ส่วนที่ 4 ตอนที่ 148 กาแฟเค็ม

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีที่กำลังหยิบถ้วยชามาชง เมื่อได้ยินจึงถามขึ้นว่า “แต่ว่าอะไร?”

 

 

“แต่ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร แม้ว่าเขาจะหน้าตาไม่เลวก็ตาม!” จ่านมู่ฮวาพูดปนแกล้ง

 

 

เมื่อซีเหมินจินเหลียนชงชาเสร็จ สองมือของเธอก็กุมแก้วก่อนจะยกขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก ไม่ได้สนใจจ่านมู่ฮวาแม้แต่น้อย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา จ่านมู่ฮวาทำได้แค่ยิ้มและหยิบแก้วชาที่ด้านหน้าเธอดื่มไปอึกใหญ่พร้อมพูดว่า “คุณจะไปหยางโจวเมื่อไหร่”

 

 

“บ่ายนี้” ซีเหมินจินเหลียนเห็นว่าถ้วยชาของตัวเองถูกจ่านมู่ฮวาแย่งไปดื่มแล้ว เธอก็ย่อมไม่ดื่มต่อแน่ อืม…อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากกินกาแฟขึ้นมา ช่วงหลายวันมานี้จ่านป๋ายไม่อยู่บ้าน เขาไม่ได้ทำกาแฟให้เธอดื่ม เมื่อก่อนที่เธอดื่มกาแฟ เธอก็กินแต่กาแฟชงสำเร็จรูป

 

 

อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เธอก็ลุกขึ้นไปหากาแฟกินดีกว่า น่าจะยังมีอยู่ใช่ไหมนะ?

 

 

“ตอนบ่ายคุณจะขับรถไปเอง หรือว่าไปยังไง” จ่านมู่ฮวาถาม

 

 

“ฉันจะไปกับหมอมองโกลคนนั้น หืม…เหมือนฉันจำได้ว่ายังมีกาแฟอยู่นะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ครั้งก่อนที่ซื้อมาเธอจำได้ว่ายังกินไม่หมดนี่นา?

 

 

“นี่ไม่ใช่เมล็ดกาแฟหรอกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปกับสวี่อี้หราน? และชี้ไปทางเมล็ดกาแฟ

 

 

“ฉันทำไม่เป็นหรอก เมื่อก่อนเสี่ยวป๋ายเป็นคนทำให้ ฉันดื่มแต่กาแฟสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอธิบายขึ้น

 

 

จ่านมู่ฮวายิ้มออกมาน้อย เด็กโง่ชงกาแฟไม่เป็น จากนั้นเขาก็หยิบเมล็ดกาแฟเดินไปที่ห้องครัว

 

 

“คุณชงเป็นด้วยเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนเดินตามเข้าไปในห้องครัว “คุณห้ามทำห้องครัวฉันระเบิดนะ ฉันก็ไม่ไหวใจฝีมือการเข้าครัวของคุณเลย!”

 

 

“ก็แค่ชงกาแฟไม่ใช่เหรอไง? เรื่องยากอะไรกัน!” จ่านมู่ฮวาพูดจบก็หยิบหม้อใส่น้ำเพื่อต้มกาแฟ ปากก็ถามออกไปว่า “ทำไมคุณถึงไปกับหมอมองโกลคนนั้น”

 

 

“เขากำลังจะไปหยางโจวพอดี ก็แค่นั้น!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอธิบาย “เขาขับรถไป ฉันไม่รู้จักเส้นทาง จริงสิ บ้านเขาทำธุรกิจอะไรเหรอ”

 

 

“ธุรกิจอะไรที่ทำเงินได้ก็ทำอย่างนั้นล่ะ” จ่านมู่ฮวาพูด

 

 

“ธุรกิจครอบครัว?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “เหมือนกับคุณน่ะเหรอ”

 

 

“อืม คงจะอย่างนั้น” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าพูด

 

 

“ตระกูลคุณกับตระกูลเขาเทียบกันแล้วเป็นอย่างไร” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย

 

 

“เรื่องนี้เทียบกันไม่ได้หรอก” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วพูด “แม้ตระกูลเขาจะเป็นตระกูลเก่าแก่ แต่ธุรกิจแพร่หลายไปทั่วโลก ของที่มีก็มีแล้ว แต่ตระกูลของพวกเขาค่อนข้างถ่อมตัว…”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ตระกูลร่ำรวยที่ถ่อมตัว ไม่น่าล่ะ เลยมีลูกหลายเป็นคนประหลาดอย่างสวี่อี้หราน

