“โปรดรับคำขอโทษของข้าสำหรับสิ่งที่ข้าทำลงไปเมื่อวานด้วยเถอะครับ ข้ายังเรียนรู้มาไม่เพียงพอ ข้าหวังว่าท่านจะยอมอภัยให้ข้าครับองค์ชาย”

 

“แต่ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องกลับมา?”

 

“ข้าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายลีโอนาร์ดให้มาช่วยเหลือท่านครับองค์ชาย”

 

“ซึ่งข้าก็บอกแล้วว่าเจ้าไม่มีความสามารถและข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าใช่ไหม?”

 

“ข้าไม่มีข้อโต้แย้งครับไ

 

เมื่อได้ฟังฉัน อุตซ์ก็ก้มศีรษะลงแต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะยอมออกไปเลย

 

แทนที่จะยอมแพ้ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเขาดื้อดึงมากกว่า

 

“เห้อ…ในสมาคมนกนางนวลสีขาวใครเป็นขุนนางที่อันตรายน้อยที่สุด?”

 

“ลูกชายของท่านบารอนเบคเกอร์ เดเมียน ฟ็อน เบคเกอร์ครับ เขามีความรู้สึกให้ท่านฟีเน่แต่เขาแค่เข้าร่วมสมาคมเพราะเขาถูกเพื่อนเชิญมา”

 

“อืมม….ดูเหมือนว่าเจ้าจะศึกษาพวกเขามาแล้วสินะ แต่ข้อมูลนั้นมันเก่าไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

 

ในขณะที่พูด ฉันก็เอากระดาษสองสามแผ่นให้อุตซ์ดู

 

มันคือจดหมายขอโทษที่เขียนมายาวเหยียดพร้อมกับมีลายเซ็นกำกับไว้ด้านล่าง แน่นอนว่า ลายเซ็นนี้เป็นของเดเมียน

 

“นี่คือ….!?”

 

“ข้าได้จัดการกับพวกขุนนางจากสมาคมที่ไม่ค่อยมีอันตรายไปบางส่วนแล้ว เดเมียนก็คือหนึ่งในนั้น”

 

“เร็วขนาดนี้….ได้ยังไงกันครับองค์ชาย?”

 

“มีขุนนางหลากหลายแบบอยู่ในสมาคมนกนางนวลสีขาว เอาจริงๆสมาชิกหลักของพวกเขาก็คือพวกที่มีโอกาสกลายเป็นคู่หมั้นของฟีเน่ได้แต่มันก็ยังมีพวกที่ทำได้แค่ฝันอยู่ ที่พวกเขาส่วนใหญ่เข้าร่วมก็แค่เพราะเพื่อนหรือคนรู้จักชวนมา คนพวกนี้ไม่ค่อยจะร่ำรวยนักหรอก ดังนั้น แค่ขุดประวัติการเป็นหนี้ของพวกเขา และซื้อหนี้ของพวกเขามาทั้งหมด พูดอีกนัยนึงก็คือ ตอนนี้เจ้าหนี้ของพวกเขาก็คือข้า”

 

“นั่นเป็นวิธีการที่ได้ผลจริงๆแต่ว่า…..ท่านไปเอาเงินพวกนั้นมาจากไหนครับ?”

 

“ข้าไม่ได้ใช้จ่ายเงิน ข้าฝากพวกมันทั้งหมดให้เซบาสมาตั้งนานแล้ว เขาเป็นคนจัดการเงินพวกนั้นให้ข้า”

 

นี่เป็นความจริง ฉันฝากเรื่องการจัดการทรัพย์สินของฉันให้กับเซบาสและเขาก็ใช้มันได้เป็นอย่างดีและตอนนี้มันก็เพิ่มมากกว่าจำนวนเดิมหลายสิบเท่า แต่แม้กระนั้น เรื่องพวกนี้มันก็แค่ทำเพื่อให้คนไม่สงสัยฉันในตอนที่ใช้เงินเท่านั้น แหล่งที่มาของรายได้พวกเราจริงๆก็คือรางวัลที่ฉันได้รับในฐานะซิลเวอร์ ภายในจักรวรรดิ บางทีฉันอาจจะเป็นหนึ่งในบุคคลต้นๆที่มีทรัพย์สินส่วนตัวเยอะที่สุด

 

“ท่านทำถึงขนาดนั้น……แต่ว่า เอ่อ…”

 

“เจ้าอยากถามข้าว่าทำไมถึงใช้เงินขนาดนั้นเพื่อกำจัดพวกขุนนางที่ไม่มีพิษภัยใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ”

 

“เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเอง ถ้าเจ้ายอมช่วยข้าก็จงเคลื่อนไหวตามคำแนะนำของเซบาส เซบาส”

 

“ครับท่าน”

 

อุตซ์เบิกตากว้างมองเซบาสที่จู่ ๆก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เอาเถอะ ไม่ว่าใครก็คงจะประหลาดใจสินะ

 

ด้วยการปล่อยเรื่องของอุตซ์ไป ฉันก็ส่งรายการให้เซบาส

 

“โอ้โห ค่าใช้จ่ายมันค่อนข้างสูงเลยไม่ใช่เหรอครับ?”

