บทที่ 2200+2201

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2200 อยากแยกห้องกับข้าหรือ?

เพียงแต่ ไม่น่าจะเป็นไปได้กระมัง?

ด้วยนิสัยของนาง หากความทรงจำกลับคืนมาแล้วทราบความจริงอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าคงถือกระบี่ไล่สังหารเขาอยู่หลายรอบ…

แต่ตนกับนางประกอบกิจสามีภรรยากันไปแล้ว และนางก็ชอบเขาด้วยใจจริง หลังจากความโกรธของนางผ่านไป น่าจะยอมรับเขาได้กระมัง? ถึงอย่างไรหวงถูผู้นั้นก็สิ้นชีพไปแล้ว ไม่อาจฟื้นคืนชีพมาแย่งชิงคนกับเขาได้อีก…

เมื่อถึงเวลานั้นเขาค่อยๆ ปลอบประโลมนางก็พอ ถึงอย่างไรเขากับนางก็ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน ไม่ต้องกลัวว่าจะโน้มน้าวนางไม่ได้…

อดีตของนางเขาไม่อาจเข้าไปมีส่วนร่วมได้ แต่อนาคตของนางต้องมีเขาอยู่เคียงข้างไปจนถึงที่สุด!

เขาไม่สนใจว่านางจะเคยรักใครมาก่อน สนใจเพียงปัจจุบันของนาง และต้องการเพียงปัจจุบันของนาง

กู้ซีจิ่วเดินกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่ทางไปแหล่งชุมชนทางตอนใต้ของเมือง จึงถามอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง

“นี่พวกเราจะไปไหนกัน?”

“หาสถานที่พักผ่อนไง”

“พวกเราไม่ได้จะไปที่แหล่งชุมชนแห่งนั้นหรอกหรือ?”

กู้ซีจิ่วจำได้ว่าพวกชาวบ้านเหลือห้องพักไว้ให้เธอด้วย

“ที่นั่นใช้ไม่ได้ ข้าไม่ชิน ข้าจะไปหาที่อื่นนอน”

กู้ซีจิ่วนึกถึงกระโจมสีขาวที่งดงามหลังนั้นของเขา

“กระโจมขาวหลังนั้นน่ะหรือ? เจ้าจะไปตั้งที่ไหน?”

“ไม่ใช่ กระโจมขาวหลังนั้นของข้าสะดุดตาเกินไป ตอนนี้ข้าอยากเก็บงำประกาย พวกเราจะไปเช่าโรงเตี๊ยม”

เอาเถอะ เช่าโรงเตี๊ยมก็เช่าโรงเตี๊ยม ด้วยนิสัยจู้จี้จุกจิกของตี้ฝูอี ห้องพักผุพังที่แหล่งชุมชนแห่งนั้นเขาย่อมไม่คุ้นชินอยู่แล้ว…

….

กำแพงขาวพิสุทธิ์ โต๊ะตั่งเก้าอี้หรูหราสะอาดสะอ้าน เตียงนอนสีฟ้าอ่อน…

กล่าวว่าเป็นโรงเตี๊ยม แต่ความจริงแล้วคล้ายเรือนพักส่วนตัวของพวกขุนนางใหญ่ ทุกอย่างที่ประดับตกแต่งอยู่ด้านในล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้แต่ม่านหน้าต่างก็อ่อนนุ่มดุจแพรต่วน สัมผัสแล้วเรียบเนียนอย่างยิ่ง

กู้ซีจิ่วสัมผัสเครื่องนอนที่อ่อนนุ่มอย่างไม่กล้าเชื่อว่าเป็นความจริงอยู่บ้าง

ชุดเครื่องนอนที่นี่ล้วนเป็นของใหม่ทั้งสิ้น ไม่เคยใช้มาก่อน

เอ๊ะ ไม่ถูกสิ!

เช่าโรงเตี๊ยมก็มีค่าใช้จ่ายสูง! โดยเฉพาะห้องเดี่ยวที่คล้ายกับห้องชุดแบบนี้ เกรงว่าจะมีราคาแพงลิบลิ่ว เขาไปเอาสกุลเงินลั่วฮวามาจากไหน?

กู้ซีจิ่เอ่ยข้อสงสัยของตนออกมา

ตี้ฝูอีดึงเธอไปนั่งลงหน้าโต๊ะ เทนมร้อนควันฉุยถ้วยหนึ่งให้เธอ

“โรงเตี๊ยมแห่งนี้สหายใหม่ที่ข้าเพิ่งรู้จักเป็นผู้เปิด ตราบเท่าที่เรายังอยู่ในเมืองลั่วฮวาแห่งนี้ สามารถพักที่นี่ได้เสมอ ไม่ต้องจ่ายเงิน”

กู้ซีจิ่วตะลึง เขาออกไปตระเวนไม่ถึงสองชั่วยาม ก็รู้จักกับสหายที่ใจกว้างซ้ำยังมั่งมีแล้วหรือ?

