของเรา!” เฝิงหยู่เริ่มพล่ามไปเรื่อย
แต่จางรุ่ยเฉียงและเลขาหลิวไม่ได้รู้สึกว่าเฝิงหยู่กำลังพูดไร้สาระ ความประทับใจของพวกเขาในตัวเฝิงหยู่ คือคนที่ชอบบริจาคเงินเพื่อการศึกษา
“แล้วโครงการยกระดับเมืองขนาดเล็กคืออะไรครับ? โครงการนี้มีเหตุผลอะไร?”
“ฟังนะครับ จำนวนประชากรที่ฟาร์มของรัฐมีน้อยมาก ที่ดินมีจำนวนมากแต่ประชากรมีเพียง 10,000 ถึง 20,000 คน ฟาร์มของรัฐที่ใหญ่กว่าบางแห่งมีประมาณ 100,000 คนและพวกเขายังแบ่งเป็นกลุ่มย่อยอีก เรารู้กันดีว่าประชากรขนาดเล็กจะจำกัดการเติบโตของเราและจะจัดการได้ยาก แถมยังสิ้นเปลืองทรัพยากรของเราด้วย เราควรรวบรวมทุกคนในฟาร์มและสร้างเมืองทันสมัยขนาดเล็กขึ้นมาให้พวกเขา ใครบอกว่าเกษตรกรไม่สามารถอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์สูงได้? ใครบอกว่าจะมีถนนคอนกรีตในทุ่งนาไม่ได้บ้าง?”
จางรุ่ยเฉียงพยักหน้า นี่เป็นจุดที่ดี รัฐบาลกลางเคยมีข้อเสนอแนะที่คล้ายๆ แบบนี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินในการย้ายถิ่นที่อยู่จำนวนมาก ใครจะเป็นคนจ่ายค่าก่อสร้างล่ะ?
แผนของเฝิงหยู่คือให้กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางรับผิดชอบในเรื่องพวกนี้ในอนาคต แต่ก็จะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายมาก
“คุณจดบันทึกทุกอย่างแล้วใช่มั้ย? พวกคุณสามารถต่อยอดจากประเด็นที่ผมพูดไว้ได้ แต่จำไว้ว่าคุณต้องอธิบายข้อดีให้รายละเอียดมากๆ และหาข้อเสียมาสักหนึ่งหรือสองข้อ เช่น จำนวนเงินลงทุนขั้นต้นสูง เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อเสนอนี้มีแต่ข้อดีอยู่ด้านเดียวมากเกินไป สำหรับส่วนที่เหลือ ผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องสอนคุณทั้งหมด”
เฝิงหยู่หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วจิบชา เขารู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นท่าทีที่จางรุ่ยเฉียงและเลขาหลิวมองเขา ผมเป็นคนเก่ง!