EG บทที่ 732 การสอบวิทยานิพนธ์

 

วันนี้เป็นวันสอบวิทยานิพนธ์ในห้องเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

 

หัวหน้าคณะและอาจารย์สองคนนั่งอยู่หลังโต๊ะยาว แต่ละคนมีวิทยานิพนธ์วางอยู่ตรงหน้าพวกเขา นักศึกษาที่ดูมีความมั่นใจคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา ข้างหลังเขามีนักศึกษาที่ดูตื่นเต้นสองสามคนนั่งเรียงเป็นแถว

 

“ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย” หัวหน้าคณะกล่าว

 

“เรียนอาจารย์และนักศึกษา ผม เฝิงหยู่จากคณะบริหาร รุ่น 91 ผมดีใจที่ได้มาที่นี่เพื่อสอบวิทยานิพนธ์ ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะได้ประโยชน์อะไรไปบ้างจากเซสชั่นของผม”

 

นักศึกษาคนอื่นๆ ที่กำลังรอคิวตัวเองกำลังซุบซิบกัน เฝิงหยู่คนนี้ดูอวดดีมาก พวกเราทุกคนจะเริ่มต้นประโยคด้วยการพูดว่า หวังว่าอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆ จะพอใจกับคำตอบของเรา ถ้าพูดอะไรก็ตามในทำนองนี้เท่ากับว่าเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตในมหาวิทยาลัยของเราทันที เฝิงหยู่คนนี้ช่างกล้าที่อ้างว่าเขาต้องการให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากวิทยานิพนธ์ของเขา เขาคิดว่าอาจารย์สามารถเรียนรู้อะไรจากเขาได้งั้นหรอ?

 

ทั้งมหาวิทยาลัยรู้ว่าเฝิงหยู่นั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาสามารถที่จะซื้ออพาร์ทเม้นท์นอกมหาวิทยาลัยได้ แม้แต่อาจารย์ที่ได้รับเงินเดือนสูงบางคนในมหาวิทยาลัยยังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลย แต่เฝิงหยู่กลับขับรถไปมหาวิทยาลัย ที่สำคัญรถของเฝิงหยู่มีราคาแพงมาก พวกเขาได้ยินมาว่ารถของเขามีมูลค่าหลายแสน แต่ต่อมาเขาเปลี่ยนเป็นรถซ่งเจียง ซึ่งเป็นรุ่นที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นั่งทั้งหมดทำจากหนังแท้

 

มีข่าวลือว่าอาจารย์ใหญ่และพนักงานทุกคนของมหาวิทยาลัยสนิทกับเฝิงหยู่ เขาสามารถโดดเรียนเมื่อไหร่ก็ได้แถมไม่ต้องมาเรียนซ้ำอีกด้วย!

 

นักศึกษาทุกคนยังงงด้วยว่าเฝิงหยู่ได้เป็นหนึ่งในนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ยังไง นักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นอยู่ได้เพียง 6 เดือน แต่เฝิงหยู่สามารถอยู่ที่นั่นได้ 1 ปี!

 

แม้ว่าคุณจะมีเส้นสายและคนหนุนหลังที่มีอำนาจมาก แต่คุณก็ควรรู้สถานะของคุณ คุณจะมาพูดราวกับว่าตัวเองกำลังจะสอนหนังสือให้พวกอาจารย์ได้ยังไง

 

หากอาจารย์รู้สึกโกรธขึ้นมา พวกเขาจะทำให้คุณสอบไม่ผ่าน และคุณต้องกลับไปทำใหม่ซ้ำอีกครั้ง! ฉันล่ะอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

นอกจากนี้ คุณยังไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ กับหน่วยงานไหนเลย พวกเราทุกคนเข้ารับราชการกันหมดแล้ว รัฐบาลอาจยุติการมอบหมายงานในตอนนี้ แต่นั่นก็สำหรับมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้นแตกต่างกัน หน่วยงานของรัฐจะยังคงมาที่นี่เพื่อรับสมัครนักศึกษาที่เรียนจบและยังไม่ได้ศึกษาต่อ

 

มีนักศึกษาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้เข้ารับราชการ นักศึกษาพวกนี้จะไปทำงานในภาคเอกชน พวกเขาได้ยินมาว่าภาคเอกชนจ่ายเงินให้พนักงานดีมาก พวกเขาสามารถรับเงินเดือนได้สูงถึง 1,000 หยวนต่อเดือน!

 

“สิ่งที่ผมพูดคือบทสรุปของวิทยานิพนธ์ของผมครับ ผมยินดีรับฟังคำถามที่เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ของผม มีมั้ยครับ?”

