ราชันเร้นลับ 606 : ข่มขู่

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 606 : ข่มขู่ โดย Ink Stone_Fantasy

เหนือสายหมอกเทา ท่ามกลางสถานที่ซึ่งคล้ายกับพระราชวังคนยักษ์

ไคลน์ใช้มือเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวที่มีลวดลายเก่าแก่ สมาธิจดจ่ออยู่กับความพิสดารของลูกเต๋าเจ้าปัญหา

“มันส่งอิทธิพลกับเราโดยไม่รู้ตัว… สรรพคุณคล้ายกับ 0-08 อย่างมาก เพียงแต่สิ่งหนึ่งซ่อนอยู่ในเงามืด และอีกสิ่งหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้า… ต้องเป็นสมบัติปิดผนึกแน่นอน และคงมีระดับสูงอย่างมากในโลกผู้วิเศษ… ถ้าไม่ใช่ระดับ 0 ก็คงเป็นระดับ 1 ที่โดดเด่น จริงอยู่ ตัวเราอาจไม่มีพลังในการแทรกแซงโชคชะตา แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้เฉย ๆ เพราะโดยส่วนมากแล้ว สมบัติปิดผนึกที่คล้ายกันจะมีผลข้างเคียงรุนแรง อาจส่งอิทธิพลต่อผู้คนรอบตัวนักปรุงยาร่างท้วม หรืออาจมากไปถึงผู้โดยสารทุกคนบนเรือ” ไคลน์พยายามเค้นสมองคิดหาคำตอบสักพัก แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำเพียงส่งจิตกลับโลกความจริงด้วยมือเปล่า

อย่างไรก็ตาม ตัวมันอาจไม่ทราบวิธีผนึกลูกเต๋า แต่มันทราบว่าใครมีวิธี

ทารกผู้ยังอยู่ในครรภ์มารดา

ลำดับ 1 อสรพิษปรอท วิล·อัสติน

อสรพิษแห่งชะตาของโรงเรียนชีวิต

ครึ่งเทพที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด!

ไคลน์ออกจากห้องน้ำ เดินเข้าห้องนอนใหญ่ หยิบนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วคลี่วางบนโต๊ะ ยืนจ้องผิวกระดาษที่มีร่องรอยการลบและขีดเขียนสักพัก ตามด้วยการล้วงหยิบดินสอ เขียนคำถามเรียบง่ายลงไป

“ฉันต้องจัดการกับลูกเต๋านั่นอย่างไร”

ชายหนุ่มพับนกกระดาษกลับ เก็บในกระเป๋าสตางค์ จากนั้นก็เดินออกไปยังห้องนอนคนรับใช้ เคาะประตูสามครั้งอย่างมีมารยาท

พฤติกรรมเช่นนี้มิได้ขัดต่ออุปนิสัยของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะแต่ไหนแต่ไร ทุกคนรู้จักมันในนามสุภาพบุรุษเสียสติ

แต่ความกังวลหลักของไคลน์คือ หากไม่เคาะส่งสัญญาณ การพรวดเปิดออกไปอาจบังเอิญทำให้นักปรุงยาอ้วนถูกบานประตูกระแทกตาย ภายในหัวชายหนุ่มกำลังจินตนาการฉากหนึ่งของภาพยนตร์สยองขวัญ ‘ไฟนอล·เดสทิเนชั่น’

นอกจากนั้น ไคลน์ยังกังวลว่าถ้าตนเปิดออกไปโดยไม่ให้สุ้มเสียง อาจเผลอไปเห็นฉากแสนอุจาดตาเข้า

จากนิสัยของดัควีลล์ ถ้าหมอนั่นตระหนักว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง อนาคตมีเพียงความตายรออยู่ เป็นไปได้มากที่เขาจะทำเรื่องสัปดน เสพความสุขสุดยอดก่อนตาย…