ตลอดทางที่เธอเดินผ่านมาก่อนหน้านี้ ทำให้ทราบว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในย่านชุมชน ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ เมื่อมองจากด้านนอก โรงเตี๊ยมแห่งนี้ดูธรรมดาไม่โดดเด่น กลับนึกไม่ถึงเลยว่าด้านในจะตกแต่งไว้อย่างมีระดับเช่นนี้

เถ้าแก่ผู้นั้นเมื่อครู่เธอก็ได้ทักทายแล้ว เป็นบัณฑิตผู้สุภาพอ่อนน้อมคนหนึ่ง ทุกอากัปกริยาแฝงกลิ่นอายความมีการศึกษาเอาไว้ เสมือนทายาทตระกูลผู้ดีมีศักดิ์

เดิมทีกู้ซีจิ่วนึกว่าเจ้าของร้านค้าทั้งหมดในเมืองนี้ล้วนแต่หน้าเนื้อใจเสือ เหี้ยมหาญต่ำช้าเหมือนเจ้าเมืองทั้งสิ้น กลับนึกไม่ถึงว่ายังมีคนดีอยู่

ดูเหมือนในเมืองลั่วฮวาแห่งนี้จะยังมีคนดีมีคุณธรรมอยู่ไม่น้อยเลย

เธอใคร่ครวญไปพลาง ดื่มนมวัวในมือไปพลาง ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเธอก็ดื่มจนหมดถ้วยแล้ว

ตี้ฝูอีหยิบถ้วยมาจากมือเธอ

“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว พวกเราพักผ่อนกันเร็วหน่อยเถอะ เจ้าไปอาบน้ำเถิด”

ภายในห้องนี้มีห้องอาบน้ำอยู่ ด้านในมีอ่างใหญ่ใบหนึ่ง ในอ่างเติมน้ำร้อนไว้แล้ว รอเพียงคนมาอาบเท่านั้น

ในที่สุดสติกู้ซีจิ่วก็กลับเข้าร่างแล้ว

ช้าก่อน เธอกับเขายังไม่ได้แต่งงานกันใช่ไหม? แล้วจะอยู่ร่วมห้องกันเช่นนี้น่ะหรือ?!

เธอลุกขึ้นมา ตัดสินใจจะสงวนเนื้อสงวนตัวเสียหน่อย

“ข้าไม่ต้องนอนที่นี่ก็ได้กระมัง? ข้ากลับไปที่แหล่งชุมชนได้ ที่นั่นมีห้องพักสำหรับข้าอยู่…”

ตี้ฝูอีคว้าข้อมือเธอไว้ทันที มองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม

“อยากแยกห้องกับข้าหรือ?”

————————————————————————————-

บทที่ 2201 เจ้าล่อนจ้อนแล้ว

ฝ่ามือของเขาอบอุ่นทรงพลัง นัยน์ตาดุจคลื่นสมุทร ราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ลึกลงไปในดวงตา

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรง

เธอกับตี้ฝูอีเคยแนบชิดกันเพียงครั้งนั้น ต่อมาก็วิ่งวุ่นหัวหมุนกันอยู่ตลอด ถึงแม้จะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่เสมอ ทว่าไม่ได้แนบชิดกันอีกเลย

ยามนี้เจตนาของตี้ฝูอีชัดเจนยิ่งนัก ทว่าจู่ๆ เธอก็ขยาดอยู่บ้าง…

คืนนั้นเธอค่อนข้างเจ็บจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งสอดประสานกันครานั้น ยิ่งเจ็บปวดเป็นที่สุด ซ้ำความรู้สึกระหว่างที่กระทำยังประหลาดเกินไปด้วย! ใจสั่น ไม่อาจควบคุมได้ มีความปรารถนามหาศาล…

เธอไม่ชอบความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะในสภาวะที่สูญเสียความทรงจำไป มีความรู้สึกไม่แน่นอนเหมือนเหยียบย่างอยู่บนความว่างเปล่า

“ข้า…”

ภายใต้สายตาของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้นเสียขึ้นมาวูบหนึ่ง!

“เด็กดี ไปอาบน้ำเถอะ วิ่งวุ่นมาทั้งวัน เจ้าเหม็นไปหมดแล้ว”

ตี้ฝูอียกมือลูบผมนาง

กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย

“…ชิ ข้าไม่เหม็นนะ! ข้าว่าเจ้าน่ะสิที่เหม็นโฉ่”

จงใจซุกไหล่เขาแล้วดมดู

“อื้ม เหม็นโฉ่แล้ว!”