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก ใช้ตามที่เจ้าต้องการได้เลย ถึงยังไง ข้าก็ต้องสอนบทเรียนให้เจ้าพวกโง่ที่เข้าสมาคมนกนางนวลสีขาวอยู่แล้ว พวกเขาจะได้รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง”

 

“พูดอีกนัยนึงก็คือ พวกเราต้องจัดการพวกเขาอย่างทั่วถึงสินะครับ?”

 

“ใช่ จงแสดงให้ขุนนางทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงได้รู้ว่าการใช้เงินอย่างเหมาะสมมันเป็นยังไง”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เซบาสก็โค้งคำนับอย่างสง่างามแล้วออกไปจากห้องพร้อมกับอุตซ์

 

ตอนนี้ เรื่องเตรียมการคงต้องฝากเอาไว้กับสองคนนั้น

 

ในขณะที่คิดเช่นนั้น แขกคนใหม่ก็มาถึงห้องของฉัน

 

“องค์ชายอาร์โนลด์ ข้าเองครับ อลัวส์ ฟ็อน ซิมเมล”

 

“ยินดีต้อนรับเอิร์ลซิมเมล ข้าขอโทษด้วยที่ต้องเรียกเจ้ามากะทันหันแบบนี้”

 

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถึงยังไงข้าก็มีเวลาว่างเยอะอยู่แล้ว”

 

ไม่มีการโกหกแสดงอยู่บนหน้าของอลัวส์เลย ฉันได้ยินมาว่าเขากำลังเรียกอย่างหนักแต่เขาก็ยังมีเวลาว่างเยอะอยู่ดีสินะ สมกับเป็นเขาจริงๆ

 

ฉันยิ้มให้อลัวส์ที่เป็นเช่นนั้น

 

“ถ้างั้นก็ดีเลย ข้ามีงานนิดหน่อยอยากจะให้เจ้าทำให้ข้าจะได้ไหม?”

 

“นั่นขึ้นอยู่กับเนื้องานครับองค์ชาย น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ขนาดนั้น”

 

อลัวส์ไม่ได้รับประกันว่าเขาจะทำมันได้

 

นี่แสดงว่าเขาได้ศึกษาเรื่องพวกนี้มาแล้วด้วยสินะ นั่นเป็นเรื่องที่ดี

 

“แต่ซิลเวอร์เป็นคนรับรองเจ้าเลยนะ

 

“!?”

 

“อืม หรือว่าข้าควรจะบอกว่าเกราว์แทน?”

 

“นี่ท่าน…ได้ยังไงกัน….?”

 

นั่นคือเรื่องที่มีแค่ซิลเวอร์กับอลัวส์เท่านั้นที่น่าจะรู้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีคนอื่นรู้เกี่ยวกับมันด้วย

 

“ข้าเป็นคนที่ขอให้ซิลเวอร์ไปช่วยเจ้า ถึงยังไงข้าก็ไม่อยากจะแทรกแซงงานของลีโอล่ะนะ”

 

“นี่ท่านคือ…คนที่ออกคำสั่งท่านเกราว์เหรอครับ?”

 

“จะว่าแบบนั้นก็ได้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อลัวส์ก็ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวและคุกเข่าลงในทันที

 

“มีอะไร?”

 

“ข้าต้องแสดงความขอบคุณครับ….องค์ชาย มันเป็นเพราะองค์ชายข้าถึงสามารถช่วยเหลือดินแดนของข้าเอาไว้ได้…..”

 

“ข้าไม่ใช่คนที่ปกป้องดินแดนของเจ้า มันคือเจ้ากับซิลเวอร์ต่างหาก แต่ว่า ถ้าเจ้ารู้สึกขอบคุณข้าจริงๆข้าก็อยากให้เจ้าช่วยอะไรซักหน่อย”

 

“ครับ เชิญว่ามาได้เลยครับ ข้าจะทำมันให้สำเร็จด้วยกำลังทั้งหมดของข้า”

 

“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าแค่อยากให้เจ้ากระจายข่าวลือเกี่ยวกับข้าก็เท่านั้น”

 

“กระจายข่าวลือด้านดีๆเกี่ยวกับท่านใช่ไหมครับ! ไว้ใจได้เลย!”