ขณะไคลน์กำลังปรามาส เสียงของนักปรุงยาอ้วนดังจากด้านใน

“มีอะไรหรือ”

ขอบคุณที่ยังไม่ตาย…

ไคลน์เปิดประตูอย่างระมัดระวัง โน้มตัวไปด้านหน้า จ้องดัควีลล์และกล่องแหวนที่เปิดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ซักถามใจเย็น

“ตอนนี้เลขอะไร*”

“ข้างนอกไม่มีนาฬิกาแขวนรึไง” ดัควีลล์ตอบกลับด้วยสีหน้าซังกะตาย

“ฉันถามถึงลูกเต๋า” ไคลน์ตอบห้วน

(*ในภาษาจีน สามารถใช้ถามเกี่ยวกับเวลา)

“ยังค้างอยู่ที่สามแต้ม…” ดัควีลล์ตอบกลับตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเอียงคอโพล่งถาม “นายยอมเชื่อฉันแล้วหรือ…”

ไคลน์ไม่ตอบ ไม่ยอมรับว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยถูกลูกเต๋าปั่นหัว

มันบิดเอวเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบ

“นำลูกเต๋าไปไว้ข้างนอก”

“ด…ได้!”

“ตกลง!”

ดัควีลล์และนกฮูกแฮร์รี่ขานรับด้วยสีหน้ายินดีปรีดาอย่างพร้อมเพรียง

คนหนึ่งยกแขน อีกตนยกปีก

รอให้นักปรุงยาอ้วนปิดกล่องแหวนอย่างระมัดระวัง ไคลน์ชี้ไปทางโต๊ะกาแฟ

“วางไว้บนนั้น”

กล่าวจบ ชายหนุ่มเดินไปนั่งบนโซฟา วางศอกลงบนต้นขา โน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อตรวจสอบลูกเต๋าพิสดารอย่างถี่ถ้วน

จากรูปลักษณ์ภายนอก… ลูกเต๋านี้ไม่เหมือนกับของวิเศษในโลกศาสตร์เร้นลับ จุดแตกต่างจากลูกเต๋าทั่วไปคือ จุดสามแต้มที่ควรจะเป็นสีดำ กลับเป็นจุดสีแดงเหมือนกับเลขคู่…

ไคลน์ไม่ใช้มือจับส่งเดช เหยียดหลังตั้งตรง จ้องไปทางนักปรุงยาอ้วน

ดัควีลล์เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม นกอ้วนแฮร์รี่บินเกาะขอบด้านบนของเก้าอี้ตัวเดียวกัน

“อธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียด”

ดัควีลล์ไม่คิดปิดบังเรื่องใดอีก รอยยิ้มของมันดูเหมือนร่ำไห้มากกว่าหัวเราะ

“สิ่งนี้เป็นสมบัติปิดผนึกชิ้นสำคัญขององค์กร ภารกิจของฉันคือการนำมันไปส่งมอบให้สมาชิกบางคนบนเกาะโอลาวี แต่ก็อย่างที่นายเห็น มันอันตรายเกินไป สามารถทอยตัวเองแม้ว่าจะไม่มีช่องว่างเพียงพอให้ลูกเต๋าหมุน! หากทอยได้หกแต้ม ผู้ถือจะโชคดีอย่างมาก ทุกการกระทำล้วนสำเร็จลุล่วงง่ายดาย เฉกเช่นที่ฉันเคยหลอกนายด้วยข้ออ้างเส็งเคร็ง”