 

เฝิงหยู่ไม่ได้ดูสคริปต์ของเขาในช่วง 20 นาทีที่ผ่านมา เขาสามารถสรุปวิทยานิพนธ์ของเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งสร้างแรงกดดันให้นักศึกษาคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก ขนาดเวลานักศึกษาดูสคริปต์ พวกเขายังพูดติดอ่างอยู่ดี

 

แต่การบอกอาจารย์ว่าคุณยินดีรับฟังคำถามนั้นดูเหมือนจะมากเกินไป นักศึกษาคนก่อนหน้าเฝิงหยู่ก็พูดในแบบเดียวกันและก็โดนด่าเรียบร้อย

 

เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอาจารย์ไม่ถามสักคำ? พวกเขากำลังคุยกันเองเรื่องวิทยานิพนธ์หรือเปล่า? วิทยานิพนธ์ของเขามีปัญหาหรอ? อาจารย์น่าจะเคยเห็นวิทยานิพนธ์ของเขามาก่อน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

หัวหน้าคณะมองไปที่เฝิงหยู่ “เฝิงหยู่ ผมจำได้ว่าคุณเป็นนักศึกษาที่เข้ามหาวิทยาลัยได้โดยตรงเลยใช่มั้ย? คุณยังเคยได้เข้าร่วมค่ายฤดูร้อนที่มอสโกด้วย และคุณก็ประทับใจกับภาษารัสเซียมาก ข้อกำหนดสำหรับวิทยานิพนธ์ของคุณคือการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ แต่คุณเลือกที่จะแปลเป็นภาษาต่างประเทศ 2 ภาษา ซึ่งก็คือรัสเซียและอังกฤษ คุณเก่งภาษาต่างประเทศทั้งสองภาษานี้เลยหรอ?”

 

นักศึกษาคนอื่นๆ ตกตะลึงมาก นี่มันคำถามอะไรกัน? นี่มันคือเซสชั่นการสอบวิทยานิพนธ์ ก็ควรจะถามคำถามที่เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ไม่ใช่หรอ? ทำไมเป็นคำถามเกี่ยวกับภาษาล่ะ?

 

นอกจากนี้ เฝิงหยู่นี้ยังได้แปลวิทยานิพนธ์ของเขาเป็นภาษาต่างประเทศอีกสองภาษาด้วยหรอ? เขาพยายามอวดฉลาดงั้นหรอ? จากนิสัยที่เข้มงวดของหัวหน้าคณะ เฝิงหยู่น่าจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ!

 

“ใช่แล้วครับ ผมสามารถใช้ภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษเพื่อสอบวิทยานิพนธ์ของผมได้” เฝิงหยู่ตอบอย่างภาคภูมิใจ

 

เฝิงหยู่เขียนวิทยานิพนธ์นี้เอง เขายังใช้พจนานุกรมศัพท์เฉพาะเพื่อตรวจสอบคำศัพท์ด้วย เขาเข้าใจทุกคำในวิทยานิพนธ์และไม่มีปัญหาในการใช้คำพวกนั้นในการสนทนา สำหรับเฝิงหยู่แล้ว การสอบวิทยานิพนธ์แบบปากเปล่านั้นง่ายกว่าการเขียนวิทยานิพนธ์เยอะมาก

 

เมื่อนักศึกษาคนอื่นได้ยินคำตอบของเฝิงหยู่ พวกเขาก็เริ่มซุบซิบกันเอง เฝิงหยู่อวดดีมากไปแล้ว เขาต้องการสอบวิทยานิพนธ์โดยใช้สองภาษางั้นหรอ?!

 

แต่คราวนี้เฝิงหยู่น่าจะมีปัญหา ศาสตราจารย์นูและศาสตราจารย์ฮวางเก่งภาษาต่างประเทศ หนึ่งในนั้นรู้จักภาษาอังกฤษและอีกคนก็รู้จักภาษารัสเซีย เฝิงหยู่คนนี้จะต้องทำการสอบวิทยานิพนธ์อีกรอบแน่ๆ!