 

 

“เมื่อวานฉินเฮ่าก็ไปหยางโจวแล้ว” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณก็นำไปก่อนเถอะ พอผมจัดการธุระในเมืองเซี่ยงไฮ้เสร็จแล้วค่อยตามไป”

 

 

“คุณจะไปหยางโจวอีกทำไม” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“ใครๆ ก็ต้องการหินปิดฟ้าทั้งนั้น รวมถึงผมด้วย…ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลอง” จ่านมู่ฮวาพูดตามตรง “นอกจากนี้ ผมก็รู้ว่าคุณไม่เชื่อใจผม”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนทำได้เพียงแค่ยิ้ม ถึงเชื่อใจแล้วอย่างไร ไม่เชื่อใจแล้วจะอย่างไร? พวกเขาก็แค่ร่วมมือกันเท่านั้น แม้กระทั่งอาจจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นเพื่อนกันเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครที่ร่วมมือกันและเชื่อใจทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก

 

 

“คุณเคยบอกว่า งานเดิมพันใหญ่จะทำให้ฉันได้ของเดิมพัน แล้วตอนนี้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันอยากรู้มาตลอดว่าถ้าหากวันนั้นคนที่แพ้คือฉัน คุณจะให้ฉันจ่ายเดิมพันหรือเปล่า? แพ้แล้วต้องเพิกเฉยหรือว่านี่จะเป็นสไตล์ของพวกคุณ?”

 

 

“คงไม่ใช่ว่าคุณอยากได้ดวงตาของคุณนายซูจริงๆ หรอกใช่ไหม? เงินที่เหลือผมก็ให้คุณไปไม่น้อยเลยนะ” จ่านมู่ฮวายิ้มออกมาบางๆ เรื่องบางเรื่องไม่อาจจะเร่งรัดได้ เช่นเดียวกับหมาที่เร่งรีบไปก็ไม่สามารถกระโดดกำแพงได้ บางครั้งชีวิตเราก็ราวกับกบใส่ในน้ำเดือด ค่อยๆ ต้มไปช้าๆ ก็จะไม่รับรู้ถึงอันตรายจนสุกตายไป

 

 

“ที่ฉันหมายถึงก็คือหุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์!” ซีเหมินจินเหลียนใช้จมูกดมฟุดฟิด กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟตลบอบอวลไปทั่ว แต่ขาดความรู้สึกอีกอย่าง คนต่างกัน กาแฟที่ชงออกมาก็ไม่เหมือนกัน หัวข้อสนทนายิ่งไปไม่ถูกกว่าเดิม

 

 

แม้ว่ารายชื่อของหุ้นส่วนในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะมีการโอนเข้ามาแล้ว แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ยังดูไม่ออกถึงประโยชน์ที่เธอจะได้รับ จนอยากจะนำหุ้นของบริษัทขายทิ้งและเปลี่ยนเป็นเงินสดแทนเสีย อย่างน้อยไปลงทุนธุรกิจอย่างอื่นก็คงไม่เงียบฉี่ไม่ขยับไปไหนแบบนี้

 

 

แต่หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ตอนนั้นพูดไว้ดิบดีว่าจะแบ่งกับจ่านมู่ฮวาคนละครึ่ง ตอนนี้ถูกจ่านมู่ฮวาเก็บครอบครองเอาไว้ทั้งหมด ไม่ได้โอนมาเป็นชื่อของเธอ เธออยากจะขายก็ขายไม่ได้ ส่วนความตั้งใจของจ่านมู่ฮวาก็ง่ายมาก เขาอยากจะควบคุมบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ไม่เพียงแต่ไม่เตรียมจะขาย บางทีอาจจะอยากซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ

 

 

ความเห็นของทั้งคู่ต่างกัน ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ขาดแคลนเงินและไม่ได้รีบร้อน เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจ่านมู่ฮวาถึงอยากจะครอบครองหุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่นัก? อีกทั้งจ่านมู่ฮวายังไม่ซื้อหุ้นในมือเธอไปอีก นี่มันออกแรงน้อยแต่ได้ผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำนี่นา

 

 

ถึงซีเหมินจินเหลียนจะโง่กว่านี้ นิสัยดีกว่านี้ ก็เข้าใจว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดี จนถึงตอนนี้เขายังกล้าพูดว่า…เธอไม่เชื่อใจเขา?