อย่าขุดมันขึ้นมา… สักวันนายจะได้ตายเพราะปากเส็งเคร็ง…

ไคลน์นั่งฟังด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ดัควีลล์เสริม

“หากทอยได้หนึ่งแต้ม ผู้ถือจะประสบความอับโชคอย่างที่สุด ไม่ว่าทำสิ่งใดก็ล้มเหลวไปทุกเรื่อง แม้ว่าฉันจะอธิบายให้ฟังด้วยเหตุผลรอบคอบรัดกุม แต่นายก็จะไม่เชื่ออยู่ดีสองแต้มจะมีความโชคร้ายน้อยกว่า แต่นั่นก็มากพอจะทำให้ฉันถูกฟ้าผ่า… บ้าบอสิ้นดี! สามและสี่แต้มคือสภาวะความโชคร้ายและโชคดีในระดับปรกติ ฉันสามารถยืนยันได้ ส่วนห้าแต้มจะตรงกันข้ามกับสองแต้ม”

นายยังไม่ดวงซวยมากพอ ไม่อย่างนั้นคงถูกฉันซัดปากปางตายไปแล้ว…

ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ออกคำสั่งอย่างใจเย็น

“นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกนายต้องผลัดเวรกันเฝ้าลูกเต๋า หากลดต่ำกว่าสามแต้มเมื่อไร ให้รีบแจ้งฉันทันที”

“พวกเรา?” ดัควีลล์ตามบทสนทนาไม่ทัน

“หมายถึงข้าหรือ” นกฮูกที่เกาะบนหลังเก้าอี้พลันยกปีกขวาขึ้น

ไคลน์เอนหลังพิงโซฟา ยกขาขวาไขว่ห้างทับขาซ้าย กล่าวอย่างสุขุม

“ผลัดเวรเพื่อถนอมพลังงานและสมาธิ”

กล่าวจบ ชายหนุ่มใช้คางชี้นกฮูก

“เริ่มจากแกก่อน”

“ข้าชื่อมิสเตอร์แฮร์รี่” นกฮูกพึมพำ

แฮร์รี่… ไคลน์กลั้นยิ้ม หันไปจ้องดัควีลล์

“นายไปสั่นกระดิ่งเรียกบริกร นับแต่นี้ไป พวกเราจะกินข้าวด้วยบริการสั่งอาหาร ก่อนไปถึงโอลาวี พวกนายต้องอยู่แต่ในห้องนั่นเล่นเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปไหนเด็ดขาด แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ ก็ต้องรอให้ลูกเต๋าทอยออกมาเป็นสามหรือสี่แต้ม ถ้าอั้นไม่ไหว ฉันจะเตรียมถังให้”

เมื่อได้ยินคำสั่งอย่างฉะฉานจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักปรุงยาอ้วนเริ่มผ่อนคลาย มิได้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเหมือนกับตอนแรก

หนึ่งในสิ่งที่มันกลัวก็คือ เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถูกความโลภครอบงำ เลือกเชือดมันทิ้งและขโมยลูกเต๋าไปครอง อีกหนึ่งความกลัวก็คือ มันกังวลว่านักผจญภัยป่าเถื่อนและเสียสติจะหวาดกลัวต่ออำนาจของลูกเต่า ตัดสินใจล้มเลิกภารกิจคุ้มกันกลางคัน

แต่ดูราวกับว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย แถมยังมีความมั่นใจมาก!

ดัควีลล์ถอนหายใจเงียบ ครุ่นคิดกับตัวเอง

สมกับเป็นมืออาชีพ!

ไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด!

อีกทั้งยังสามารถหลุดพ้นจากอิทธิพลของลูกเต๋าได้เอง และยอมรับฟังคำอธิบายของเรา… สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยมากฝีมือผู้สังหาร ‘นักเจรจา’ มีซอร์ได้ง่ายดาย…

ต้องอยู่ระดับเดียวกับพลเรือโจรสลัดแน่!

ดัควีลล์ลุกยืน เดินไปทางประตู สั่นกระดิ่งเรียกบริกรประจำเรือ

ขณะกำลังเดินกลับมายังโซฟา นกฮูกแฮร์รี่โพล่งเสียงแหลมกะทันหัน

“เปลี่ยนแล้ว! มันเปลี่ยนแล้ว! สองแต้ม!”