 

สีหน้าของอลัวส์สดใส

 

แต่ฉันส่ายหัว

 

“เอ๊ะ?”

 

“ตรงข้ามเลยต่างหาก ข้าอยากให้เจ้ากระจายข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับข้า ข่าวลือที่ว่าข้าเป็นคนขี้กลัวและขี้ขลาด”

 

“น..นั่นมันจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของท่านแย่ลงเหรอครับองค์ชาย?”

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก แล้วก็ ข้าได้คุยกับซิลเวอร์แล้ว นี่คือแผนการของเขา ไม่ใช่ของข้า”

 

ฉันใช้ชื่อของซิลเวอร์เพื่อลบความกังวลของอลัวส์

 

แต่อลัวส์ก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาพยักหน้ารับคำขอของฉันอย่างไม่เต็มใจ

 

“องค์ชาย ช่วยสัญญาเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ”

 

“อะไรล่ะ?”

 

“เมื่อสถานการณ์สงบลงแล้ว ช่วยอนุญาตให้ข้าแก้ไขข่าวลือให้ถูกต้องด้วยเถอะครับ ข้าคงไม่สามารถสู้หน้าผู้คนในดินแดนของข้าได้ถ้าข้าทำเรื่องแบบนั้นกับผู้มีพระคุณของเรา”

 

“นั่น…..มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะ ข้าไม่สามารถให้สัญญาแบบนั้นได้หรอก”

 

“ไม่จริงน่า…”

 

เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของอลัวส์มันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดไป เอาเถอะ ฉันก็ทำเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ

 

มันช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้าอลัวส์ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือฉันแผนการอาจจะล้มเหลวก็ได้

 

“ก็ได้ ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ”

 

“จริงนะครับ!? ขอบคุณมากลเลยครับ!”

 

อลัวส์โค้งคำนับอย่างมีชีวิตชีวา

 

เอาเถอะ ต่อให้อลัวส์พูดแก้ไขมัน ก็คงไม่มีอะไรต่างกันมากนักระหว่างชายที่ใช้เด็กทำปฏิบัติการเชิงข้อมูล (IO) กับชายที่ใช้ปฏิบัติการข้อมูลกับเด็ก สถานการณ์คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

 

“นั่นคือทั้งหมดที่ข้าต้องการให้เจ้าทำ ข้าขอฝากไว้กับเจ้าได้รึเปล่า?”

 

“ครับ! โปรดไว้ใจข้าได้เลย!”

 

อลัวส์ตอบกลับอย่างเริงร่า

 

ในตอนที่อลัวส์กำลังจะออกไปจากห้อง ฉันก็หยุดเขา มีบางอย่างที่ฉันอยากจะยืนยันให้แน่ชัด

 

“เอิร์ลซิมเมล ไม่สิ อลัวส์”

 

“ครับ?”

 

“เอ่อ คือว่า…..นอกจากข้า เจ้าได้พบกับราชวงศ์คนอื่นบ้างรึยัง?”

 

“ข้าได้พูดคุยกับองค์ชายเอริคและองค์ชายลีโอนาร์ดอยู่หลายครั้งแต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้พบกับคนอื่นเลยครับ องค์ชาย”

 

พอได้ยินแบบนี้ ฉันก็ถอนหายใจ

 

เหตุผลที่ท่านพ่อทิ้งอลัวส์เอาไว้ในปราสาทไม่ใช่แค่เพราะเขายังสามารถเรียนรู้ได้อีกมากแต่ยังคิดด้วยว่าเขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับว่าที่สามีของคริสต้า ถึงยังไงคนที่พวกเราพูดถึงก็คือท่านพ่อ เขาจะไม่มีวันยอมให้คริสต้าแต่งงานออกนอกประเทศ และเพราะเหตุนี้เอง คู่ครองสำหรับเธอจึงอยู่แค่ในกลุ่มขุนนางของจักรวรรดิเท่านั้น

 

ถ้าเธอจะแต่งงานกับใครซักคน การเตรียมครู่ครองที่ดีเอาไว้ให้เธอมันคงจะดีกว่า นี่น่าจะเป็นความคิดของเขาแต่ความจริงที่ว่าอลัวส์ยังไม่มีโอกาสได้เจอเธอก็หมายความว่าท่านพ่อน่าจะยังลังเลอยู่

 

“มันคงจะยอดเยี่ยมไปเลยนะถ้าเขาช่วยหยุดทำเรื่องไร้ประโยชน์ได้ในตอนที่มันเป็นเรื่องของลูกสาว……..”