ตี้ฝูอีจึงลากเธอไปที่ห้องอาบน้ำ

“เช่นนั้นพวกเราอาบน้ำด้วยกันเถิด จะได้หอมกรุ่นทั้งคู่”

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงกว่าเดิม ยื่นแขนตนรั้งไว้ด้านนอก

“ข้าไม่อาบกับเจ้าหรอก! เจ้าเป็นพวกหน้าหม้อหรือไง?”

ตี้ฝูอีหันขวับมาทันที มองดูนาง

“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? หน้าหม้อ? คำนี้เจ้าไปเรียนมาจากใคร?”

คำนี้คล้ายเป็นศัพท์ในยุคปัจจุบัน เหตุใดนางจึงโพล่งออกมา?

กู้ซีจิ่วก็ผงะไปแวบหนึ่ง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีคำนี้ผุดออกมา…

ดูเหมือนจะแวบขึ้นมาในสมองเอง

ระยะนี้ในสมองเธอมักจะมีบางสิ่งแวบเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่สิ่งเหล่านั้นประหนึ่งดาวตก เธอยังไม่ทันได้มองให้ชัดถนัดตา ก็เลือนหายไปเสียแล้ว

เมื่อได้ยินคำถามนี้ของตี้ฝูอี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วใคร่ครวญ

เบื้องหน้าพลันมีฉากหนึ่งปรากฏขึ้นมา…

เด็กชายตัวน้อยที่ราวกับรูปสลักหยกผ่องแผ้วคนหนึ่งอยู่ในสภาพน่าอดสู บนกายเหลือเพียงเอี๊ยมผืนหนึ่งที่ปิดหน้าท้องเขาได้ไม่มิด

“ที่แท้เจ้าเป็นสตรี!”

คนชุดดำหน้ากากผีผู้หนึ่งกวาดตามองร่างเด็กชายคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเตือนเขาอย่างสุภาพยิ่งนัก

“เจ้าล่อนจ้อนแล้ว!”

เด็กชายตัวน้อยก้มหน้าลงทันที คล้ายเพิ่งรู้สึกว่าตนเปลือยเปล่าแล้ว ดวงหน้าเล็กๆ แดงก่ำ

“เจ้า หน้าหม้อ!”

….

ฉากนี้วาบผ่านเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว เธอใจเต้นแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังมองให้ชัดๆ หน่อย เมื่อเงยหน้าขึ้น จู่ๆ ก็พบว่าตนยืนอยู่ในห้องอาบน้ำแล้ว…

มือตี้ฝูอีปลดสาบเสื้อเธอแล้ว กำลังถอดชุดของเธอออกช้าๆ…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรง รีบตะครุบมือเขา

“เจ้าทำอะไร?”

“เจ้าด่าว่าข้าหน้าหม้อมิใช่หรือ? ข้ากำลังจะหน้าหม้อให้เจ้าดูไง”

ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้ม

“เจ้าอยากถอดเอง? หรือว่าให้ข้าถอดให้เจ้าล่ะ?”

ยามนี้เขาไม่เข้าใจความรู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนของกู้ซีจิ่ว เห็นนางเป็นเช่นนี้ ยังนึกว่าเป็นเพราะนางขวยอายจึงปฏิเสธครึ่งเชิญชวนครึ่ง

เรื่องบางอย่างพอได้เริ่มขึ้นหนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นเมื่อมีโอกาสอีกก็จะกำเริบเสิบสานขึ้นมา

นับตั้งแต่ได้มีครั้งแรกกับนาง เขาได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว ย่อมปรารถนาจะร่วมรักกับนางอีกยิ่งนัก ประกอบกิจสามีภรรยาที่สุดแสนลึกซึ้ง

ครั้งแรกนางกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนั้น เขาหลงนึกว่านางเป็นสตรีที่แกร่งกล้าในเรื่องนี้ยิ่งนัก ที่แท้นางก็มีช่วงเวลาที่เขินอายเช่นนี้อยุ่เหมือนกัน…

จิตใจเขาเตลิดแล้ว กึ่งจะโอบนางไว้ในอ้อมแขน

“บางทีเจ้าอาจชอบที่ข้าถอดให้เจ้ามากกว่ากระมัง?”

กู้ซีจิ่วหน้าแดงแล้ว!

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนผู้นี้จะหน้าหนาถึงเพียงนี้ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดหน้าเธอ ทำให้ดวงหน้าเธอร้อนผ่าวไปครึ่งซีก

เธอถอยหลังก้าวหนึ่ง เบื้องหน้าพลันปรากฏฉากหนึ่งขึ้นมารางๆ

———————————————