โดยทันทีทันใด ไคลน์ดีดตัวลุกจากโซฟา วิ่งไปทางดัควีลล์ด้วยความเร็วสูง

ปัง!

ขณะเสียงปืนดังจากด้านนอก ไคลน์จับแขนของดัควีลล์ดึงมาด้านหลัง สะบัดข้อมือเล็กน้อยเพื่อโยนนักปรุงยาอ้วนไปยังด้านตรงข้าม

ในเวลาเดียวกัน บนผนังห้องพักใกล้กับจุดที่ดัควีลล์เคยยืนเมื่อครู หรูโหว่คล้ายรอยกระสุนปรากฏขึ้นหนึ่งนัด

ลูกเรือทำปืนลั่น? หรือว่าเป็นกระสุนจากการล่านกทะเล ชิ่งกระเด็นมาจากที่ใดสักแห่ง…

ไม่ว่าจะอย่างไหน แต่โอกาสเกิดก็ต่ำมาก…

ไคลน์หันไปทางนักปรุงยาอ้วนด้านข้าง

“บาดเจ็บรึเปล่า”

ดัควีลล์ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร”

หลังจากนั้น ไคลน์ยังต้องคอยแก้ไขสถานการณ์อีกไม่ต่ำกว่าสิบเรื่อง ประกอบด้วยการตกลงมาอย่างฉับพลันของโคมเทียนระย้าภายในห้องนั่งเล่น พนักงานที่มาซ่อมก็ดันทำค้อนหลุดมือ หล่นใส่ศีรษะของดัควีลล์ รวมถึงเหตุการณ์ก้างปลาติดคอกะทันหันระหว่างกำลังกินข้าว ทำเอาเกือบขาดอากาศหายใจตาย

อาจไม่มีสิ่งใดอันตราย แต่สำหรับไคลน์ที่ต้องเพ่งสมาธิเป็นเวลานาน อาการเหนื่อยล้าคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จนกระทั่งลูกเต๋าทอยตัวเองอีกครั้งและออกหน้าสี่แต้ม ชั่วโมงแห่งความบัดซบจึงสิ้นสุดลง

ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้… อาจมีสักวันที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นกับคนรอบข้างอย่างเรา…

ไคลน์ยืนส่งกัปตันที่มาขอโทษขอโพยกลับไป จากนั้นก็พูดกับดัควีลล์

“ฉันจะงีบครึ่งชั่วโมง พวกนายเฝ้าลูกเต๋าไว้ให้ดี ถ้าเกิดปัญหาให้รีบปลุกโดยด่วน”

นักปรุงยาอ้วนและนกฮูกต่างพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับ เป็นภาพคล้ายไก่จิกข้าวเปลือก

เอนหลังพิงโซฟาในห้องนั่งเล่น ไคลน์เข้าฌานและหลับสนิทอย่างรวดเร็ว คาดหวังว่าจะมีการตอบสนองจากวิล·อัสติน

เมื่อได้สติแจ่มชัดในความฝันและเห็นทุ่งโล่งอันมืดมิด ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลาย เดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย จนกระทั่งถึงห้องด้านในสุดของยอดหอคอยสีดำ

บนพื้นยกสูงใจกลางห้องที่มีไพ่ทาโรต์รายล้อมมากมาย ข้อความสีเงินเปลี่ยนไปจากเดิม คราวนี้ถูกเขียนจนเต็มพรืดหลายบรรทัด