 

 

“จินเหลียน ถึงตอนนี้คุณจะเข้าใจผมผิดก็ไม่เป็นไร ผมรับรอง ให้เวลาผมหนึ่งปี ผมจะเพิ่มมูลค่าของหุ้นในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ธุรกิจที่ทำเงินผมไม่เคยพลาดอยู่แล้ว” จ่านมู่ฮวายิ้ม

 

 

“ยังไงฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน แล้วแต่คุณเถอะ แต่ทางที่ดีอย่ามาหลอกฉันแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็เดินไปที่ด้านในห้องรับแขก ไม่ไปคอยจับตามองเขาให้อึดอัดในห้องครัวอีก

 

 

“ผมจะหลอกคุณได้ยังไงกัน?” จ่านมู่ฮวาพูดเสียงดัง

 

 

“เหอะ!” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่

 

 

ในห้องครัว จ่านมู่ฮวาตะโกนถามเสียงดังขึ้นว่า “กาแฟใส่น้ำตาลไหม”

 

 

“ใส่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

ไม่นานจ่านมู่ฮวาก็ยกกาแฟออกมาสองแก้ว ก่อนจะส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนรับมาและถือไว้ที่ระดับจมูกเพื่อสูดดมกลิ่น กลิ่นพอใช้ได้ เหมือนกับที่จ่านป๋ายเคยชงไว้ให้เธอ จากนั้นก็ลองดื่มเข้าไป แต่เพียงไม่นานคิ้วงามของเธอก็ขมวดขึ้น พร้อมพุ่งพรวดวิ่งไปทางห้องน้ำ

 

 

“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดจบก็ยกดื่มตามไปหนึ่งอึก ก็ใช้ได้นี่ ถึงจะไม่เหมือนมืออาชีพตามร้านกาแฟ แต่อย่างน้อยก็พอดื่มได้ เขาก็เพิ่งชงครั้งแรกนี่น่า? ถึงจะไม่อร่อย แต่อย่างน้อยก็ควรจะไว้หน้ากันบ้างสิ

 

 

ไม่นานซีเหมินจินเหลียนก็ออกมาจากห้องน้ำ และถามจ่านมู่ฮวาว่า “กาแฟของคุณไม่ได้ใส่น้ำตาล?”

 

 

“ใช่ ผมชอบกินกาแฟดำน่ะ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ยกแก้วกาแฟของตัวเองที่กินแล้วยื่นไปให้จ่านมู่ฮวาและพูดขึ้นว่า “คุณดื่มเองเถอะ เสียดายของ!”

 

 

จ่านมู่ฮวารับแก้วกาแฟมา มองไปที่การกระทำของซีเหมินจินเหลียนและรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาคงไม่ได้ใส่อะไรผิดไปใช่ไหมนะ? อย่างน้อยๆ เขาคงไม่ได้เอาสารหนูมาทำอาหารใช่ไหม แน่นอนห้องครัวของซีเหมินจินเหลียนไม่มีสารหนู…

 

 

เมื่อจ้องมองดวงตากลมโตของซีเหมินจินเหลียน เขาก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่จ่านมู่ฮวาก็ยกกาแฟขึ้นมาและดื่มไปอึกใหญ่ และนั่นก็เกือบจะทำให้เขาแทบจะสำลักออกมาในทันที

 

 

“จินเหลียน ผมไม่ได้ตั้งใจ!” จ่านมู่ฮวาสีหน้าเหยเก

 

 

“คุณแยกเกลือกับน้ำตาลไม่ออกหรือไง?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจฟึดฟัด

 

 

จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า ชงกาแฟแน่นอนว่าต้องมีน้ำตาลโดยเฉพาะของมัน แต่เขาไม่ใช่จ่านป๋ายที่จะรู้ว่าน้ำตาลวางอยู่ที่ไหน และเขาก็ไม่ใช่หลินเสวียนหลานที่จะแยกความแตกต่างออกระหว่างเกลือกับน้ำตาลได้ ดังนั้นจึงแค่อยากใช้น้ำตาลทำกับข้าวมาแทนน้ำตาลก้อนก็เท่านั้น…

 

 

จากนั้นผู้ชายที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนก็ได้เห็นเกลือเป็นน้ำตาลไปแล้ว!