 

ศาสตราจารย์นูถามคำถามสองข้อเป็นภาษาอังกฤษและเฝิงหยู่ก็ตอบได้อย่างง่ายดาย นักศึกษาคนอื่นๆ ได้ยินสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของเฝิงหยู่อย่างคล่องแคล่ว และพวกเขาก็รู้สึกอาย หลายคนต้องการศึกษาต่อในต่างประเทศ แต่พวกเขาไม่เก่งภาษาต่างประเทศ

 

เมื่อศาสตราจารย์ฮวางถามเฝิงหยู่เป็นภาษารัสเซีย เฝิงหยู่ก็สามารถตอบเขาด้วยภาษารัสเซียที่สมบูรณ์แบบได้ คำถามที่อาจารย์ทั้งสองถามนั้นไม่ใช่เรื่องยากและ เฝิงหยู่ก็รู้คำตอบ

 

“เงียบๆ กันหน่อย! ไม่เห็นหรอว่ากำลังสอบวิทยานิพนธ์กับนักศึกษาคนนี้อยู่ ทำไมพวกคุณไม่ไปคุยกันที่อื่น?” หัวหน้าคณะตะโกนและกระแทกโต๊ะ นักศึกษพวกนี้ไร้ระเบียบวินัยจริงๆ พวกเขาจะทำงานได้ดีในอนาคตได้ยังไง?

 

นักศึกษาคนอื่นๆ พากันเงียบและก้มหน้าลง หากหัวหน้าคณะเป็นคนให้คะแนนพวกเขา คราวนี้ต้องเป็นจุดจบของการสอบวิทยานิพนธ์ของพวกเขาแน่ๆ

 

หากพวกเขาสอบวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน พวกเขาจะไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นหลายกรณีแล้วในอดีต

 

หัวหน้าคณะยังถามคำถามเฝิงหยู่อีกสองสามข้อ คำถามบางเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีและบางคำถามก็เกี่ยวกับวิธีการทำวิทยานิพนธ์ของเขา ยังมีคำถามอีกข้อหนึ่งที่ถามเกี่ยวกับรายละเอียดของวิทยานิพนธ์ แต่เฝิงหยู่ก็สามารถตอบคำถามพวกนี้ได้ดี

 

เฝิงหยู่ตอบคำถามทุกข้อได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ได้นิ่งเงียบหรือใช้เวลาคิดคำตอบเลย

 

หลังจากเฝิงหยู่ตอบคำถามสุดท้าย หัวหน้าคณะและอาจารย์สองคนก็มีการพูดคุยกันเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็บอกเฝิงหยู่ว่า “ดีมาก พวกผมพอใจกับการสอบวิทยานิพนธ์ของคุณ เราบอกได้เลยว่าคุณได้คะแนนเต็ม! คุณเป็นคนเดียวในมหาวิทยาลัยของเราที่ได้คะแนนเต็มในการสอบวิทยานิพนธ์!”

 

ว้าว!!!!!!!!!!!!!!

 

นักศึกษาคนอื่นอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ อาจารย์ประกาศว่าเฝิงหยู่ได้รับคะแนนเต็มและเป็นคนเดียวที่ได้รับคะแนนเต็มด้วยงั้นหรอ? วิทยานิพนธ์ของเขาดีจริงหรอ? แค่วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องการจัดการฟาร์มมันจะดีแค่ไหนกันเชียว?

 

เฝิงหยู่คนนี้ต้องใช้เส้นสายแน่ๆ ไม่งั้น เขาไม่มีทางได้คะแนนเต็มหรอก! ตอนที่เขาตอบคำถาม เขาไม่ได้นึกคำตอบเลย ขนาดผมมาจากทีมโต้วาที ผมยังทำไม่ได้เลย ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเฝิงหยู่รู้คำถามก่อนเซสชั่นนี้ เขารู้ว่าอาจารย์กำลังจะถามอะไรและเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้ว!

 

เฮ้อ……นี่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนหรือเปล่าเนี่ย? แม้แต่การสอบวิทยานิพนธ์ก็สามารถโกงกันได้ ดูเหมือนว่าคงจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่จะไม่เรียนต่อที่นี่

 

“ขอบคุณครับ” เฝิงหยู่คำนับแล้วเดินกลับไปที่ที่นั่งของเขา

 

เฝิงหยู่ดูนิ่งมาก เขาดูเหมือนจะไม่กังวลอะไรเลย ดูเหมือนว่าการตอบคำถามทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย แถมเขายังยิ้มตลอดเซสชั่น เขาดูมั่นใจมาก

 

จากที่สังเกตการณ์มาทั้งหมดนี้ ทำให้นักศึกษาคนอื่นๆ สรุปได้ว่าเฝิงหยู่ใช้เส้นสายแน่ๆ นักศึกษาที่ทำการสอบวิทยานิพนธ์เสร็จจะต้องรู้สึกโล่งอก แต่เฝิงหยู่กลับไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าตัวเองได้คะแนนเต็ม!

 

โกงกันชัดๆ!