ไคลน์หยุดเดิน กวาดตาอ่านรวดเร็ว

“มันถูกเรียกว่า ‘ลูกเต๋าความน่าจะเป็น’ ถือเป็นสมบัติปิดผนึกระดับสูงสุดของโรงเรียนเรา ฉันเชื่อว่าเทียบได้กับระดับ 0 ของเจ็ดโบสถ์หลัก สามารถควบคุมความน่าจะเป็นของทุกสิ่งได้ดั่งใจ หากทอยได้หนึ่งแต้ม ความน่าจะเป็นในแง่ลบของเป้าหมายจะถูกขยายจนถึงขีดสุดสองแต้มจะเพิ่มความน่าจะเป็นในเหตุการณ์แง่ลบอย่างมาก และสิ่งนี้มิได้แปลว่าสองแต้มอันตรายน้อยกว่าหนึ่งแต้ม เพราะถ้าโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงมากพอ อันตรายก็จะอยู่ข้างกายทุกลมหายใจ ในกรณีของสามแต้ม ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์แง่ลบเพิ่มขึ้นจากปรกติเล็กน้อย ส่วนสี่ถึงหกแต้มก็ตรงกันข้าม แม้แต่ข้าที่สามารถล้างอิทธิพลทางโชคชะตาได้ในระดับหนึ่ง ก็ยังมองว่ามันคือสมบัติปิดผนึกแสนอันตราย หากโชคดี ผู้วิเศษทั่วไปสามารถใช้ลูกเต๋านี้ฆ่าครึ่งเทพได้ แต่ขณะเดียวกันก็อาจลงเอยด้วยการฆ่าตัวตายได้เช่นกัน”

ฉันเข้าใจ… การต่อสู้ระหว่างนายกับลูกเต๋าก็คงเหมือนกับการเผชิญหน้าระหว่าง ‘เทพแห่งการเซฟและโหลดใหม่’ กับ ‘เทพแห่งการสุ่ม’ …

ไคลน์พึมพำ กวาดตาอ่านต่อ

“ลูกเต๋าความน่าจะเป็นคือสมบัติปิดผนึกที่มี ‘สัญญาณชีพ’ มักทำให้ผู้ถือประสบความโชคดีและโชคร้ายสลับไปมา หากพลั้งเผลอเมื่อใดก็จะประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตายโดยไม่รู้ตัว เมื่อสัญญาณชีพตื่นขึ้นในระดับหนึ่ง มันจะส่งอิทธิพลต่อทุกสิ่งรอบตัวผู้ถือตามค่าตัวเลขที่ทอยได้ สามารถกำหนดความน่าจะเป็นในทุกผลลัพธ์ของการกระทำ แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ฉันเชื่อว่า หากปล่อยไว้นานเพียงพอ มันสามารถส่งอิทธิพลไปทั่วโลก กำหนดผลลัพธ์การกระทำของทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกตามค่าการทอย แน่นอน อิทธิพลดังกล่าวไม่ส่งผลต่อเทพ”

สรุปโดยสั้น ชะตากรรมของโลกทั้งใบจะขึ้นอยู่กับหน้าลูกเต๋า… ไม่ผิดแน่ มันอยู่ระดับเดียวกับสมบัติปิดผนึกเกรด 0… อันตรายยิ่งยวด!