 

 

“ในที่สุดฉันก็ได้ดื่มกาแฟแปลกใหม่ในจีนสักที” ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่แก้วกาแฟเค็มแก้วนั้นด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี

 

 

จ่านมู่ฮวาหยิบโทรศัพท์โทรออก

 

 

“คุณลุงเฉิน ผมจ่านมู่ฮวา คืนนี้มอบกาแฟเค็มทั้งหมดกับแขกในคลับหยกคนละแก้วฟรี!” จ่านมู่ฮวาพูดกำชับในโทรศัพท์ และไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับเขาก็วางสายไปก่อนแล้ว

 

 

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนด่าอีกครั้ง ให้กาแฟเค็มกับแขกในคลับหยกคนละแก้ว เขาคิดได้อย่างไร

 

 

“นี่เป็นวันที่น่าจดจำและมีความหมายขนาดไหนรู้ไหม?” จ่านมู่ฮวาพูด “มีความสุขอยู่ลำพังสู้กับให้ทุกคนได้สุขด้วยกันไม่ได้หรอก คุณก็รู้ว่าผมจีบคุณอยู่”

 

 

“คุณมาหาฉัน คงจะไม่ใช่แค่จะมาชงกาแฟให้หรอกใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

จ่านมู่ฮวามองไปที่กาแฟเค็มแก้วนั้นและลอบถอนหายใจพูดขึ้น “ชีวิตคนเราบางครั้งก็เหมือนกาแฟเค็ม ไม่ระวังจนใส่เครื่องปรุงผิด ส่วนผมก็ไม่ระวังจนตกหลุมพลาง…เมื่อคืนคุณนายซูนัดผม!”

 

 

“คุณจะนัดกับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉัน!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าก่อนพูดขึ้น

 

 

“คดีปล้นในงานนิทรรศการครั้งนี้…” จ่านมู่ฮวาถามหยั่งเชิง

 

 

“ได้ยินมาว่าตำรวจไขคดีและยึดของกลางได้แล้ว ยินดีด้วย!” ซีเหมินจินเหลียนเก็บอาการไว้และยิ้มออกมา

 

 

“จินเหลียน คุณคิดผิดแล้ว” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้าพูดขึ้น “ใครๆ ก็รู้ว่าที่ตำรวจปิดคดีได้ เป็นเพียงแค่เค้าลางภายนอก แต่ความจริงอัญมณีจริงๆ คงตกไปเป็นของสะสมส่วนตัวของใครแล้วก็ได้?”

 

 

“คุณไปรับตำแหน่งตำรวจตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซีเหมินจินเหลียนม้วนผมยาวที่อยู่ตรงหน้าหน้าอก พร้อมแสยะยิ้มพูดขึ้น “หรือว่าคุณก็เหมือนกับผู้บังคับบัญชาเลี่ยวก่วงคนนั้นที่ว่างมากเกินไป?”

 

 

“หลายปีมานี้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่กับคลับลับแห่งหนึ่งมีความสัมพันธ์กันมาโดยตลอด คลับลับนี้มีอยู่ทั่วโลกทั่วทุกที่ มีหน้าที่เพื่อเสาะหาอัญมณี แน่นอนว่าไม่ได้ตามหาแค่ง่ายๆ เท่านั้น เรื่องลักลอบขโมยของจึงมีให้เห็นเป็นธรรมดา ส่วนบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ก็เป็นช่องทางของโจรที่ดีที่สุด แต่ช่วงนี้คลับลึกลับนี้เหมือนจะมีปัญหากับบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่” จ่านมู่ฮวาพูด

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนตั้งใจส่งเสียง “โอ้” ออกมา จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

 

 

จ่านมู่ฮวามองไปที่เธอและพูดต่อว่า “เพราะอย่างนั้นคลับนี้คงมีเจตนาที่สร้างคดีปล้น! แถมคลับนี้อาจจะมีความสัมพันธ์กับคุณเฉาที่หยางโจว ช่วงนี้คุณเฉาต้องการเงินสดก้อนใหญ่อย่างเร่งด่วน บริษัทหมิงฮุยคงให้ไม่ได้ คลับลับนี้จึงปล้นอัญมณีของพวกเขา จากนั้น…เปลี่ยนอัญมณีเป็นเงิน ก็ต้องหาลูกค้ารายใหญ่เพื่อขายของโจรถูกไหม?”

 

 

“ใช่” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ที่คุณคิดก็สมเหตุสมผลดี ที่แท้ก็มีสัญชาตญาณความเป็นตำรวจอาชญากรรมแล้ว”

 

 

“เดิมทีคดีนี้ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกี่ยวโยงไปถึงคุณ แต่การตายของหวังหมิงเหยา…เป็นพิรุธอย่างหนึ่งของคดีนี้” จ่านมู่ฮวายิ้ม