 

“ว่าไงนะครับ?”

 

“แค่คุยกับตัวเองเฉยๆน่ะ ว่าแต่ ครั้งหน้ามากินข้าวด้วยกันไหม? ข้าอยากจะแนะนำใครบางคนให้เจ้าได้รู้จัก”

 

“จริงเหรอครับ? ยินดีครับ!”

 

จากนั้นอลัวส์ก็ยิ้มอย่างใสซื่อ

 

อลัวส์เป็นเด็กชายอนาคตไกล ความสามารถของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วในสงครามกลางเมืองที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังเป็นรายชื่อแรกสำหรับว่าที่สามีของคริสต้า แต่ในท้ายที่สุดนั้น มันก็คงจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาชอบพอกันรึเปล่า

 

สำหรับตอนนี้ คงต้องให้พวกเขาได้เจอกันและดูปฏิกิริยาของพวกเขา

 

ในขณะที่คิดเช่นนี้ ฉันก็อนุญาตให้อลัวศ์กลับไปได้

 

จากนั้น ฟีเน่ก็เข้ามาในห้องต่อ

 

สีหน้าของเธอดูสลดอย่างเหลือเชื่อ

 

“เกิดอะไรขึ้น? ทำหน้าหม่นหมองแบบนี้ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ”

 

“ขออภัยด้วยค่ะ… ทั้งหมดมันเป็นเพราะข้าเอง…”

 

ในขณะที่พูด ฟีเน่ก็ยิ่งดูสลดใจ ดูเหมือนเธอจะคิดว่าปัญหาในครั้งนี้เป็นความผิดของเธอสินะ

 

ไร้สาระชะมัด

 

“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ความรับผิดชอบครึ่งหนึ่งมันอยู่กับพวกขุนนางโง่เง่าและอีกครึ่งก็คือพ่อของข้าเอง”

 

“แต่ว่า…มันก็เป็นเพราะข้าอยู่ข้างท่านอัล…”

 

“อย่าเข้าใจผิดไปสิ ถ้าข้าคิดว่าเจ้าน่ารำคาญข้าก็คงจะส่งเจ้ากลับบ้านไปตั้งนานแล้ว ความจริงที่ว่าเจ้ายังอยู่ข้างข้าก็หมายความว่าข้าไม่ได้คิดแบบนั้น เข้าใจไหม?”

 

ในตอนที่ฉันกดดันฟีเน่ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เธอก็พยักหน้าด้วยสีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ ในขณะที่ยิ้มให้ฟีเน่ที่เป็นเช่นนั้น ฉันก็ขอให้เธอชงชาให้เหมือนปกติ

 

“ดี ถ้างั้นช่วยชงชาให้หน่อยสิ? ข้าอยากได้อะไรแรงๆซักหน่อย”

 

“ด..ได้ค่ะ! ข้าจะรีบเตรียมให้ในทันที! เอ่อ คือว่า…ท่านอัล….?”

 

“หืม?”

 

“คือว่า…ข้าเอาขนมมาด้วย….”

 

“ถ้างั้นก็เอามาพร้อมกันนั่นล่ะ”

 

“ค..ค่ะ! ข้าหวังว่าท่านจะชอบนะคะ

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น ฟีเน่ก็เริ่มเตรียมของในขณะที่ฮัมเพลงไปด้วย

 

ภาพที่ปกติ ชีวิตประจำวันที่ปกติ

 

ตอนนี้ มีผู้คนพยายามทำลายมันอยู่ ที่สำคัญกว่านั้น พวกที่ต้องการทำลายชีวิตประจำวันอันแสนยอดเยี่ยมของฉันนี้กลับมีสถานะเป็นแค่เบื้องล่างของฉัน

 

“ข้าจะไม่ปราณีแน่…”

 

ฉันพึมพำเบาๆด้วยความมุ่งมั่นด้วยน้ำเสียงที่ฟีเน่คงไม่ได้ยิน

 

ในตอนที่ฉันพึมพำออกมาเช่นนั้น ความโกรธก็พุ่งพล่านจากก้นบึ้งของหัวใจฉันแต่ฉันก็รีบสงบจิตใจของตัวเองลง

 

อย่างน้อยฉันก็อยากจะยิ้มต่อหน้าฟีเน่ ถึงยังไงถ้าฉันทำสีหน้าน่ากลัว เธอก็อาจจะเป็นห่วงฉันอีก

 

“เตรียมเสร็จแล้วค่ะ! ท่านอัล!”

 

“ขอบใจนะ”

 

ฉันจิบชาดำที่มีรสชาติอร่อยเหมือนเช่นเคย