น่ากลัวฉิบ…

ไคลน์ขมวดคิ้ว รีบกวาดตาอ่านต่อ

“วิธีผนึกลูกเต๋าความน่าจะเป็นนั้นค่อนข้างซับซ้อน โดยย่อก็คือ ต้องอาศัยสมบัติปิดผนึกบางชนิดเพื่อตัดการเชื่อมต่อระหว่างลูกเต๋ากับโลกวิญญาณ โลกดารา และโลกจริง เจ้าสามารถนำแนวคิดนี้ไปต่อยอดได้ ฮะฮะ! ขอพูดตรงนี้เลยก็แล้วกัน ข้าทราบมานานแล้วว่าบางสิ่งในตัวเจ้าสามารถกีดขวางพลังทำนายของข้าได้ บางที สิ่งนั้นอาจผนึกลูกเต๋าได้เช่นกัน ยังมีอีกหนึ่งวิธี เป็นการลดอิทธิพลของมันลงชั่วคราว แต่ก็มากพอจะยื้อเวลาให้เจ้านำลูกเต๋าความน่าจะเป็นไปส่งถึงมือคนที่สามารถผนึกมัน วิธีดังกล่าวคือ อาศัยการมีสัญญาณชีพของมันให้เกิดประโยชน์ ใช้เทคนิคข่มขู่ที่หวังผลได้เพื่อให้มันยอมเชื่อง… ไม่สิ ให้มันเงียบไปสักพัก ผลลัพธ์ของวิธีนี้จะคงอยู่ประมาณสิบสองชั่วโมง จากนั้นก็จะกลับเป็นปรกติ แต่ยิ่งข่มขู่บ่อยครั้ง ระยะเวลาก็ยิ่งสั้นลง หากใช้วิธีนี้ครบหนึ่งสัปดาห์ มันจะจำเจ้าได้ และเข้าครอบงำความน่าจะเป็นทั้งหมดในชีวิตเจ้า ท้ายที่สุด ข้าขอขอบใจเป็นอย่างมากที่เจ้ายอมช่วยเหลือพวกเรา จากมิตรสหายที่จริงใจ – วิล·อัสติน”

สมกับเป็นอสรพิษแห่งชะตา ตรวจพบความพิเศษของเราได้ง่ายดาย… การโยนลูกเต๋าความน่าจะเป็นเข้าไปในมิติหมอกอาจผนึกมันได้ก็จริง แต่ปัญหาคือ สิ่งนี้เป็นถึงสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ที่มีสัญญาณชีพ มันอาจส่งอิทธิพลกับมิติสายหมอกและยึดครองไปเป็นของตัวเอง…

การทำนายยืนยันอันตรายคงไม่เกิดประโยชน์ อีกฝ่ายคงมีพลังกีดขวางเหมือนกับ 0-08…

ไคลน์ตัดสินใจไม่ใช่มิติหมอกผนึก

เค้นสมองนึกสักพัก มันผุดแนวคิดใหม่

ไคลน์ตื่นจากฝัน ปลุกสติตัวเองกลับมาและหันไปกล่าวกับดัควีลล์ นักปรุงยาร่างท้วม

“ฉันรู้วิธีสยบมันแล้ว”

“ทำยังไง?” ดัควีลล์ซักถามฉงน

ไคลน์ไม่ตอบ เพียงหยิบลูกเต๋าความน่าจะเป็นที่กำลังออกหน้าสี่แต้ม เดินเข้าห้องน้ำ

เขาคิดจะทำอะไร… หรือว่า… ถ้าจำไม่ผิด ในบางวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง วิธีจัดการกับสิ่งชั่วร้ายคือการโยนใส่กองอุจจาระ… อุแหวะ…

ดัควีลล์ไม่อยากจินตนาการต่อ

ภายในห้องน้ำ หลังจากลงกลอนมิดชิด ไคลน์ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง ส่งลูกเต๋าสุดอันตรายเข้าไปในมิติหมอก เสกกล่องบุหรี่โลหะจากกองขยะลอยมาวางตรงหน้า

จากนั้น มันวางลูกเต๋าความน่าจะเป็นไว้ข้างกล่องโลหะ และหยิบ ‘ดวงตาดำล้วน’ จากนักเชิดหุ่นออกจากกล่อง

ท่ามกลางแสงสลัว ใบหน้าของไคลน์ถูกฉาบด้วยเงาดำเข้ม บรรยากาศรอบกายเป็นไปอย่างลึกลับและน่าเกรงขาม

ชายหนุ่มเลื่อนลูกเต๋าความน่าจะเป็นเข้ามาใกล้กับดวงตาดำล้วน—ตะกอนพลังที่ถูกพระผู้สร้างแท้จริงกัดกร่อน

ไคลน์ยกมุมปากอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นรอยยิ้มแสนใจดีและอ่อนโยน

มันกระซิบบอกกับลูกเต๋าสีขาวนมสดในมือ

“ขอต้อนรับสู่คอนเสิร์ต”

……………………